ประเด็นที่เหมือนเป็น "ชนักปักหลัง" และเป็นที่คลางแคลงใจของผู้คนส่วนหนึ่งมาตลอด คือ พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุน "พล.อ.ประยุทธ์" ให้กลับมาเป็นนายกฯอีกไหม?
หลังประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.ต่ำกว่าร้อย จะลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้ดูเหมือนว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กำลังพยายามประกาศจุดยืนเพื่อสร้างความชัดเจนให้ตัวเองและพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มขึ้นอีก เพื่อสลัดชนักที่ปักหลังและเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เป็น “พรรคต่ำร้อย”
ประเด็นที่เหมือนเป็น “ชนักปักหลัง” และเป็นที่คลางแคลงใจของผู้คนส่วนหนึ่งมาตลอด คือ เรื่องจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ นับตั้งแต่วันที่ คสช.เข้ามายึดอำนาจ จนถึงตอนนี้คำถามที่ยังคงอยู่และ “อภิสิทธิ์” ต้องตอบมาตลอดคือ เรื่อง พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ให้กลับมาเป็นนายกฯอีกไหม?
ครั้งเด่นๆ ก็อย่างเช่นเมื่อวันที่ 1 เมษายน ปีที่แล้วที่ “อภิสิทธิ์” เคยพูดไว้ว่า “ยืนยันว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ส่วนใครที่จะออกนอกแถวไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ก็ไปทางเลือกอื่น ไม่ต้องมาที่นี่ เพราะมีพรรคอื่นรองรับเยอะแยะ ถ้าจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรค ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใครก็ตาม”
(อ่านต่อ..."มาร์ค"ไล่ส่งใครหนุน"บิ๊กตู่"อย่าอยู่ ปชป.)
ต้องบอกว่า เพราะคำพูดและท่าทีของ “อภิสิทธิ์” แบบนี้นี่แหละที่ทำให้ต้องมีการตั้งพรรคพลังประชารัฐ และรวมพลังประชาชาติไทยขึ้นมา
มีข้อมูลว่า ช่วงแรกกลุ่มผู้ที่ต้องการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง มีการวางว่าจะใช้พรรคประชาธิปัตย์เป็นกลไกหลักที่จะให้ไปถึงเป้าหมายนั้น แต่ “อภิสิทธิ์” ไม่เอาด้วย
ล่าสุด “อภิสิทธิ์” ไปเจอคำถามที่ทำให้เขาต้องแสดงจุดยืนในเรื่องนี้อีกครั้งที่เวทีเสวนาที่นครศรีธรรมราช
“ถามว่าจะไปร่วมกับ คสช.ไหม...ผมนึกไม่ออกว่าจะต้องไปร่วมกับเขาทำไม” อภิสิทธิ์ กล่าวบนเวที ซึ่งก็ต้องตีความว่า “อภิสิทธิ์” ยังแสดงท่าทีเดิม และดูเหมือนจะชัดเจนขึ้นอีกว่า ไม่ต้องการไปร่วมกับพรรคการเมืองที่สนับสนุน คสช.
วันต่อมา “อภิสิทธิ์” ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางช่องนาว 26 ขยายความเรื่องจุดยืนของเขา ซึ่งวันนี้ก็ต้องถือว่าเป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
ผมไม่ไปร่วมกับพรรคที่สนับสนุน คสช. เพราะมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับเสียงมามาก โจทย์ที่ว่าใครจะไปสนับสนุน คสช.หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ใช่โจทย์ของพรรคประชาธิปัตย์”
นอกจากนี้ “อภิสิทธิ์” ยังพูดไปถึงเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
เป้าหมายอย่างแรกคือการเป็นพรรคอันดับ 1 แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ “อภิสิทธิ์” ก็กล้าจะประกาศ ซึ่งในสภาพที่ “พรรคเพื่อไทย” ต้องแตกออกไปเป็นพรรคไทยรักษาชาติ และพรรคเพื่อชาติ ทำให้คนประชาธิปัตย์ก็แอบมีความหวังอยู่ลึกๆ
แต่ดูเหมือนในสายตาคนนอกพรรคจะมองแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
การเมืองไม่น้อยมองว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะตกไปเป็นอันดับสาม และเป็น “พรรคต่ำร้อย”
“อภิสิทธิ์” แสดงความมั่นใจว่า อย่างน้อยประชาธิปัตย์ก็จะได้อันดับสอง
“ถ้าได้อันดับสามก็หมายความว่าเป็นพรรคต่ำร้อย แสดงว่าผมล้มเหลวในการบริหาร ผมก็คงไม่อยู่แล้ว” อภิสิทธิ์ ย้ำในสิ่งที่เขาเคยพูดไว้เมื่อปลายปีว่า “หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เสียงต่ำกว่า 100 จะลาออกจากหัวหน้าพรรค”
“อภิสิทธิ์” วางเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลหากพรรคได้มาเป็นอันดับสอง ว่า ก็ต้องดูว่าจะไปร่วมกับพรรคอันดับ 1 ได้หรือไม่ จะมีแนวทางการทำงานและอุดมการณ์ที่ไปด้วยกันได้หรือไม่ หากได้ก็ไป
แต่ถ้าจะร่วมกับอันดับ 3 เงื่อนไขคือพรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นแกนนำ
“อภิสิทธิ์” ลงลึกเรื่องการดูแลกระทรวงต่างๆด้วยว่า ตามปกติพรรคที่เป็นแกนนำก็จะดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ และงานอีกด้านที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญมาตลอดคืองานด้านการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นพรรคแกนนำหรือไม่พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องการดูแลงานด้านนี้
นอกจากนี้ "อภิสิทธิ์" ยังพูดไปถึง 250 ส.ว. ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องในการเลือกนายกฯหลังเลือกตั้งด้วย
"ขอให้เคารพการตัดสินใจของประชาชนตามกระบวนการประชาธิปไตย อย่าฝืนกระแส เพราะจะเป็นการสร้างปมปัญหาให้กับประเทศ"
เป็นการตอกย้ำสิ่งที่ "อภิสิทธิ์" เคยพูดมาหลายครั้ง
มีการวิเคราะห์ว่าทั้งการที่ “อภิสิทธิ์” ประกาศว่า ถ้าได้ ส.ส.ต่ำกว่าร้อยจะลาออกจากหัวหน้าพรรค การแสดงท่าทีจะไม่ต้องการร่วมรัฐบาลกับพรรคที่สนับสนุน คสช. รวมถึงการพูดพาดพิงไปถึง 250 ส.ว. คือความพยายามในการแสดงจุดยืนของอภิสิทธิ์ และแน่นอนจุดยืนนี้จะส่งผลต่อคะแนนที่่พรรคประชาธิปัตย์จะได้ด้วย
ถ้าอธิบายความกันให้ชัดอีก ก็ต้องบอกว่า การที่ “อภิสิทธิ์” บอกว่า ถ้าได้ ส.ส.ต่ำกว่าร้อยจะลาออก ก็ต้องบอกว่า ณ วันนั้นที่ไม่มีอภิสิทธิ์อยู่เป็นหัวหน้าพรรค ก็น่าจะหมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็คงจะเข้าไปอยู่ในรัฐบาลของพรรคฝ่าย คสช. คือ พลังประชารัฐ ซึ่งก็ต้องบอกว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์จำนวนไม่น้อยต้องการให้เป็นอย่างนั้น
ถ้าประชาธิปัตย์ต่ำร้อย ก็น่าจะหมายความว่าพรรคพลังประชารัฐได้เกินร้อยและได้เป็นอันดับสอง
รอดูว่าการออกมาพยายามแสดงจุดยืนของ “อภิสิทธิ์” จะช่วยให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เป็นพรรคต่ำร้อยหรือไม่ !!??
=====================
โดย สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์
ดูคลิป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง