พระเครื่อง

ก่อนที่‘เสี่ยอู๊ด‘ไลน์ลาโลก‘เจียง’คนขับรถพาลาทุกคน!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ก่อนที่‘เสี่ยอู๊ด‘ไลน์ลาโลก‘เจียง’คนขับรถพาลาทุกคน! : ไตรเทพ ไกรงูรายงาน

            การเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายของ “สิทธิกร บุญฉิม” หรือ “เสี่ยอู๊ด” นักสร้างพระชื่อดัง ได้ทิ้งข้อสงสัยไว้มากมาย แต่ถ้าดูเนื้อความในจดหมายที่เสี่ยคนดังทิ้งไว้ในห้องพักก่อนจบชีวิตจะพบว่า ทุกเรื่องมาจากความ “น้อยเนื้อต่ำใจ” จากการกระทำที่ผ่านมาเป็นเหตุผลใหญ่

            ก่อนที่จะจบชีวิตลง “เสี่ยอู๊ด” ได้ส่งข้อความไลน์ลาโลกถึงเพื่อนทุกคน แม้กระทั่งผู้สื่อข่าว “คม ชัด ลึก” ในทำนองที่ว่า “เมื่อตายไปให้ช่วยนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงด้วย” โดยไม่มีใครคิดมาก่อนว่า “ไลน์ลาโลกของเสี่ยอู๊ดจะกลายเป็นเรื่องจริง!!”

            แต่ยังมีเรื่องสุดจะเหลือเชื่อยิ่งกว่า คือ “เสี่ยอู๊ดเดินสายลาพี่น้องทุกคนด้วยปากตัวเอง พร้อมจองโรงแรมที่จะจบชีวิต”

            “ผมเป็นคนขับรถพาเสี่ยอู๊ดไปสั่งลาญาติพี่น้องเขาที่บ้านฉางเกือบทุกคน แต่ผมไม่รู้ว่าเขาสั่งลาอะไรกันบ้าง เสี่ยอู๊ดจะเรียกพี่น้องแต่ละคนมาคุยบนรถตู้ คุยกับพี่ชายก่อน ตามด้วยน้องชายคนเล็ก จากนั้นก็ไปหาอาเตี่ยว คุยกันนานที่สุดกว่า 3 ชั่วโมง วันที่มาสั่งลาญาติๆ เสี่ยอู๊ดบอกว่า เจียงสิ้นเดือนนี้ผมก็ไม่อยู่ ผมก็จะตายแล้ว”

            นี่เป็นคำยืนยันของ นายสุพจน์ เลาหะประทุมบุตร หรือ เจียง คนขับรถคนสนิทที่เสี่ยอู๊ดจ้างให้เป็นคนขับรถตั้งแต่พ้นโทษจากเรือนจำเมื่อหลายปีก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่า “เจียง เป็นคนแปดริ้ว เช่นเดียวกับพ่อแม่เสี่ยอู๊ด”

            เจียงบอกว่า ถ้าเสี่ยอู๊ดไม่ตายที่พิษณุโลก ผมก็จะกลายเป็นคนเลือก จองและจ่ายเงินค่าที่ตายให้เสี่ยอู๊ด จริงๆ แล้วเสี่ยอู๊ดเลือกจะตายที่เชียงใหม่ โดยให้เลือกรีสอร์ทเงียบๆ คนไม่พลุกพล่าน ราคาแพง แต่ที่สำคัญคือไม่ได้ช่วงเวลาตอนสิ้นเดือนติดต่อกัน 6 วัน จากนั้นก็ไปเลือกที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ก็ไม่มีสถานที่ถูกใจ พร้อมกับกำชับว่า “วิวสวยๆ ที่เป็นธรรมชาติ ต้องสั่งแม่บ้านและห้ามใครรบกวนได้” พร้อมกับบอกว่า “ไปส่งอย่างเดียว ส่วนขากลับจะหาทางกลับเอง ไม่ต้องห่วง”

            ในที่สุดก็จองรีสอร์ทแห่งหนึ่งบนดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เข้าพัก 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 19-25 ตุลาคม 2558 โดยนัดกันว่าจะออกเดินทางเช้าวันที่ 19 ตุลาคม แต่ก่อนที่จะเดินทาง 2 วัน ซึ่งเป็นวันที่ 17 ตุลาคม เสี่ยอู๊ดโทรมายกเลิกโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นเสี่ยอู๊ดก็โพสต์รูปนั่งรถตู้ไปพิษณุโลก

            “โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า เสี่ยอู๊ดมีความตั้งใจตาย ชนิดที่เรียกว่า เตรียม การทุกเรื่องก่อนตายเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับคนที่อยู่ข้างหลัง จดหมายที่เรียกว่าพินัยกรรมที่เขียนถึงน้องคนสุดท้องเขียนในรถตู้” เจียงกล่าว

            ส่วน 11 เรื่องที่เสี่ยอู๊ดน้อยใจ เจียงบอกว่า ไม่ทราบว่าเขียนตอนไหน โดยนิสัยส่วนตัวเสี่ยอู๊ดชอบเขียนหนังสืออยู่แล้ว เวลาเขียนส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเช้าก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้จะชอบเขียนบรรยายภาพความประทับใจสถานที่ต่างๆ ที่เดินทางไปเที่ยว

            การนั่งรถตู้โดยสารไปต่างจังหวัดตามลำพังนั้น คือการเดินทางไปพิษณุโลกเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้ายที่เสี่ยอู๊ดนั่งรถตู้โดยสาร ในวันนั้นเสี่ยอู๊ดยังไลน์ให้มาเก็บตังค์ที่ค้างไว้ พร้อมกำชับว่า “สิ้นเดือนจะไม่อยู่แล้ว”  ได้ตอบไปว่า “ผมก็ไม่ว่างที่จะไปรับเงิน ไว้กลับมาค่อยเคลียร์กัน” ตลอด 7 วันก่อนตายเสี่ยอู๊ดจะส่งรูปมาโชว์ตลอด

            คนที่รักมากที่สุดคือ พระรูปหนึ่งที่วัดสุทัศน์ และเจ็บมากที่สุดคือพระรูปเดียวกัน พูดทุกครั้งชนิดที่เรียกว่า มีปากเสียงกันจนไม่จ้างรถนานถึง 6 เดือนเลยทีเดียว

            เสี่ยอู๊ดเคยบอกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งอยู่ในคุกเคยตายมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนั้นถือว่าเป็นทุนชีวิต ที่รอดออกมาได้ถือว่าเป็นกำไรชีวิต ที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ เคยบอกว่า “การฆ่าตัวตายใครคิดว่าเป็นบาป ในสมัยพุทธกาลยังมีพระอรหันต์รูปหนึ่งยังฆ่าตัวตาย เพราะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำหมดแล้ว และเราก็ปลงกับโลกนี้แล้ว”

            เมื่อได้ยินประโยคนี้ถึงกับอึ้ง แต่ผมไม่คิดว่าเสี่ยอู๊ดจะตายตามที่บอก

            ช่วงเดือนสุดท้ายเสี่ยอู๊ดจะเดินทางไปวัด โดยนำพระกริ่งขึ้นเหนือ ซึ่งเป็นพระเครื่องรุ่นสุดท้ายไปถวายวัด และทุกครั้งที่นำพระไปถวาย เสี่ยอู๊ดจะถามในทำนองว่า “จะรับถวายพระจากคนติดคุกหรือไม่” ซึ่งไม่มีพระวัดไหนปฏิเสธ

            ระหว่างที่เป็นคนขับรถให้เสี่ยอู๊ด ได้รับรู้เรื่องต่างๆ นานาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ครั้งหนึ่งเคยถามเสี่ยอู๊ดว่า “ผ่านและทนมาได้อย่างไร” เสี่ยอู๊ดตอบว่า “เพราะอยากให้ความสำเร็จ” ซึ่งทุกๆ ครั้งที่ไปจังหวัดใดก็ตาม จะไปหานักเรียนทุนกว่า 50 คน ที่ส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรีทุกคน ไปเพียงเพื่ออยากดูความสำเร็จ ไม่ได้ไปร้องขอให้ช่วยเหลืออะไร แต่เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า “นักเรียนทุนปฏิเสธที่จะมาพบ” ในที่สุดความคิดเรื่องไปเยี่ยมเด็กทุนให้ครบทุกคนต้องมีอันล้มเลิกไป

            เสี่ยอู๊ดเล่าให้ฟังว่า เคยอุปการะผู้คนเล่าเรียนจำนวนมากรวมเกือบร้อยคน ที่แจกทุนทั่วไปมีเป็นพันๆ คน สมัยนั้นนักเรียนทุกคนเวลาคุยจะนั่งกับพื้น เมื่อติดคุกยังสั่งการออกมาให้มอบเงินทุนรวมหลายล้าน เป็นรางวัลแก่ทุกคนที่มีผลการเรียนดีบ้าง ที่จำเป็นจะใช้บ้าง และก็ให้ทุนทั่วๆ ไปทุกงานบ้าง

            สิ่งหนึ่งที่ทำให้เสี่ยอู๊ดมีความรู้สึกดีบ้าง คือ นักเรียนทุนที่ยังได้เงินอยู่ก็จะแสดงความเป็นคนดี โดยเขียนจดหมายถึงขณะอยู่ในคุกอย่างต่อเนื่อง แต่พอพ้นโทษและไม่มีเงินมากพอจึงไม่ได้มอบทุนต่อ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ก็ทยอยหายไปจากชีวิต แม้แต่นิสิตแพทย์จุฬาฯ นักเรียนนายร้อย จปร. ที่เคยเขียนจดหมายพรรณนาว่าอยากเจอ ถึงวันนี้ 8 ปีที่ไม่เคยได้พบหน้ากัน

            สิ่งที่เสี่ยอู๊ดน้อยใจเรื่องนักเรียนทุนคือ ไม่มีนักเรียนทุนคนใดจะกล้าเปิดเผยต่อสาธารณชนในเฟซบุ๊ก ไทม์ไลน์ อินสตาแกรม ว่า สำเร็จการศึกษาด้วยเงินทุนจากนักโทษในคุก!!!! อดีตนักเรียนทุนทั้งหลายที่ทำเช่นนี้กับเสี่ยอู๊ด เพราะต่างเห็นพี่สิทธิกรเป็นคนชั่ว ไม่น่าเคารพนับถือไปแล้ว

            นอกจากนี้ เรื่องที่เสี่ยอู๊ดฝังใจมากที่สุด และมักพูดทุกครั้ง คือ ก่อนเข้าคุกได้บริจาคเงินทำบุญสร้างโบสถ์ให้วัดแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง จำนวน 22 ล้านบาท พร้อมสร้างพระประธานถวาย วันที่ยกช่อฟ้าไม่รู้ว่าเจ้าอาวาสคิดอะไรอยู่ เขียนจดหมายไปเชิญเสี่ยอู๊ดจากคุกเพื่อมาเป็นประธานยกช่อฟ้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าเสี่ยอู๊ดมาไม่ได้ แทนที่จะเก็บช่อฟ้าไว้สักช่อเพื่อให้เสี่ยอู๊ดเป็นประธาน แต่กลับไปให้คนอื่นยกแทน

            ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น คือ เมื่อเสี่ยอู๊ดออกมาจากคุก เจ้าอาวาสรูปดังกล่าวเขียนจดหมายถึงเสี่ยอู๊ดให้มาเป็นประธานยกช่อฟ้าอีกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าพระคิดอะไรอยู่ ช่อฟ้าถูกยกครบหมดแล้วทุกช่อ แล้วท่านจะทำหนังสือเชิญมาทำไม นอกจากนี้เสี่ยอู๊ดเคยเอาสร้อยคอทองคำ เพชรนิลจินดา เพื่อบรรจุในองค์พระประธาน กลับถูกเจ้าอาวาสตำหนิ

            ส่วนสถานที่ที่เสี่ยอู๊ดแวะไปเป็นประจำคือ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา แวะมาบ่อยมาก ชนิดที่เรียกว่า “ผ่านเมื่อไรแวะเมื่อนั้น” โดยครั้งสุดท้ายเสี่ยอู๊ดนำสัญญาที่เป็นพันธะต่อกันให้พระรูปหนึ่ง เพื่อถวายต่อให้อธิการบดี มจร. มารู้ตอนที่เป็นข่าวว่า เสี่ยอู๊ดไม่อยากเป็นคดีความกันอีกต่อไป

            สำหรับเรื่องที่วัดโนนผักชี วัดซึ่งเป็นที่เก็บกระดูกพระมหาประดิษฐ์ โหรดังแห่งวัดสุทัศน์ วัดแห่งนี้เสี่ยอู๊ดได้ถวายเงินสร้างโบสถ์ไว้ ไม่น่าเชื่อว่าดาราดังคู่กรณีเสี่ยอู๊ด จะมารับเป็นประธานยกช่อฟ้าในช่วงที่เสี่ยอู๊ดติดคุก โดยเคยพาดาราดังและแม่มาวัดแห่งนี้เมื่อครั้งยังมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่เมื่อติดคุกดาราคนดังกล่าวไม่ไปเยี่ยม แต่กลับมารับเป็นประธานยกช่อฟ้าอุโบสถให้ เสี่ยอู๊ดพูดอย่างติดตลกว่า “เงินเสี่ยอู๊ดแต่ดาราดังมาเอาหน้า แถมมันบอกไม่รู้จักเสี่ยอู๊ด”

            ในจำนวนวัดที่เสี่ยอู๊ดเดินทางไปทำบุญทั้งหมดมีอยู่ที่เดียวเท่านั้นที่เสี่ยอู๊ดประทับใจมากที่สุดคือ วัดตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า วัดแห่งนี้ แม้จะทำบุญเพียง 20 บาท เจ้าอาวาสก็จารึกชื่อไว้บนหินอ่อนแผ่นเดียวกับคนที่ทำบุญเป็นแสนเป็นล้าน

            ระหว่างสวดพระอภิธรรมศพผมติดตามข่าวเสี่ยอู๊ดทุกวัน ข่าวจะนำเสนอในทำนองเดียวกันว่า “วันนี้ไม่มีดารานักแสดงสักคนมาร่วมงานสวดอภิธรรม แต่แท้จริงแล้วน่าลงข่าวว่า วันนี้ไม่มีพระวัดที่เสี่ยอู๊ดเคยช่วยเหลือต่างหาก”

            เจียงบอกว่า เสี่ยอู๊ดไม่เปิดอ่านไลน์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ซึ่งปกติแล้วหลังจากส่งข้อความไปไม่เกิน 5 นาที จะตอบมา ตอนแรกคิดว่าระบบไลน์ หรือโทรศัพท์เสีย จึงเอาไปซ่อม หลังซ่อมก็ส่งไปอีก มารู้สาเหตุที่ไม่เปิดอ่านไลน์ก็กลายเป็นข่าวฆ่าตัวตาย

            ผมอาจจะเสียใจกับการตายของเสี่ยอู๊ด แต่เสียดายในความสามารถมากกว่า สถานที่แต่ละแห่งที่เสี่ยอู๊ดพาไปดูล้วนมาจากเงินสร้างวัตถุมงคลทั้งสิ้น เรื่องราวที่ผมได้สัมผัสมาในช่วงบั้นปลายชีวิตของเสี่ยอู๊ดเป็นเรื่องที่เล่าไปอาจจะดูเหมือนเกินจริง

            “ความตายของเสี่ยอู๊ดเหมือนว่าจะพยายามสื่อและบอกอะไรกับผู้ที่เสี่ยอู๊ดเคยช่วยเหลือ และเคยให้ผลประโยชน์ แต่ผู้รับไปนั้นจะคิดได้หรือเปล่าเป็นเรื่องที่น่าคิด”

            อย่างไรก็ตาม แม้เสี่ยอู๊ดจะไม่ได้เปิดอ่านไลน์ แต่เจียงยังส่งข้อความผ่านไลน์ไปบอกเสี่ยอู๊ดว่า “ไปสวดอภิธรรมแล้วน่ะแต่ไม่ได้ไปเผา” นอกจากนี้แล้ว เท่าที่ทราบ เพื่อนๆ ของเสี่ยอู๊ดหลายสิบคนได้ส่งไลน์ไปคุยกับเสี่ยอู๊ด เพียงคิดว่า “เสี่ยอู๊ดน่าจะรับรู้และอ่านไลน์ราวกับยังมีชีวิตอยู่”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ