นักกีฬาหญิงที่บันทึกลงในประวัติศาสตร์การกีฬาของชาติ
"แบ๋น” วันดี คำเอี่ยม เป็นนักกีฬาหญิงที่บันทึกลงในประวัติศาสตร์การกีฬาของชาติ ที่คว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ ได้ 2 สมัย ในโอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่เอเธนส์ ประเทศกรีซ ก่อนจะได้เหรียญทองแดงในโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่ปักกิ่ง แต่เหรียญที่ 2 นี้ เธอต้องรอเวลายาวนานเกือบ 10 ปี
วันดี คำเอี่ยม เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2521 ที่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เป็นบุตรคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดจำนวน 3 คน ซึ่งเป็นบุตรของนางราตรี คำเอี่ยม กับนายเสวียน คำเอี่ยม เริ่มต้นชีวิตนักกีฬาเมื่ออายุ 13 ปี ด้วยการเป็นนักกรีฑาให้กับโรงเรียน ขณะกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สามารถคว้ารางวัลเหรียญทอง จากการแข่งขันกรีฑาระดับจังหวัดหลายรายการในการแข่งขันวิ่งระยะสั้น
เมื่ออายุ 17 ปี ระหว่างที่กำลังศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย “แบ๋น” ได้เริ่มผันตัวเองจากกีฬากรีฑามาสู่กีฬายกน้ำหนักโดยการแนะนำของ อ.ประสงค์ สุรพล ผู้ฝึกสอนกีฬาประจำโรงเรียนสตรีสิริเกศ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเห็นว่าลักษณะทางกายภาพและโครงสร้างทางสรีระของเธอเหมาะสมที่จะฝึกฝนและพัฒนาไปสู่การเป็นนักยกน้ำหนักที่ประสบความสำเร็จได้
ก้าวต่อจากนั้น ก็คือ “ตำนาน” เมื่อ วันดี สร้างความสำเร็จให้วงการกีฬายกน้ำหนักของไทยมากมาย ทั้งเหรียญทองแชมป์โลก, แชมป์เอเชีย,กีฬามหาวิทยาลัยโลก มาจนเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ถึง 2 สมัย เป็นความสำเร็จที่นักกีฬาคน ๆ หนึ่ง ยากที่จะทำได้
การแข่งขันยกน้ำหนัก “ปักกิ่งเกมส์” รุ่น 58 กก.หญิง มีการตรวจสอบพบว่า มารีน่า ไชโนว่า นักยกน้ำหนักหญิงของรัสเซีย ที่ได้เหรียญเงิน ถูกตรวจพบสารต้องห้าม จึงถูกลงโทษด้วยการยึดเหรียญรางวัลคืน และเลื่อนนักกีฬาลำดับถัดมาให้ได้เหรียญเงินแทน ส่งผลให้ ร.อ.หญิง วันดี ที่คว้าอันดับ 4 ได้ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 3 และคว้าเหรียญทองแดงในที่สุด
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหารฯ ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ (บ้านอัมพวัน) พร้อมทั้งจัดพิธีมอบเหรียญทองแดง จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ให้แก่ “แบ๋น” ร.ท.หญิงวันดี คำเอี่ยม นักยกน้ำหนักทีมชาติไทยรุ่น 58 กก.หญิง ซึ่งนอกจากเหรียญทองแดงประวัติศาสตรืแล้ว ร.ท.หญิงวันดี จะได้รับเงินรางวัลย้อนหลังจากรัฐบาลเป็นเงินสด 2 ล้านบาท และเงินแบ่งจ่ายรายเดือนค่าครองชีพ 4 ปี อีก 2 ล้านบาท รวมถึงเงินเดือนจากคณะกรรมการโอลิมปิคฯ เดือนละ 8,000 บาท ระยะเวลา 20 ปี
สำหรับประเทศไทยมีนักกีฬาที่ได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย ได้แก่ มนัส บุญจำนงค์ นักมวยสากลสมัครเล่น และ พิมศิริ ศิริแก้ว นักยกน้ำหนัก โดย ร.ท.หญิง วันดี ซึ่งเป็นนักกีฬาหญิงไทยคนแรกที่คว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ได้ 2 สมัย กล่าวว่า ดีใจที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อีกครั้ง ถึงแม้จะผ่านเวลามานานแล้วก็ตาม
“แบ๋น” ซึ่งหลังจากอำลาทีมชาติเมื่อปี 2553 หลังเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่กวางโจว ก็เป็นผู้ฝึกสอนยกน้ำหนักที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ จ.สุราษฎร์ธานี พยายามที่จะสร้างเยาวชนขึ้นมา ล่าสุดเพิ่งไปได้เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 33 “ชุมพร-ระนองเกมส์” เมื่อเดือนมีนาคม และมีนักกีฬาที่ติดทีมชาติไปแล้วเช่นกัน
จอมพลังสาวผู้สร้างประวัติศาสตร์ของไทย ได้กล่าวถึง เหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิต เมื่อครั้งที่คว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2004 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คณะนักกีฬาทีมชาติไทยที่ได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 28 ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และครอบครัว เข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2547 ณ พระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
“ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต ที่ได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน ก็ยังจำวันนั้นได้ไม่ลืม”
เมื่อได้ทราบข่าวการเสด็จสรรคต ในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 “แบ๋น” กล่าวว่า รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ไม่ต่างอะไรกับคนไทยทั้งประเทศ ทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อตั้งสติได้ ก็คิดได้เพียงว่า จะตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
“แบ๋น” ได้มีโอกาสไปสมัครเป็นจิตอาสา ทำดีเพื่อพ่อ ถวายเป็นพระราชกุศล และไม่ว่าการทำงานจะเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน ก็จะไม่ท้อ เพราะมี ในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่ในใจ และทำตามรอยพ่อที่ทรงงานหนักเพื่อประชาชนมาตลอดระยะเวลา 70 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง