วันนี้ในอดีต

30 ต.ค.2558 พบศพเสี่ยอู๊ด นักสร้างพระ กับจดหมายลา...สุดช้ำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หากดวงวิญญาณมีจริง ดวงวิญญาณของเสี่ยอู๊ดคงนั่งมองร่างไร้ลมหายใจของตนเองนอนคว่ำหน้าอย่างโดดเดี่ยวเช่นนั้นอยู่ถึง 2 วัน 2 คืน 

          ต้องบอกว่า ช็อคคนไทยพอสมควรกับข่าวของรุ่งเช้าวันที่ 30 ต.ค.2558 หรือวันนี้เมื่อ3 ปีก่อน

          เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า บุคคลที่เคยมีคนรายล้อมมากมาย มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ อย่าง “เสี่ยอู๊ด-สิทธิกร บุญฉิม” ผู้กว้างขวางในวงการสร้างพระเครื่อง และวัตถุมงคล จะต้องมาพบกับจุดจบที่สลดใจเช่นนี้

          โดยภายหลังมีรายงานว่า ศพของเขาถูกพบหลังจากเสียชีวิตไปราววันที่ 28 ต.ค.2558 นั่นแปลว่าหากดวงวิญญาณมีจริง ดวงวิญญาณของเสี่ยอู๊ดคงนั่งมองร่างไร้ลมหายใจของตนเองนอนคว่ำหน้าอย่างโดดเดี่ยวเช่นนั้นอยู่ถึง 2 วัน 2 คืน ในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมือง จ.พิษณุโลก

30 ต.ค.2558  พบศพเสี่ยอู๊ด นักสร้างพระ  กับจดหมายลา...สุดช้ำ

          ทั้งนี้ ผู้พบศพระบุว่า เสี่ยอู๊ดได้เข้ามาพักโรงแรมกับชายคนหนึ่งที่เป็นรุ่นน้องคนสนิท ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยกำชับพนักงานห้ามคนเข้ามารบกวน เพราะอยากอยู่อย่างสงบๆ

          กระทั่งถึงวันกำหนดออกคือวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางเสี่ยอู้ดกลับไม่มาบอกว่าจะขออยู่ต่อ หรือย้ายออกไปทำให้พนักงานต้องทำตามกฎนำกุญแจมาไขเพื่อตรวจสอบผู้เช่าห้อง และพบว่าเสี่ยอู้ดเสียชีวิตแล้วดังกล่าว

          แต่มุมหนึ่งที่น่าคิดคือ ระหว่างการฆ่าตัวตายโดยอารมณ์ชั่ววูบ กับการเตรียมวางแผนเดินทางไกลไม่มีวันกลับนั้น อันไหนจะสลดใจยิ่งกว่ากัน

30 ต.ค.2558  พบศพเสี่ยอู๊ด นักสร้างพระ  กับจดหมายลา...สุดช้ำ

          สำหรับ “เสี่ยอู๊ด” ค่าที่ชีวิตวนเวียนอยู่กับเรื่องของพระ คงมีส่วนที่ทำให้เขาได้ซึมซับความคิดของการเตรียมตัวในโลกหน้าอยู่ไม่น้อย

          ดังนั้น การจากไปครั้งนี้ เสี่ยอู๊ดได้มีการวางแผนไว้อยู่แล้ว ว่าจะทำการปลิดชีพตนเอง เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือศพถูกทำร้าย ขณะที่บริเวณข้างเตียงมีซองยานอนหลับทิ้งเอาไว้ และถูกแกะกินไปหลายเม็ดอีกด้วย!!

          นอกจากนี้ เขายังมิได้ทำภาระให้กับคนข้างหลัง ที่จะต้องทิ้งปริศนาใดๆ ให้ญาติพี่น้องต้องตามหาคำตอบ เพราะเขาได้เขียนจดหมายลาตาย พร้อมระบุชื่อ และลายเซ็นของตนเองเสร็จสรรพไว้ด้วย โดยจดหมายนั้น เขียนด้วยลายมือของตนเอง

          แต่แน่นอนที่เนื้อความของจดหมาย จะมีหลากหลายอารมณ์เคล้าคละกันไป เพราะคนที่ไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป ย่อมต้องไปด้วยความทุกข์ระทมเป็นแน่

          เสี่ยอู๊ดพรั่งพรูความในใจทั้งหมดออกมาเป็นตัวหนังสือ ทำนองว่าตนนั้นเคยช่วยเหลือสร้างสิ่งสารธาณะกุศลทั่วไปด้วยเงินกว่า 3,000 ล้านบาท แต่กลับลืมคิดเก็บเงินให้ตัวเอง และเมื่อตัวเองเดือดร้อน ผลตอบแทนกลับมากลับไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ

30 ต.ค.2558  พบศพเสี่ยอู๊ด นักสร้างพระ  กับจดหมายลา...สุดช้ำ

          พูดง่ายๆ ว่าเสี่ยคนดังเต็มไปด้วยความ “น้อยเนื้อต่ำใจ” จากการกระทำที่ผ่านมาเป็นเหตุผลใหญ่ โดยเนื้อความในจดหมาย มีว่า

          (ภูมิใจ) จากเด็กกำพร้ายากจน มีวุฒิ ม.3 ได้หาเงินช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา ก่อเกิดสาธารณะประโยชน์ เป็นวัด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานศึกษา มหาวิทยาลัยสงฆ์ องค์กรการกุศล สงเคราะห์ผู้ยากไร้ อุปการะเยาวชนให้เล่าเรียน คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์และเงินรวมๆ บริจาคไปกว่า 3,000 ล้านบาท กระจายอยู่ทั่วแผ่นดิน ทั้งที่คนรู้และไม่รู้

          (เสียใจ) ที่หาเงินได้มากมาย แต่ไม่เคยเก็บสะสมสร้างฐานะ เพราะมัวแต่ช่วยผู้อื่น ไม่เคยช่วยพี่น้อง ช่วยสาธารณะจนตัวเองเดือดร้อน ผลตอบแทนกลับมาให้เสื่อมเสีย ไม่มีความดีและความจริงจากผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือไป จะเป็นจริงอย่างถาวร “ดีชั่ว ถูกผิด ยึดติดใครไม่ได้”

          (คำสั่ง) หากเสียชีวิตที่พิษณุโลก ให้น้องชายขึ้นมาจัดการศพ ทำการเผาทันที ไม่ให้จัดพิธีการใดๆ ไม่ให้บำเพ็ญกุศล เพราะไม่ต้องการให้พี่น้องเดือดร้อน ไม่ต้องการให้คนอื่นต้องมายุ่งยาก ที่สำคัญผมทำบุญไว้เยอะแล้ว ไม่มีใครจะทำบุญให้ผมได้เท่าที่ตัวผมทำตอนอยู่

          ท้ายสุดฝากบอกบุญ เชิญคนไทยไปบริจาคทรัพย์สินรับพระกริ่ง ซึ่งผมบริจาคไว้ 75 ล้านบาท ช่วยสร้างอาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาวของคณะแพทย์ศาสตร์ มช. นะครับ

          ฝากคำคมข้อคิด จากบัณฑิต ม.3

          “ดีที่สุด คือหยุดอยาก...ดียาก คือยากที่สุด”

          ลงชื่อ สิทธิกร วันออกพรรษา ปี 2558

          อย่างไรก็ดี หากย้อนดูข่าวจะพบว่า การวางแผนลาโลกของเสี่ยอู๊ด ดำเนินมาก่อนหน้านั้นระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตเห็น

          โดย “เสี่ยอู๊ด” เคยได้ส่งข้อความไลน์ลาโลกถึงเพื่อนทุกคน แม้กระทั่งผู้สื่อข่าว “คม ชัด ลึก” ในทำนองที่ว่า “เมื่อตายไปให้ช่วยนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงด้วย” แต่ช่วงนั้นก็ไม่มีใครคิดว่าไลน์ของเสี่ยอู๊ดครั้งนั้น จะกลายเป็นเรื่องจริง

30 ต.ค.2558  พบศพเสี่ยอู๊ด นักสร้างพระ  กับจดหมายลา...สุดช้ำ

          ทีมข่าวคมชัดลึกค้นหาความจริงจนได้พบข้อมูล ซึ่งได้เล่าไว้ในบทความตามลิงค์นี้ http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/216662 ว่า

           เสี่ยอู๊ดได้เดินสายลาพี่น้องทุกคนด้วยปากตัวเอง พร้อมจองโรงแรมที่จะจบชีวิต โดยข้อมูลนี้ ได้มาจาก สุพจน์ เลาหะประทุมบุตร หรือ เจียง คนขับรถคนสนิทที่เสี่ยอู๊ดจ้างให้เป็นคนขับรถตั้งแต่พ้นโทษจากเรือนจำเมื่อหลายปีก่อน เขาบอกว่าตนเองเป็นคนขับรถพาเสี่ยอู๊ดไปสั่งลาญาติพี่น้องเขาที่บ้านฉางเกือบทุกคน

          "แต่ผมไม่รู้ว่าเขาสั่งลาอะไรกันบ้าง เสี่ยอู๊ดจะเรียกพี่น้องแต่ละคนมาคุยบนรถตู้ คุยกับพี่ชายก่อน ตามด้วยน้องชายคนเล็ก จากนั้นก็ไปหาอาเตี่ยว คุยกันนานที่สุดกว่า 3 ชั่วโมง วันที่มาสั่งลาญาติๆ เสี่ยอู๊ดบอกว่า เจียงสิ้นเดือนนี้ผมก็ไม่อยู่ ผมก็จะตายแล้ว”

          แถมยังบอกว่า ถ้าเสี่ยอู๊ดไม่ตายที่พิษณุโลก ตนก็จะกลายเป็นคนเลือก จองและจ่ายเงินค่าที่ตายให้เสี่ยอู๊ด

          ที่เหลือ เจียงยังได้เล่าถึงความในใจของเสี่ยอู๊ดที่เคยเล่าไว้ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต ดังนี้

          เสี่ยอู๊ดเคยอุปการะผู้คนเล่าเรียนจำนวนมากรวมเกือบร้อยคน ที่แจกทุนทั่วไปมีเป็นพันๆ คน ขณะที่เสี่ยอู๊ดติดคุก ก็ยังสั่งการออกมาให้มอบเงินทุนรวมหลายล้าน  เป็นรางวัลแก่ทุกคนที่มีผลการเรียนดี หรือที่จำเป็นจะใช้บ้าง และก็ให้ทุนทั่วๆ ไปทุกงานบ้าง

30 ต.ค.2558  พบศพเสี่ยอู๊ด นักสร้างพระ  กับจดหมายลา...สุดช้ำ

          ทั้งนี้ นักเรียนทุนที่ยังได้เงินอยู่ก็จะแสดงความเป็นคนดี โดยเขียนจดหมายถึงขณะอยู่ในคุกอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เมื่อพ้นโทษ และไม่มีเงินมากพอ จึงไม่ได้มอบทุนต่อ ปรากฏว่าเด็กๆ เหล่านั้นก็ค่อยๆ หายไปจากชีวิต 

          และที่่เสี่ยอู๊ดน้อยใจมากคือ ไม่มีนักเรียนทุนคนใดจะกล้าเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าตนเองสำเร็จการศึกษาด้วยเงินทุนจากนักโทษในคุก!!!

          และเรื่องราวอีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับวัด พระ และเส้นทางการสร้างพระ สร้างโบสถ์ของเสี่ยอู๊ดทั้งสิ้น

          รวมไปถึงเรื่องน้อยใจบางเรื่องเกี่ยวกับดาราดังคนหนึ่งที่เคยมีข่าวว่าสนิทสนมกัน หากแต่ได้รับการปฏิเสธมาโดยตลอด

          ที่สุด เจียงบอกว่า เสี่ยอู๊ดไม่เปิดอ่านไลน์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ซึ่งปกติแล้วหลังจากส่งข้อความไปไม่เกิน 5 นาที จะตอบมา ตอนแรกคิดว่าระบบไลน์ หรือโทรศัพท์เสีย จึงเอาไปซ่อม หลังซ่อมก็ส่งไปอีก มารู้สาเหตุที่ไม่เปิดอ่านไลน์ก็กลายเป็นข่าวฆ่าตัวตาย

          อย่างไรก็ตาม แม้เสี่ยอู๊ดจะไม่ได้เปิดอ่านไลน์ แต่เจียงยังส่งข้อความผ่านไลน์ไปบอกเสี่ยอู๊ดว่า “ไปสวดอภิธรรมแล้วน่ะแต่ไม่ได้ไปเผา” นอกจากนี้แล้ว เท่าที่ทราบ เพื่อนๆ ของเสี่ยอู๊ดหลายสิบคนได้ส่งไลน์ไปคุยกับเสี่ยอู๊ด เพียงคิดว่า “เสี่ยอู๊ดน่าจะรับรู้และอ่านไลน์ราวกับยังมีชีวิตอยู่” (อ่านทั้งหมดจาก http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/216662)

          ถึงตรงนี้ ถ้าจะพูดถึงจุดที่ชีวิตของเสี่ยอู๊ดพลิกหงายหลายตลบ ก็คงเป็นตอนที่เขาถูกจับกุมในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน กรณีจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวกว่าล้านองค์

30 ต.ค.2558  พบศพเสี่ยอู๊ด นักสร้างพระ  กับจดหมายลา...สุดช้ำ

          เสี่ยอู๊ดโดนจำคุกเป็นเวลา 5 ปี ตั้งช่วงปลายปี พ.ศ. 2551 จนเมื่อพ้นโทษออกมาเมื่อปี พ.ศ. 2556 เขายังไปออกรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง

          โดยเสี่ยอู๊ดเล่าว่าตนนั้นเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วในคุก และยังบอกว่า ครั้งนั้นถือว่าเป็นทุนชีวิต ที่รอดออกมาได้ถือว่าเป็นกำไรชีวิต

          ยิ่งไปกว่านั้น คือเคยบอกว่า “การฆ่าตัวตายใครคิดว่าเป็นบาป ในสมัยพุทธกาลยังมีพระอรหันต์รูปหนึ่งยังฆ่าตัวตาย เพราะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำหมดแล้ว และเราก็ปลงกับโลกนี้แล้ว”

          ทั้งยังระบุว่า ตนไม่รู้สึกบาป เพราะไม่เชื่อเรื่องบาปบุญแล้ว ไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง ที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่ต้องการผจญความทุกข์แล้ว กลับไปที่ๆ เคยมา ตอนนั้นจึงตัดสินใจกินยานอนหลับชนิดที่รุนแรงที่สุด แต่ก็มีผู้คุมมาเห็น และช่วยไว้ได้

          แต่แล้ว 2 ปีต่อมา เมื่อเขาคิดว่าถึงเวลาของเขาแล้ว เราคนไทยจึงได้ยินพร้อมกันว่าเขาได้ลาโลกไปแล้ว ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองพิษณุโลก

////

 

ข้อมูลจาก http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/216662

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ