สถิตในดวงใจไทยทุกคน

       จากเหตุการณ์ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของพสกนิกรไทย หลังจากข่าวการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร นำความโศกเศร้าเสียใจมาสู่พี่น้องคนไทย แต่กระนั้นความจงรักภักดีที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ยังคงสถิตอยู่ในใจคนไทยทุกคน โอกาสนี้จึงได้เชิญพระประยูรญาติและเหล่าข้าราชบริพารที่เคยถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความรักอันงดงามที่พระราชทานแก่ปวงชาวไทย 

       เริ่มต้นจาก ม.จ.ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ทรงเล่าถึงภาพประทับใจเมื่อครั้งตามเสด็จไปทรงเยี่ยมราษฎรว่า ตอนนั้นเป็นข้าราชบริพารตามเสด็จไปหัวหิน ไปเชียงใหม่ มีโอกาสได้ตามเสด็จขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อขึ้นไปภูพิงค์ ไปดูว่าชาวเขาบนนั้นดำเนินชีวิตอย่างไร ซึ่งก็เห็นว่าบนนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเลย ชาวเขาตัดต้นไม้ปลูกฝิ่นกันตามใจชอบ ถนนหนทางก็ไม่มี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเข้าไปคุยกับชาวเขาด้วยพระองค์เองว่าให้เลิกปลูกฝิ่นและนำเมล็ดพันธุ์ของผลไม้ ดอกไม้เมืองหนาวไปให้เพื่อปลูกสร้างรายได้แทนฝิ่น

       ม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์ ธิดาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ผู้มีโอกาสถวายงานด้านดนตรี กล่าวว่า ทั้งสองพระองค์ทรงมีความรักในเสียงเพลงเหมือนกัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโปรดเพลงแจ๊ส เพลงบลูส์ ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเพลงคลาสสิก พระองค์เข้าพระราชหฤทัยกันได้ดีผ่านเสียงเพลง

       ด้าน ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ราชเลขานุการในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ กล่าวว่า เมื่อครั้งปี 2513 เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ภาคอีสาน ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎร ทรงเห็นว่าราษฎรในภาคอีสานมีความเดือดร้อน ยากจน รายได้น้อย จึงทรงหาวิธีที่จะช่วยให้ราษฎรได้มีรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อได้ทอดพระเนตรเสื้อผ้าที่ราษฎรใส่มารับเสด็จเป็นผ้าไหมที่มีความสวยงาม จึงมีพระราชดำริว่า สิ่งนี้แหละจะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น 

       ท่านผู้หญิงพึงจิตต์ ศุภมิตร คุณข้าหลวงใหญ่ในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เล่าถึงความประทับใจที่มีโอกาสได้ร่วมอยู่ในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส และตามเสด็จไปที่วังไกลกังวลในช่วงที่ทรงฮันนีมูนว่า ตื่นเต้นมากตอนนั่งรถไฟไปวังไกลกังวล เพราะตลอดสองข้างทางมีประชาชนมาเฝ้ารอรับเสด็จเพื่อชื่นชมพระบารมีเต็มไปหมด

       ขณะที่ บรรยงค์ ล่ำซำ ประธานกิตติมศักดิ์ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึง การน้อมนำแนวพระราชดำริมาเป็นหลักในการบริหารงานและดำเนินชีวิตว่า เมื่อได้รับฟังแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แล้ว ก็ได้นำข้อคิดมาปรับใช้ทั้งในการบริหารงานและชีวิตส่วนตัว ธนาคารกสิกรไทยจึงเริ่มสนองพระราชดำรินับแต่นั้น ตนเองได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ตามเสด็จฯ ไปในที่ต่างๆ เป็นครั้งคราว มีโอกาสเห็นถึงการทรงงานอย่างทุ่มเทเพื่อประชาชนของทั้งสองพระองค์ด้วยความเสียสละและไม่เคยย่อท้อ ทำให้รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจเป็นอย่างยิ่ง 

       ปิดท้ายที่ วนิดา ดุละลัมพะ ย้อนรำลึกเมื่อครั้งแสดงเป็น “มโนราห์” ในการแสดงในพระบรมราชูปถัมภ์ เพลงพระราชนิพนธ์ ชุดมโนห์รา “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ Kinari suite เป็นชุดมโนราห์ มีการแสดงเป็นการเต้นบัลเลต์ประกอบเรื่องราวของพระสุธน-มโนราห์ เกี่ยวกับเรื่องความรัก นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการแสดงประเภทนี้ และยังเป็นการแสดงในพระบรมราชูปถัมภ์ด้วย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงควบคุมการซ้อมเอง ถ้ามีการติดขัดอะไรจะทรงถามว่าเป็นอย่างไร มีอะไรเกิดขึ้น ทรงดูแลทั้งหมด แม้กระทั่งรถรับส่ง มีอาหารให้รับประทานทุกคน เป็นที่ซาบซึ้งมาก