"ณัฐวุฒิ"พังสถิติฮาล์ฟมาราธอนประเทศไทย

การแข่งขัน "บางแสน 21" ฮาล์ฟมาราธอน 2018 งานแรกและงานเดียวของไทยที่ได้รางวัลการรับรองตามมาตรฐาน ไอเอเอเอฟ บรอนซ์ เลเบล (IAAF Bronze Label) จากสหพันธ์กรีฑานานาชาติ (ไอเอเอเอฟ) เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่หาดบางแสน บริเวณหน้าโรงแรมบางแสนเฮอริเทจ จ.ชลบุรี บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักวิ่งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมจำนวนมาก โดย นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข และนายรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการบริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และในฐานะผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน ร่วมเป็นประธานในพิธีปล่อยตัว

ไฮไลท์ของการแข่งขัน ประเภททั่วไป (โอเวอร์ออล) ชาย จามิน อีกาย เอ็นเกาคอม ปอดเหล็กจาก เคนย่า วิ่งเข้ามาเป็นคนแรก ด้วยเวลา 1.04.55 ชม. คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมรับเงินรางวัล 30,000 บาท อันดับ 2 โรเบิร์ต วัมบัว เอ็มบิธี  จากเคนย่า เวลา 1.05.06 ชม. รับเงินรางวัล 20,000 บาท และอันดับ 3  อีวานส์ คิปเชียร์เชียร์ ซัมบู จากเคนย่า สถิติ 1.05.59 ชม. รับเงินรางวัล 10,000 บาท

อย่างไรก็ตามในประเภททั่วไป (โอเวอร์ออล) ชาย มีนักวิ่งไทยเกาะกลุ่มเข้ามาด้วยคือ “บิ๊ก” ณัฐวุฒิ อินนุ่ม นับเป็นคนไทยที่ทำเวลาได้ดีที่สุด วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 8 ของโอเวอร์ออล ชาย ด้วยเวลา 1.07.17 ชม. ทำลายสถิติฮาล์ฟมาราธอน ประเทศไทย ในรอบ 12 ปี ของ บุญถึง ศรีสังข์ ปอดเหล็กทีมชาติไทย ที่เคยทำไว้ 1.07.35 ชม. ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ปี 2549 โดย บริษัท ไทยดอทรัน Innovation Partner ของงานวิ่ง บางแสน21 ได้มอบรางวัลโบนัส 100,000 บาท ให้แก่ ณัฐวุฒิ ด้วย

หลังการแข่งขัน ณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า ดีใจมากที่สามารถทำลายสถิติได้สำเร็จ ก่อนการแข่งขันจะเริ่ม ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำได้ เนื่องจากทำงานประจำเป็นครูสอนพลศึกษา ไม่มีเวลาซ้อมเต็มที่ แต่หาเวลาซ้อมยามว่างช่วงเช้าและเย็นเท่านั้น อย่างไรก็ตามในช่วง 3-4 กิโลเมตรสุดท้าย วิ่งคู่มากับนักวิ่งเคนย่า ซึ่งมีส่วนสำคัญมาก ช่วยกระตุ้นตนตลอด ทำให้ตนวิ่งตามเขาทัน กระทั่งทำลายสถิติได้สำเร็จ

ด้านประเภททั่วไป (โอเวอร์ออล) หญิง เชมไท ริโอโนทูไค จากเคนย่า ทะยานเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ด้วยเวลา 1.15.32  ชม. คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท ส่วนอันดับ 2 ราเชล เซน่า เชเบท จากยูกันดา เวลา 1.16.46 ชม. และอันดับ 3 อลิซ เจปเคมบอย คิมูไท จากเคนย่า สถิติ 1.17.55 ชม.

ขณะที่ เจน วงษ์วรโชติ ปอดเหล็กหญิงทีมชาติไทย วิ่งเข้ามาเป็นอันดับ 6 ในประเภททั่วไป (โอเวอร์ออล) หญิง ทำให้เป็นนักวิ่งหญิงคนไทยที่ทำเวลาได้ดีที่สุดในประเภทนี้ ด้วยเวลา 1.21.09 ชม.

ฝ่ายจัดการแข่งขัน ยังได้แบ่งประเภทมอบรางวัล มีประเภททั่วไป สัญชาติไทย ด้วย โดยแชมป์ฝ่ายชาย ได้แก่ สัญชัย นามเขต (1.09.26 ชม.) อันดับ 2 ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม (1.10.50 ชม.) อันดับ 3 โทนี่ เพนย์ (1.13.14 ชม.) ขณะที่ฝ่ายหญิง แชมป์คือ อรอนงค์ วงศร (1.32.13 ชม.) อันดับ 2 พิชชานันท์ มหาโชค (1.33.47 ชม.) อันดับ 3 ปิยะนุช สุขชาติ (1.35.03 ชม.)

นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข กล่าวว่า การจัดวิ่ง บางแสน 21 ครั้งนี้พิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากเป็นการฉลอง รางวัล ไอเอเอเอฟ บรอนซ์ เลเบล (IAAF Bronze Label) ที่เพิ่งจะได้มาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 โดยปีนี้มีการพัฒนาหลายๆด้าน ทั้งสถานที่ บุคลากร รวมถึงมีการเชิญนักวิ่ง ระดับ Silver และ Gold มาร่วมแข่งขัน และหลังจบงานนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขันเตรียมจะเสนอขอรางวัล ไอเอเอเอฟ ซิลเวอร์ เลเบล (IAAF Silver Label) ต่อไป

“ในส่วนความร่วมมือของคนในพื้นที่ ปีนี้จัดเป็นปีที่ 4 ประชาชนเริ่มเข้าใจและเห็นความสำคัญของการแข่งขันรายการนี้ เสียงบ่น เสียงร้องเรียนในช่วงแรกๆ เริ่มหายไป พ่อค้าแม่ค้าเริ่มออกมาร่วมกิจกรรมมากขึ้นทุกปี ที่สำคัญประชาชนในพื้นที่หันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นักท่องเที่ยวหน้าใหม่เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันด้วย”

นายรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และในฐานะผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน (Race Director) กล่าวว่า หากไทยได้ Silver Label น่าจะทำให้ทั้งโลกจับตามองในขณะที่วงการวิ่งทั่วโลกกำลังบูม และประเทศไทยมีองค์ความรู้ในการยกระดับงานวิ่งให้เทียบเท่าระดับโลก เชื่อว่าทุกคนจะมองเราเป็นซุปเปอร์สตาร์และวงการวิ่งจะมองไทยเป็นสนามที่น่าสนใจอยากจะมาร่วมวิ่งสักครั้งในชีวิต