บิ๊กหอย วนัสธนา สัจจกุล เตรียมนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ลำดับที่ 52 ของประเทศ พรรคพลังคนกีฬา เปิดตัว 25 มี.ค.นี้ พร้อมวางร่างแนวนโยบายสำคัญ 11 ข้อ เน้นพัฒนากีฬาตั้งแต่รากหญ้าถึงเพื่อความเป็นเลิศ
แม้สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศในเวลานี้จะอยู่ในช่วงวิกฤติ เพราะเหตุมีการชุมนุมทางการเมืองของม็อบเสื้อแดง ล่าสุด “บิ๊กหอย” วนัสธนา สัจจกุล ประธานที่ปรึกษา และว่าที่หัวหน้าพรรคพลังคนกีฬา เปิดเผยว่า พรรคจะเปิดตัวพร้อมแถลงนโยบายการทำงาน วันที่ 25 มีนาคมที่จะถึงนี้ เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมสนามกอล์ฟปัญญาอินทรา
“โดยวาระสำคัญของการประชุมคราวนี้จะมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการ และรองเลขาธิการพรรค เหรัญญิก นายทะเบียนสมาชิก พร้อมทั้งโฆษก และกรรมการบริหารของพรรคทั้งหมด รวมไปถึงการเลือกตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค คณะกรรมการนโยบายพรรค และคณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในพรรค”
นอกจากนี้ “บิ๊กหอย” ยังกล่าวอีกว่า การก่อตั้งพรรคพลังคนกีฬาขึ้น วัตถุประสงค์ส่วนตัว คือ อยากทำงานเพื่อวงการกีฬา โดยเฉพาะที่ผ่านมาภาพของกีฬาในเวทีการเมือง ดูเหมือนจะได้รับความสนใจ หรือให้ความสำคัญลำดับท้ายๆ ดังนั้นพรรคพลังคนกีฬา ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเวทีต่อสู้ ผลักดันเพื่อคนกีฬาทั้งระบบ ตั้งแต่รากหญ้า จนถึงการแข่งขันเพื่อความเป็นเลิศ
ทั้งนี้ ร่างนโยบายพรรคพลังคนกีฬา มีทั้งสิ้น 11 ข้อ ได้แก่ 1.จะหล่อหลอมให้เยาวชนของชาติภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย ไม่แยกสี ไม่แยกภาค ไม่แยกศาสนา อยู่ใต้ร่มธงไตรรงค์ผืนเดียวกัน และพระมหากษัตริย์องค์เดียวกัน 2.จะหล่อหลอมให้เยาวชนของชาติเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี มีน้ำใจนักกีฬาและปลอดยาเสพติด 3.จะพัฒนากีฬาของชาติให้อยู่ในแผนที่โลกของวงการกีฬา 4.จะส่งเสริมให้มีการแข่งขันกีฬาทั้งระดับนานาชาติ ระดับชาติ และระดับท้องถิ่น
5.สร้างสถานที่เล่นกีฬา ออกกำลังหาย ให้ครบทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล และทุกหมู่บ้าน 6.จัดหาอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ออกกำลังกาย ให้เหมาะสมและเป็นไปตามความต้องการของท้องถิ่น 7.จัดให้มีกองทุกกีฬาประจำตำบล เพื่อเป็นต้นทุนในการทำกิจกรรมกีฬาของท้องถิ่น 8.สนับสนุนให้นักกีฬาไทยมีโอกาสไปฝึกซ้อมและแข่งขันในต่างประเทศ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตนเองและชาติ 9.จัดให้มีกิจกรรมทั้งเพื่อการออกกำลังกายและการแข่งขันสำหรับผู้สูงอายุ 10.จัดให้มีกิจกรรมทั้งเพื่อการออกกำลังกายและการแข่งขันสำหรับคนพิการ และ 11.เปิดโอกาสให้ผู้มีความสามารถจากภาคประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในตำแหน่งรัฐมนตรี โดยมิต้องเป็นสมาชิกพรรค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง