ไทยต้องส่งนักกีฬาไปแข่งเอเชี่ยนเกมส์ ที่อินโดนีเซีย เดือน ส.ค.นี้
การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ อินโดนีเซีย กำหนดจัดการแข่งขันใน วันที่ 18 สิงหาคม - 2 กันยายน ณ กรุงจาร์กาต้า และเมืองปาเล็มบัง บรรจุกีฬา 40 ชนิด ชิงชัย 462 เหรียญทอง ประกอบด้วย กีฬาทางน้ำ (ประกอบด้วย ว่ายน้ำ , กระโดดน้ำ, ระบำใต้น้ำ และโปโลน้ำ ), ยิงธนู ,กรีฑา ,แบดมินตัน,เบสบอล/ซอฟท์บอล , บาสเกตบอล (ประกอบด้วย บาสเกตบอล 3 คน , บาสเกตบอล 5 คน ), โบว์ลิ่ง , มวยสากล , บริดจ์ , เรือแคนู-คยัค (Sprint, TBR, Slalom), จักรยาน (ประกอบด้วย ประเภทลู่, ประเภทถนน, เสือภูเขา และบีเอ็มเอ็กซ์), ขี่ม้า , ฟันดาบ , ฟุตบอล , กอล์ฟ , ยิมนาสติก (ประกอบด้วย ยิมนาสติกศิลป์ ยิมนาสติกลีลา และแทรมโปลีน ), แฮนด์บอล , ฮอกกี้ , เจ็ตสกี , ยูโด, กาบัดดี้ , คาราเต้-โด ,มาร์เชียลอาร์ตส์ (ประกอบด้วย ยูยิตสู ปันจักสีลัต วูชู คูราช และแซมโบ้), ปัญจกีฬาสมัยใหม่ , พาราไกลดิ้ง , เรือพาย , รักบี้ 7 คน , เรือใบ, เซปักตะกร้อ ,ยิงปืน ,ปีนหน้าผา , สควอช , เทเบิลเทนนิส , เทควันโด , เทนนิส (ประกอบด้วย เทนนิส และ ซอฟท์เทนนิส) ,ไตรกีฬา ,วอลเลย์บอล (ประกอบด้วย วอลเลย์บอลในร่ม ,วอลเลย์บอลชายหาด) , ยกน้ำหนัก, มวยปล้ำ และ โรลเลอร์สปอร์ต (ประกอบด้วย สเก็ตบอร์ดดิ้ง และโรลเลอร์สเก็ต)
พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการเตรียมนักกีฬา กล่าวว่า ขอให้แต่ละสมาคมช่วยกันเช็คให้เรียบร้อยอีกครั้ง เพราะว่าทางอินโดนีเซียเจ้าภาพอาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้อีก
ในขณะที่ นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ประธานกรรมการเตรียมนักกีฬาไทย กล่าวว่า เดิมทีแผนจะเริ่มเก็บตัวตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 เป็นเวลารวม 9 เดือน แต่เนื่องจากเกิดปัญหาไม่สามารถประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ (บอร์ดกองทุนฯ) ได้ จึงยังไม่มีการกำหนดอย่างชัดเจนและบางชนิดกีฬาเริ่มเก็บตัวไปแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากที่บอร์ดกองทุนฯ ประชุมอนุมัติงบประมาณในวันที่ 24 มกราคมนี้ ให้แต่ละสมาคมกีฬาเริ่มทำส่งแผนเพื่อเก็บตัวได้ทันที ยกเว้นกีฬายิงปืน โดยนายสกล กล่าวว่า จะลงมาดูแลด้วยตนเอง และจะคัดนักกีฬา 2 รอบ ก่อนจะเริ่มเก็บตัวในวันที่ 24 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
“เอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้เป็นครั้งที่มีการแข่งขันมากที่สุด นับละเอียดลงไปได้ถึง 57 กีฬา โดยกีฬาต่อสู้มีแข่งขันหลายชนิด สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำกับทุกสมาคมกีฬาคือขอให้เก็บตัวอย่างเต็มที่ ตั้งใจ และมีวินัย ซึ่งกกท. จะสนับสนุนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยเลี้ยง, ผู้ฝึกสอน และการส่งแข่ง ตามแผนที่ได้ทำกันมาทั้งหมด”
“จริงอยู่แม้ว่าครั้งนี้จะมีการชิงชัยเหรียญเป็นจำนวนมาก แต่ศึกระดับเอเชีย ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีคู่แข่งสำคัญ อย่าง จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, คาซัคสถาน หรือชาติตะวันออกกลางก็พัฒนาขึ้นมามาก แถมเจ้าภาพเองก็ต้องการคว้าเหรียญมากเช่นกัน ดังนั้นการจะตั้งเป้าหมายในตอนนี้คงยังเร็วเกินไป” บิ๊กเสือ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง