ย้อนวันวานสัมผัสวิถีไทย

 

สามสรา เอี่ยมเอกดุลย์-พัณณิตา สนิทวงศ์ ณ อุธยา

        เนื่องด้วย พ.ศ.2559 เป็นปีแห่งการครบรอบวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ 234 ปี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดงาน “บางกอกวารี แอท เซ็นทรัลเวิลด์” เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ 234 ปี จำลองบรรยากาศย้อนวันวาน ริมน้ำในคอนเซ็ปต์ ได้แก่ 2 ฝั่งราชธานีริมน้ำเจ้าพระยา, 3 วิถีชุมชนริมธารา ณ ฝั่งธนฯ และ 4 ชุมชนริมคลองรอบพระนคร โดยมี พัณณิตา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, สุพิณดา หวังทรัพย์คณา, สามสรา เอี่ยมเอกดุลย์, ณชา จึงกานต์กุล ร่วมย้อนรอยเวนิสตะวันออก พร้อมชวนลิ้มรสความอร่อยของขนมและอาหารถิ่น สนุกช็อปกับสินค้าชื่อดังประจำชุมชนกว่า 200 ร้านค้า เช่น โขนจิ๋ว, การตีบาตร, เลือกซื้อผลิตภัณฑ์โอท็อป 5 ดาวจากทั่วประเทศพร้อมเพลิดเพลินกับการแสดงพื้นบ้านตลอดวัน ตั้งแต่วันนี้-31 กรกฎาคม 2559 บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

สุพิณดา หวังทรัพย์คณา

       เริ่มย้อนวันวานกับ “อุ๋ย” สุพิณดา หวังทรัพย์คณา บอกว่า ตัวเองเรียนอยู่สตรีวิทยาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปากคลองตลาด ตลาดพลู ตรอกข้าวสาร บางลำพู เรียกว่าย่านฝั่งนคร คือถิ่นของเราที่เดินมาตั้งแต่เด็ก เวลาเดินเที่ยวจะได้ชื่นชมกับบรรยากาศและอาหารอร่อยๆ กลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง คุณพ่อจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับอาหารการกินของยุคก่อนบ่อยๆ ที่เมื่อเห็นร้านเก่าๆ ที่ยังขายอยู่เมื่อไหร่ก็ทำให้ท่านก็จะนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ได้เสมอ 

ณชา จึงกานต์กุล

           

            ด้าน “โบว์” ณชา จึงกานต์กุล เล่าย้อนว่า สมัยเด็กๆ ก็มักจะไปซื้อชุดนักเรียนย่านบางลำพู ก็จะเห็นได้ว่านอกจากจะเป็นแหล่งแฟชั่นแล้วยังมีอาหารละลานตาอีกด้วย ร้านที่ขายอยู่แถวนั้นก็มาออกร้านในงานหลายร้านเลย เช่น ข้าวยำ-น้ำพริก, ไส้กรอกปลาแนม ข้าวแช่ชาววัง ทำให้เรานึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เราเคยไปเดิน และยังมีปากคลองตลาดที่ชอบไปซื้อดอกไม้สวยๆ มาประดับแจกันด้วย สังเกตได้ว่าไม่ว่ากรุงรัตนโกสินทร์จะผ่านไปกี่ยุคสมัยสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยจากหายไปจากแผ่นดินนี้คือรอยยิ้ม เพราะไม่ว่าเราจะเดินไปในย่านไหนของกรุงเทพฯ ก็ยังสามารถเห็นรอยยิ้มของพ่อค้าแม่ขาย คนเดินซื้อของ หรือใครก็ตาม มันคือเสน่ห์ที่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
        อีกหนึ่งสาว  “แก้ม” สามสรา เอี่ยมเอกดุลย์ ที่มาเที่ยวงานบางกอกวารี เซ็นทรัลเวิลด์แล้วทำให้นึกถึงสมัยก่อนตอนที่เรายังเด็กๆ เพราะเวลาคุณลุงไปข้างนอกกลับมาก็ชอบซื้อข้าวเกรียบว่าวมาให้รับประทานเป็นประจำ พอโตขึ้นก็ไม่ค่อยได้รับประทานเพราะหายากขึ้น บวกกับบรรยากาศที่ตกแต่งให้ย้อนไปในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนกลางเลยทำให้เรารู้สึกได้ย้อนวันวานไปได้จริงๆ ด้วยความที่เรียนสถาปัตย์มาก็จะได้ไปสำรวจสถานที่ ไปดูเมืองหรือย่านเก่าๆ ในกรุงเทพฯ เป็นประจำ อย่างกุฎีจีนย่านชุมชนโบราณที่มี 3 ศาสนา 4 เชื้อชาติ มาอาศัยอยู่รวมกัน ซึ่งย่านนี้จะมีการผสมผสานสถาปัตยกรรม เช่น โบสถ์ซางตาครู้ส, วัด และมัสยิด และภายในงานยังจะได้ชิมอาหารคาวหวานไม่ว่าจะเป็น ขนมไทยโบราณตำนานท้าวทองกีบม้าจากโปรตุเกส, อาหารอิสลาม, ขนมฝรั่งกุฎีจีน ถ้ามีโอกาสได้ไปเดินดูสถานที่จริงจะได้เห็นวัฒนธรรมที่หลอมรวมเป็นเอกลักษณ์ของย่านต่างๆ บางมุมเมืองที่ยังคงรักษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้อยู่ เป็นสิ่งที่จะทำให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิต ไม่ใช่เห็นแต่ตึกสูงใหญ่ทันสมัยอย่างเดียว

จำลองชุมชนภูเขาทอง 
     

        ปิดท้ายที่ พัณณิตา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา บอกว่า ชอบรับประทานอาหารไทยๆ แบบสตรีทฟู้ดอยู่แล้ว ยิ่งเวลามีงานที่รวมร้านเด็ดร้านดังประจำย่านต่างๆ มาให้ชิมแบบทั่วถึงจะรู้สึกว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ด้านอาหารและวัฒนธรรมให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น อาหารที่ชอบแล้วมาออกร้านในงานก็เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ, น้ำตาลสด, ผัดไทยเข่งปลาทู ซึ่งแต่ละร้านเขาก็มีครีเอทให้เมนูของตัวเองน่าซื้อน่ารับประทาน อย่างร้านจากตลาดรังสิตแทนที่จะใส่ชามธรรมดาเขาก็เอากะลามะพร้าวมาใส่เป็นภาชนะ น้ำตาลสดใส่กระบอกไม้ไผ่ ข้าวอบใบบัว ผัดไทยใส่เข่งปลาทู มันคือการประยุกต์ให้อาหารที่อร่อยอยู่แล้วได้รสชาติมากยิ่งขึ้น