ข่าว

เจาะตำนานอัจฉริยะนาม“โรนัลดินโญ”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชีวิตบนเส้นทางลูกหนังของโรนัลดินโญนั้นเต็มไปด้วยสีสัน เริ่มจากการเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งระดับวันเดอร์คิดของวงการลูกหนัง มาเป็นนักเตะที่น่าจับตามอง จนก้าวไปเป็นนักเ

เรียกได้ว่าเป็นสตาร์ดังคนแรกของวงการฟุตบอลที่ประกาศอำลาสนามอย่างเป็นทางการต้อนรับปี 2018 สำหรับ “โรนัลดินโญ” อดีตเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติบราซิล หลังจากพี่ชายในฐานะผู้จัดการส่วนตัวออกมาเปิดเผยว่าเจ้าของฉายา "เหยินน้อย" ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวไปแล้วในวัย 37 ปี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (16 ม.ค.) พร้อมกับแจ้งว่า แมตช์อำลาของ โรนัลดินโญ น่าจะเกิดขึ้นหลังจบศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย

ชีวิตบนเส้นทางลูกหนังของโรนัลดินโญนั้นเต็มไปด้วยสีสัน เริ่มจากการเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งระดับวันเดอร์คิดของวงการลูกหนัง มาเป็นนักเตะที่น่าจับตามอง จนก้าวไปเป็นนักเตะระดับโลก ประสบความสำเร็จมาทุกระดับทั้งสโมสร ทีมชาติ หรือแม้กระทั่งรางวัลส่วนตัว รวมถึงมีช่วงชีวิตที่ตกต่ำอย่างน่าใจหาย

 

ก้าวสู่อาชีพลูกหนัง

โรนัลดินโญ เกิดเมื่อวันที่ 21มี.ค. 1980 ที่เมืองปอร์โต อเลเกร ในบราซิล มีชื่อเต็มๆว่า “โรนัลโด เดอ แอสซิส โมเรรา” แต่รู้จักกันทั่วไปในนาม ของ โรนัลดินโญ เกาโช

เจ้าตัวหลงใหลในการเล่นทั้งฟุตบอลโต๊ะเล็กตามท้องถนน และบนพื้นทรายของชายหาดในเมือง ปอร์โต อเลเกร บ้านเกิด โดยเริ่มเป็นที่รู้จักโด่งดังผ่านสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อสร้างประวัติศาสตร์ยิงประตูในการแข่งขันระดับเยาวชนภายในประเทศได้อย่างถล่มทลาย และเป็นดาวเด่นในทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์โลกชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี

โรนัลดินโญ เริ่มอาชีพนักเตะกับสโมสรเกรมิโอในบราซิล ในฐานะนักเตะเยาวชนของสโมสร ก่อนจะได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 1998 หลังจากนั้นเป็นต้นมา ความสามารถของเขาก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ในปี 1999 โรนัลดินโญ ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 19 ปี เท่านั้น

จนกระทั่งในปีในปี 2001 ก็ได้เดินทางตามความฝันครั้งใหญ่มาสู่ยุโรปโดยเซ็นสัญญาค้าแข้ง 5 ปีกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมดังในฝรั่งเศส ด้วยวัยเพียง 20 ปีเศษ

 

การผจญภัยในยุโรป

ในช่วงเริ่มต้นที่เล่นให้กับเปแอสเช เจ้าตัวประสบกับปัญหาในการปรับตัว มีข่าวเป็นระยะว่า หลุยส์ แฟร์กน็องเดซ โค้ชของทีมในเวลานั้นไม่ค่อยพอใจและมีความเห็นว่า โรนัลดินโญ เสียสมาธิไปกับการท่องราตรีมากกว่าที่จะมุ่งมั่นกับเกมฟุตบอล รวมทั้งยังมีปัญหาในเรื่องระเบียบวินัยอีกด้วย ส่งผลให้ฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวไม่คงเส้นคงวานัก เพราะเมื่อเจอกับทีมใหญ่ โรนัลดินโญ่ จะเล่นได้อย่างโดดเด่น แต่ในทางกลับกัน หากเล่นกับทีมที่เล็กกว่า เจ้าเหยินน้อยก็จะหายไปจากเกม ซึ่งฟอร์มโดยรวมของโรนัลดินโญในฝรั่งเศสฤดูกาลแรกแม้ว่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นสุดยอด

จนกระทั่งหลังจากเสร็จศึกฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ เจ้าตัวระเบิดฟอร์มเป็นกำลังสำคัญพาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์โลกมาครอง ทำให้เป็นที่ต้องการของหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป และในปี 2003 โรนัลดินโญ ประกาศกร้าวว่าต้องการย้ายออกจาก เปแอสเช หลังจากที่สโมสรไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ ประกอบกับการที่เขามีปัญหาขัดแย้งกับเทรนเนอร์ของทีม ซึ่งทำให้หลังจากนั้น มีข้อเสนอมากมายเข้ามาสู่ทีมดังแห่งปารีส สุดท้ายเป็น บาร์เซโลน่า ภายใต้การนำของ โจน ลาปอร์ตา ประธานสโมสร ที่ทุ่มเงิน 21 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,386 ล้านบาท) คว้าตัวเหยินน้อยมาสู่ถิ่น คัมป์ นู ได้สำเร็จ

ชีวิตของ โรนัลดินโญ ที่บาร์เซโลน่า ถือเป็นจุดสูงสุดในชีวิตการค้าแข้งของเจ้าตัวก็ว่าได้ ตลอด 5 ซีซั่นในถิ่น คัมป์ นู เขาพาทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา 2 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย ขณะเดียวกันยังคว้ารางวัลส่วนตัวอย่างบัลลงดอร์ไปครองในปี 2005 และ ฟีฟ่า เวิลด์ เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์ สองครั้งในปี 2004 และ 2005

หลังจากเล่นในสเปนมายาวนาน เจ้าตัวก็ย้ายทีมอีกครั้ง โดยในปี 2008 โรนัลดินโญตกลงไปร่วมทีมดังของอิตาลีอย่าง เอซี มิลาน แต่ทุกอย่างกลับไม่สวยหรูเหมือนกับในสเปน ตลอดสามซีซั่นที่เล่นให้กับทีม "ปีศาจแดงดำ" แม้ว่าจะสามารถคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา มาครองได้ในฤดูกาล 2010-11 แต่เจ้าตัวไม่ได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จนี้มากนัก

อีกทั้งถูกวิจารณ์หนักเรื่องของวินัยนอกสนาม ที่เป็นเรื่องเดิมๆคือการชอบปาร์ตี ทำให้สภาพร่างกายย่ำแย่และดูเจ้าเนื้อขึ้นทันตาเห็น จนกระทั่งถูกขายทิ้งออกไปในปี 2011

 

บั้นปลายอาชีพค้าแข้ง

หลังออกจากมิลาน โรนัลดินโญ่ ก็หวนกลับคืนสู่บ้านเกิดโดยเล่นให้กับฟลาเมงโก ตามมาด้วย แอตเลติโก มิเนโร ซึ่งผลงานของเจ้าตัวนั้นมีดีสลับแย่ เหตุผลก็คือเรื่องเดิมๆคือวินัยในการควบคุมตัวเองนอกสนามทำให้ฟอร์มไม่ต่อเนื่อง

รวมถึงมีช่วงสั้นๆที่ไปเล่นกับ “เกเรตาโร” ทีมดังของเม็กซิโกหนึ่งปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เจ้าตัวถึงกับให้สัมภาษณ์ว่า เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความสุขในอาชีพ เนื่องจากผลงานถือว่าดีแม้ว่าช่วงนั้นอายุย่างเข้า 35 ปีแล้ว โดยยิงไป 8 ประตู จาก 25 เกม

หลังจากนั้นก็ย้ายกลับมาเล่นในบราซิลอีกครั้งกับฟลูมิเนนเซ ในปี 2015 ซึ่งเจ้าตัวลงสนามอย่างเป็นทางการเกมสุดท้ายในปีดังกล่าวจนกระทั่งหายจากการเล่นอาชีพไปพักใหญ่และประกาศอำลาสนามดังที่เป็นข่าวในที่สุด

แม้ว่าเรื่องราวช่วงบั้นปลายชีวิตนักฟุตบอลของ โรนัลดินโญ อาจจะไม่สวยหรูนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเห็นได้ชัดเจนไม่ว่าเจ้าตัวจะอยู่ในเสื้อทีมไหนนั่นคือแววตาและรอยยิ้มที่มีความสุขขณะเล่นฟุตบอลไม่ว่าผลงานของทีมหรือตนเองจะเป็นอย่างไร

ในเรื่องดังกล่าวโรนัลดินโญ่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมยิ้มเพราะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก คุณจะไม่สนุกไปกับมันหรือถ้าได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก”

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ