ข่าว

"มาร์ค"ไล่ส่งใครหนุน"บิ๊กตู่"อย่าอยู่ปชป.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประชาธิปัตย์ยืนยันสมาชิกวันแรกคึกคัก "มาร์ค"ประกาศจุดยืนใครหนุ่น "บิ๊กตู่"ไปที่อื่น พท.ทยอยยืนยันสมาชิก "บิ๊กป้อม"ลั่นไม่โง่ น้อยใจเป็นเหยื่อเตะขานายกฯ

     เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรค และอดีตส.ส.ของพรรค เดินทางลงทะเบียนยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคที่เปิดเป็นวันแรกที่สำนักงานใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 53/2560 เรื่องพรรคการเมืองว่า ให้สมาชิกพรรคมีหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกต่อพรรคการเมือง และชำระค่าบำรุงพรรคภายใน 30 วัน ตามกำหนดคือวันที่ 30 เมษายน ถ้าเกินกำหนดแล้วไม่มายืนยันการเป็นสมาชิกพรรคจะถือว่าบุคคลนั้นสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรค

"มาร์ค"ไล่ส่งใครหนุน"บิ๊กตู่"อย่าอยู่ปชป.

ปชป.ยืนยันสมาชิกวันแรกคึก

   ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พรรคได้จัดเตรียมเต็นท์โดมติดแอร์ที่ตั้งขึ้นชั่วคราวไว้บริการที่ีบริเวณลานจอดรถของพรรค โดยนายอภิสิทธิ์ ยืนยันตัวตนด้วยการสแกนบาร์โค้ดในบัตรประชาชนที่ยึดเลข 13 หลักพร้อมชำระเงินค่าสมาชิก 2,000 บาทเป็นสมาชิกประเภทตลอดชีพ จากนั้นแกนนำพรรค อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาฯ พรรค นายกรณ์ จาติกวณิช นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตส.ส.กระบี่ รวมทั้งอดีตแกนนำกปปส. อาทิ นายอิสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดัย นายถาวร เสนเนียม พร้อมทั้งอดีตส.ส. และสมาชิกพรรค ทยอยยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคกันอย่างเนืองแน่นเนื่องจากเป็นวันแรกที่เปิดให้พรรคการเมืองสามารถยืนยันสมาชิกเดิม

    ส่วนสมาชิกพรรคปชป.กว่า 500 คน เดินทางมารอขอยืนยันความเป็นสมาชิกพรรค โดยบางคนมารอตั้งแต่เวลา 05.00 น. เพื่อขอยืนความเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

มาร์คลั่นหาสมาชิกให้ได้มากที่สุด

‪   จากนั้นเวลา 10.00 น. ที่ชั้น 3 อาคาร ร.ม.ว.เสนีย์ ปราโมช ‬นายอภิสิทธิ์ แถลงชี้แจงต่อสมาชิกพรรคในหัวข้อเรื่อง “อนาคตประชาธิปัตย์ อนาคตประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า การจะให้สมาชิกพรรคยืนยันตัวตนเป็นสมาชิกกับพรรคต่อเราต้องบอกแนวทางให้รู้ว่าทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่จะเดินไปทางไหนเพื่อให้มาร่วมทางกับเรา วันที่ ‪6‬ ‪เมษายน พรรค‬จะมีอายุ 72 ปี ที่ผ่านมาอุดมการณ์ชัดเจนไม่เคยเปลี่ยน ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ แต่ด้วยสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปพรรคจึงต้องปรับตัวให้ทันโลกาภิวัตน์ และจากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนสับสนในบทบาทของพรรคการเมือง พรรคจึงยืนยันยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่โปร่งใส เดินหน้าสร้างพรรคปชป.ยุคใหม่โดยพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง

   “จากนี้จะเดินหน้าระดมสมาชิกให้ได้จำนวนมากที่สุด พยายามทุกวิถีทางให้สมาชิกเดิม 2.5 ล้านคนกลับมายืนยันให้มากที่สุด และเมื่อคสช.ปลดล็อก จะเดินหน้าหาสมาชิกให้ได้มากที่สุด และพยายามให้มีสาขาพรรคให้มากที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันว่าประชาชนจะได้เป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง และจะเขียนข้อบังคับพรรคให้ที่ประชุมใหญ่เคารพการตัดสินใจของสมาชิกที่จะสามารถหยั่งเสียงในการเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรงรวมทั้งจะให้สมาชิกมีโอกาสร่วมร่างนโยบายพรรคด้วย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 

กร้าวสมาชิกต้องหนุนหน.พรรค

    จากนั้นเวลา 10.45 น. นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงนโยบายพรรคว่า ทำตามเจตนารมณ์จากการยืนยันสมาชิกพรรคควรจะรู้ว่าแนวคิดเป็นอย่างไร ซึ่งในคำสั่ง เพราะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ระบุไว้ สำหรับแนวทางของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่มีเรื่องของนายกฯ คนนอกนั้น หัวใจสำคัญต้องการให้บ้านเมืองเดินไปทางไหน สิ่งที่แถลงนโยบายไปว่า ปชป.ยุคใหม่ ต้องการนำพาบ้านเมืองไปทางไหน นั่นคือสิ่งที่พรรคไปขอความสนับสนุนจากสมาชิกและประชาชน ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะต้องเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน ซึ่งวันนี้ปชป.ต้องการจะเป็นหลักในการเดินหน้าทำงาน

    นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการยืนยันเป็นสมาชิกพรรคของสมาชิกที่เป็นกปปส. ว่ายืนยันว่านอกจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ที่ลาออกไป และนายธานี เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฎร์ฯ ที่แสดงเจตนาว่าจะเป็นผู้ไปจดแจ้งพรรคการเมืองใหม่ ก็ยังไม่มีอดีตส.ส.ท่านอื่น มาบอกว่าจะไม่มาร่วมงานกับเรา และเท่าที่สังเกตวันนี้หลายท่านก็มายืนยันแล้ว บางท่านที่มายืนยันไม่ได้เนื่องจากไปบวช แล้วพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ก็ต้องรอสมัครสมาชิกพรรคใหม่

ไล่ใครหนุน “บิ๊กตู่” ขอให้ไปที่อื่น

   “ยืนยันว่าสมาชิกพรรคปชป.ก็ยังสนับสนุนหัวหน้าพรรคปชป.อยู่แล้ว ส่วนใครที่จะออกนอกแถวไปสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น ให้ไปทางเลือกอื่น ไม่ต้องมาที่นี่ เพราะมีพรรคอื่นรองรับเยอะแยะ ถ้าจะอยู่กับพรรคปชป.ก็ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรค ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใครก็ตาม ซึ่งความเป็นไปได้ที่พรรคปชป.จะสนับสนุนทหารเป็นรัฐบาลนั้นต้องไปดูว่าทหารเข้ามาได้อย่างไร และมีกี่เสียง” หัวหน้าพรรคปชป.กล่าว

   เมื่อถามว่ามีการยืนยันว่าจากสมาชิกของพรรคที่มีอยู่กว่า 2.5 ล้านคน จะเหลือเพียงแค่แสนคน จะเป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พยายามให้ได้มากที่สุด ซึ่งทุกคนทราบดีว่าการออกกฎหมายเช่นนี้ ระยะเวลาการให้ความชัดเจนในบางเรื่อง ทุกคนทราบดีว่ามีอุปสรรคอะไร หากวันหนึ่งบ้านเมืองถึงวิกฤติและจำเป็นต้องให้ทหารอยู่ในอำนาจต่อจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องบอว่าการจะเดินหน้าที่จะไม่ให้เกิดความขัดแย้ง คือ การที่ทุกคนต้องรักษาคำพูดเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ถ้ามีการทำอะไรที่ประชาชนมองว่าบิดพลิ้วหรือไม่เป็นไปตามสิ่งที่บอกกับประชาชนก็จะเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้ง จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้

"มาร์ค"ไล่ส่งใครหนุน"บิ๊กตู่"อย่าอยู่ปชป.

 

เผยยอดสมาชิกวันแรก 1,308 คน

    ด้านน.ต.สุธรรม ระหงส์ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังเปิดรับการลงทะเบียนยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค วันแรกว่า ยอดสรุปผู้ที่มาแสดงตนดังกล่าวเมื่อเวลา 16.00 น. มีจำนวน 1,308 คน แบ่งเป็นสมาชิกตลอดชีพจำนวน 556 คน และสมาชิกแบบรายปี 752 คน รวมเงินค่าบำรุงพรรคทั้งสิ้น 1,187,200 บาท โดยตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน เป็นต้นไป สมาชิกพรรคยังมาสามารถมาลงทะเบียนดังกล่าวได้ ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม พรรคพบปัญหาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นกรณีที่บางคนนำบัตรมายืนยันว่าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อไปตรวจสอบฐานข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่ามีชื่อเป็นสมาชิกพรรคอื่นด้วย จึงยังไม่สามารถลงทะเบียนกับเราได้ ต้องไปลาออกจากพรรคอื่น และต้องรอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้พรรคการเมืองเปิดรับสมาชิกใหม่ คนเหล่านี้จึงจะมาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

 

“เอกนัฏ-พุทธิพงษ์ยัน” ยังอยู่ปชป.

     ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำกปปส. ให้สัมภาษณ์ถึงการมาแสดงตัวเพื่อยืนยันจุดยืนการทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ว่ามาที่พรรคประชาธิปัตย์เพื่อยืนยันการทำกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังไม่สามารถยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคได้ เพราะขาดสมาชิกภาพตั้งแต่ตอนที่บวชจึงต้องรอจนกว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะปลดล็อก ทั้งนี้แม้เคยร่วมอุดมการต่อสู้เคลื่อนไหวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกปปส. แต่ไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ เพราะภารกิจนั้นสิ้นสุดลงหลังจากที่มีการรัฐประหาร ซึ่งผู้ที่เคยร่วมต่อสู้ก็สามารถสานต่อเจตนารมณ์ตามความถนัดของแต่ละคน ไม่ว่าจะอยู่ในพรรคเก่าหรือตั้งพรรคใหม่ โดยทุกคนทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ ไม่มีอะไรบาดหมางกัน ถือเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองไหน

   "ผมยืนยันว่าอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และจะสานต่อเจตนารมณ์ของพรรคที่จะร่วมกันปฏิรูปเปลี่ยนแปลงพรรคให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ตามที่หัวหน้าพรรคประกาศไว้ โดยไม่มีเงื่อนไขเรื่องการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

   ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำกปปส. กล่าวว่า แม้ตนกลับมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังเดินหน้าการปฏิรูปประเทศและปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง

เพื่อไทยเตรียมพื้นที่รับสมาชิกวันนี้

    วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวสำหรับการเปิดรับเอกสารยืนยันความเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย (พท.) วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันแรกในการเปิดยืนยันสมาชิก โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคพท. กล่าวว่า ได้จัดบริเวณชั้นล่างของที่ทำการพรรค คือบริเวณส่วนด้านหลังห้องสมุดชินวัตรไว้รับสมาชิก เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่กว้างขวางพอสมควร สามารถจุคนได้หลักร้อย แต่หากมามากเกินกว่านั้นก็ไม่มีปัญหา เราสามารถเปิดขยายพื้นที่ได้ นอกจากนี้เรายังจัดเจ้าหน้าที่อยู่ประจำตลอดช่วงเวลา และอาจมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นนักการเมืองผลัดกันมานั่งประจำจุดเพื่อคอยให้ความรู้แก่สมาชิกด้วย

ต่างจังหวัดทยอยยืนยันตัวตน

   ส่วนบรรยากาศการยืนยันสมาชิกพรรคเพื่อไทยตามพื้นที่ต่างๆ ในต่างจังหวัด พบว่าสมาชิกพรรคต่างทยอยเดินทางมาแสดงตัวตน โดยที่ จ.เชียงราย พื้นที่เขต 1 นางกาญจนรัตน์ ไทยมี เป็นสมาชิกพรรครายแรกที่มายืนยันการเป็นสมาชิกพรรคพร้อมทั้งชำระค่าบำรุง 100 บาทที่สำนักงานอดีตส.ส.ของนายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย

   นอกจากนี้ จ.อุดรธานี ก็มีสมาชิกพรรคมาแสดงตนที่สำนักงานอดีตส.ส.ของนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีตส.ส.อุดรธานี เช่นเดียวกับที่สำนักงานอดีตส.ส.ของนายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ อดีตส.ส.ศรีสะเกษ ขณะที่ในส่วนของสำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทยนั้น พรรคจะเปิดให้สมาชิกเข้ามายืนยันความเป็นสมาชิกได้ในวันที่ 2 เมษายน เป็นต้นไป ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.

“ป๋าเหนาะ” เปิดบ้านครบรอบ 84 ปี

     ที่บ้านพัก อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เปิดบ้านพักให้ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ และนักการเมือง อวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 84 ปี ทั้งนี้มีสมาชิกพรรคพท. อาทิ นายวิทยา บุรณศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพายัพ ปั้นเกตุ นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.พรรค พท.เดินทางมาอวยพร

    นายเสนาะ กล่าวว่า อยากเห็นบ้านเมืองเกิดความราบรื่น และ นำพาชาติ ศาสนา พระมหากษัติย์ และประชาชน อยู่เย็นเป็นสุข และบุคคลที่อาสาเข้ามาบริหารประเทศจะต้องมีเป้าหมาย ไม่ใช่ใช้กำลังอำนาจที่จะเข้ามาแทรกแซงระบอบประชาธิปไตย เพราะไม่เป็นผลดีแก่ประเทศชาติในอนาคต และขณะนี้ไม่เชื่อว่าจะเกิดการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะมีผลบังคับใช้แล้วก็ตาม เพราะยังมีอะไรหลายอย่างขาดตกบกพร่อง หากรีบร้อนให้เกิดการเลือกตั้งจะทำให้เกิดการบกพร่องในเรื่องสำคัญ และจะทำให้ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชนจะต้องมาอภิปรายตอบโต้กันวุ่นวาย ทั้งนี้ยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องการใช้อำนาจมาตรา 44 รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557) เพราะอาจจะมีผลย้อนหลังในอนาคตได้

ยืนยันพร้อมให้กำลังใจ “รบ.-คสช.”

    “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีความนับถือกัน รักกัน รู้สึกเป็นห่วง แต่ก็ให้กำลังใจเสมอ และจากการอาสาเข้ามาดูแลบ้านเมือง ตั้งแต่เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และมาปฏิวัติตั้งรัฐบาล 3-4 ปีแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างน่าเป็นห่วงอีกเยอะ หากจะมีการเลือกตั้งก็จะต้องคิดให้รอบคอบ ความจริงบ้านเมืองยังมีทางออกอีกหลายทาง เพียงแต่ว่าจะต้องเปิดโอกาสความถูกต้องได้เข้ามา และทุกคนก็จะใช้ความถูกต้องในการบริหารบ้านเมือง ทั้งเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หรือทำอย่างไรจัดการให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตามคิดว่าการเลือกตั้งจำเป็นจะต้องเลื่อนออกไป เพราะเลือกตั้งมาก็จะทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายเนื่องจากรัฐธรรมนูญยังไม่เรียบร้อย” นายเสนาะ กล่าว

 

“ตระกูลเทียนทอง” อยู่เพื่อไทย

    เมื่อถามถึงหากพล.อ.ประยุทธ์ ลงมาเล่นการเมืองในพรรคประชารัฐ นายเสนาะ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะมีอำนาจพิเศษรองรับ ซึ่งไม่มีอะไรที่จะไปขวางการปฏิบัติงานของรัฐบาล คสช. มีแต่สื่อมวลชนเท่านั้น เมื่อไปจี้ถาม ซึ่งดีไม่ดีเดี๋ยวโดนเตะ ทั้งนี้ผมให้กำลังใจรัฐบาลและคสช.มาตลอด แต่หากพูดกันตรงๆ นายกรัฐมนตรี พูดเก่ง แต่งานจริงๆ การบริหารบ้านเมืองตกต่ำมากพอสมควร หากพูดภาพรวมคือเสียหาย แม้แต่ต่างชาติก็แอนตี้ ดังนั้นอยากให้รัฐบาลทำให้ถูกต้องยังไม่สาย เสียเวลาแล้วก็เสียเวลาไป หากอยากเป็นนายกรัฐนตรีต่อก็ตั้งเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ถูกฝ่ายจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งนี้การเลือกตั้งไม่ใช่ทางออกของประเทศ ดังนั้นจะต้องเลื่อนออกไปก่อน ทั้งนี้รัฐบาลน่าจะหยิบ รธน.ฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้แทนการเลือกตั้งจะดีกว่า รธน.ฉบับปัจจุบัน ทั้งนี้ยืนยันตระกูลเทียนทองยังจะอยู่พรรคพท.เพราะไม่มีอะไรที่จะต้องพิจารณาไปอย่างอื่น ตอนนี้ยังไม่มีพรรคอื่นมาทาบทาม ยังยืนยันที่จะอยู่พรรคพท.เพราะเป็นรุ่นก่อตั้งพรรคไทยรักไทย (ทรท.) มาก่อน

"มาร์ค"ไล่ส่งใครหนุน"บิ๊กตู่"อย่าอยู่ปชป.

ชทพ.ให้ยืนยันเป็นสมาชิกพรรค

    นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดเผยว่า วันที่ 1 เมษายนนี้ สาขาพรรคในพื้นที่ได้ให้ประธานสาขาพรรค บรรดาตัวแทนในพื้นที่ของพรรค นำเอกสารยืนยันสมาชิกไปให้สมาชิกพรรคกรอกยืนยันความประสงค์เป็นสมาชิก พร้อมชำระค่าบำรุง โดยมีพื้นที่เป้าหมายหลัก เช่น สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี เพชรบุรี ร้อยเอ็ด นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ จากนั้นในวันจันทร์ที่ 2 เมษายนนี้ พรรคชาติไทยพัฒนาจะเริ่มส่งจดหมายจากนายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรค พร้อมใบยืนยันความประสงค์เป็นสมาชิกพรรคให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศ เพื่อยืนยันแล้วส่งกลับมายังพรรคชทพ.

‘ภท.นำสมาชิกทำบุญก้าวสู่ปีที่ 10

    เช่นเดียวกันที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จัดทำบุญครบรอบจัดตั้งพรรคก้าวสู่ปีที่ 10 บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้า มีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 2 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม รวมถึงสมาชิกเก่าของพรรคจากภาคต่างๆ ที่เดินทางมายื่นเอกสารที่ชั้น 2 เพื่อยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการจัดทำบุญพรรคภูิใจไทยมีตัวแทนจากพรรคใหญ่เข้ามอบกระเช้าดอกไม้อย่างต่อเนื่อง เช่น นายวราวุธ ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พี่ชายนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรและแกนนำกลุ่ม 16 รวมถึงตัวแทนจากพรรคชาติพัฒนา และพรรคประชาธิปไตยใหม่ โดยการทำบุญพรรคครั้งนี้ได้นิมนต์พระจากวัดอู่ข้าว จ.ปทุมธานี เพื่อความเป็นสิริมงคลและเพื่อสะท้อนว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอู่ข้าวอู่น้ำ

"มาร์ค"ไล่ส่งใครหนุน"บิ๊กตู่"อย่าอยู่ปชป.

 

บ้านริมน้ำคุยอดีตส.ส. ไร้เงา “สมคิด”

    วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณบ้านพักริมน้ำของนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ย่านนนทบุรี ซึ่งมีข่าวว่านัดอดีตส.ส.และจะเชิญนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงสายมีอดีตส.ส.ในกลุ่ม อาทิ นายรณฤทธิชัย คานเขต อดีตส.ส.ยโสธร นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีตส.ส.นครราชสีมา นายสรชาติ สุวรรณพรหม อดีตส.ส.หนองบัวลำภู นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตส.ส.ขอนแก่น ทยอยเดินทางมารอที่บ้าน ก่อนที่นายสุชาติจะเดินทางเข้ามาที่บ้านพักในเวลา 12.00 น. โดยที่นายสมคิด ไม่ได้เดินทางมาร่วมด้วยตามที่มีกระแสข่าว

    นายสุชาติ กล่าวภายหลังการหารือกับอดีตส.ส.ว่า การพบปะกับอดีตส.ส.เพื่อหารือเกี่ยวกับการจะนำเสนอนโยบายส่งเสริมสุขภาพประชาชนแห่งชาติ (สสปช.) ให้รัฐบาลพิจารณา โดยผ่านนายสมคิด หรือผ่านนายกรัฐมนตรี หากมีโอกาส ซึ่งนโยบายดังกล่าวถือเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และหากเสนอผ่านรัฐบาลนี้น่าจะผลักดันออกเป็นกฎหมายได้ง่ายกว่า หากเป็นเรื่องเร่งด่วนอาจออกเป็นคำสั่งหัวหน้าคสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 มาดำเนินการได้ ยืนยันว่าการพูดคุยในวันนี้ไม่ใช่กิจกรรมทางการเมือง ดังนั้นไม่ผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องอนาคตทางการเมืองนั้นคงต้องรอให้ถึงเวลาที่มีการปลดล็อกให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ก่อนจึงจะตัดสินใจ ขณะนี้ยังถือว่าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยอยู่ และยังมีเวลาอีก 30 วันที่จะตัดสินใจในการยืนยันเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย

    เมื่อถามว่ามองอย่างไรหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะลงเล่นการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ทำไมต้องห้าม หากมาตามระบบประชาธิปไตยยิ่งดีใหญ่ จะไปห้ามทำไม เพราะประชาชนจะได้มีทางเลือก

‘นพดล’ จี้ปลดล็อก-เลิกคำสั่ง 53/60

     นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาชิกพรรคพท.ไม่ได้วิจารณ์อย่างเดียว แต่ได้เสนอแนะวิธีแก้ปัญหาต่อคสช. และรัฐบาลมาตลอด เช่นเสนอให้ยกเลิกข้อห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมการเมือง ยกเลิกข้อห้ามการชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และแก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ที่อาจขัดรัฐธรรมนูญ แต่ข้อเสนอส่วนใหญ่ไม่มีการตอบสนอง ยังไม่ปลดล็อก ดังนั้นเมื่อคสช. และรัฐบาลพ้นวาระไป คนไทยคงจะได้ประเมินสิ่งที่ได้ทำไปว่ามีประโยชน์หรือเสียหายหรือไม่ ตนเห็นว่าผู้มีอำนาจที่ทำตัวเป็นแก้วเต็มน้ำ และมั่นใจในแนวทางของตนจะแก้ปัญหาได้ยาก เพราะปัญหาประเทศใหญ่และมากเกินกว่าที่รัฐบาลและองคาพยพจะทำได้สำเร็จ

    นายนพดล กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ เกือบ 4 ปี หลังรัฐประหาร ก็ยังคงห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง เช่น การประชุมและไปรับฟังความเห็นประชาชนเพื่อทำนโยบายแก้ปัญหาประเทศ ทั้งๆ ที่ขณะนี้ปัญหาในประเทศเต็มไปหมด เช่น เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพการศึกษา ราคาพืชผลการเกษตร ถ้าปัญหาง่ายๆ อย่างเรื่องความไม่ชัดเจนของกรอบเวลาเลือกตั้งก็ยังปล่อยให้ดำรงอยู่ ทั้งๆ ที่สามารถทำให้ชัดเจนได้ ปัญหาใหญ่ๆ เช่นเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง การสร้างความปรองดองคงยากจะแก้ แม้บางคนไม่ใส่ใจกับความคลุมเครือเรื่องกำหนดเลือกตั้ง แต่ประเทศและคนไทยเสียประโยชน์และต้องไปร่วมแบกรับภาระจากความไม่ชัดเจนนี้ใช่หรือไม่

 

“บิ๊กป๊อก” ชี้สงบจึงปลดล็อกการเมือง

    เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 1 เมษายน ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายการเมืองเรียกร้องให้ปลดล็อกคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างไม่ติดขัด ว่าเรื่องนี้ไม่มีความเห็นส่วนตัว เพราะเป็นเรื่องของคสช.คงให้ความเห็นส่วนตัวไม่ได้ ต้องเป็นความเห็นของคสช. ตนไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องความมั่นคงได้เพียงคนเดียว เมื่อมีประเด็นใดเกิดขึ้นต้องนำเรื่องเข้าคสช.เพื่อให้พิจารณาร่วมกัน ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว คสช.ได้หารือเท่าที่สื่อได้ทราบถึงแนวทางการให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมว่ามีอะไรบ้าง โดยจะค่อยๆ ให้มีโอกาสได้เคลื่อนไหว และต้องบอกว่า คงไม่มีใครขัดข้องหากมีความสงบเรียบร้อย ไม่มีการใช้ช่องกฎหมายไปเคลื่อนไหวในสิ่งที่จะทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย สิ่งที่คสช.ต้องการคือให้มีความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าเหมาะสมว่าจะทำอย่างไรก็คงจะพิจารณาให้

อัดอดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ทำสังคมสับสน

     พล.อ.อนุพงษ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายถวิล ไพรสนฑ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาวิจารณ์การแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นว่าจะไม่มีการให้เลือกผู้บริหารโดยตรง ว่าขอทำความเข้าใจกับประชาชนว่ากฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังเป็นเหมือนเดิมคือ การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นยังเลือกโดยตรง ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงไม่ทราบว่านำความคิดดังกล่าวมาจากไหน เพราะยังไม่มีใครทำอะไร ส่วนกฎหมายที่คณะกรรมการปฏิรูปได้ดำเนินการกับแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยกำลังยกร่างประมวลกฎหมายท้องถิ่นนั้น ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าว ขอให้ประชาชนอย่าเข้าใจผิดกับคนที่ไม่เข้าใจเรื่องดังกล่าว

"มาร์ค"ไล่ส่งใครหนุน"บิ๊กตู่"อย่าอยู่ปชป.

“บิ๊กป้อม” ชี้เป็นเหยื่อเตะขานายกฯ

     วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการครอบครองนาฬิกาหรูที่ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าขอย้ำถึงความบริสุทธิ์ใจในเรื่องดังกล่าว ส่วนใครจะคิดอย่างไรตามกระแสก็คิดไป เพราะความจริงคือความจริง ไม่มีวันหนีไปจากความจริงได้ ไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะขอรอดูต่อไปว่าสังคมจะมองเรื่องที่เกิดตามกระแสมากกว่าข้อมูลข้อเท็จจริงหรือไม่ ทั้งนี้อาจพลาดที่ไม่ได้ชี้แจงทำความเข้าใจตั้งแต่ต้น เพราะคิดว่าไม่มีอะไร จึงทำให้สังคมเข้าใจอะไรที่คลาดเคลื่อนมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ขอย้ำว่าพร้อมยอมรับกับคำตัดสินของป.ปช.ไม่ว่าจะมีผลออกมาเป็นอย่างไร

    “ผมไม่ได้โง่นะ ผมรับราชการมานาน เป็นรัฐมนตรีมากี่สมัยแล้ว ทำไมผมจะไม่รู้เรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่นี่เพราะเป็นนาฬิกาของเพื่อนยืมเวียนมาใช้ ซึ่งเขามี 200-300 เรือน เป็นเศรษฐีหมื่นล้านและชอบสะสมนาฬิกา ก็แค่นั้น ผมยืมมาจริงๆ มันน่าน้อยใจไหม ผมเป็นแค่เหยื่อของกระเเสจากฝ่ายตรงข้ามที่หยิบยกมาโจมตีเพื่อเตะขาท่านนายกฯ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ผบ.ทบ.สั่งอย่าเป็นเครื่องมือ

    แหล่งข่าวจากกองทัพบกเปิดเผยว่า ในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานได้เน้นย้ำถึงบทบาทและการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพต่อสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะการเข้าสู่โรดแม็พห้วงสุดท้ายที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งของรัฐบาลและ คสช.ว่า ขอให้รักษาสภาพแวดล้อมบ้านเมืองให้เรียบร้อย โดยเฉพาะการดูแลเรื่องการชุมนุม คือกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาปากท้อง ให้ดำเนินการรีบแก้ไขให้ทันท่วงที ส่วนชุมนุมทางด้านการเมือง อย่าไปสร้างเงื่อนไข เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย

     แหล่งข่าวจากกองทัพบกเปิดเผยอีกว่า พล.อ.เฉลิมชัย กำชับกำลังพลทั้ง 4 กองทัพภาค ให้ระมัดระวังและไม่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมือง เนื่องจากขณะนี้ใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง และคสช.มีการผ่อนคลายการเคลื่อนไหวทางการเมืองไปบ้างแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยหากมีนักการเมืองเข้ามาช่วยสนับสนุน นำอาหาร สิ่งของมาให้ขอให้ระมัดระวัง เนื่องจากจะเป็นการหาเสียงของพรรคการเมือง ส่วนทหารที่เกษียณอายุราชการไปแล้วและไปเล่นการเมืองเขาคือนักการเมืองเต็มตัว หากมีการขอความร่วมมือมายังหน่วยทหารเพื่อให้เอื้ออำนวยความสะดวก หรือขอเข้ามาสนับสนุนกิจกรรมของทหารในระหว่างที่จะมีการเลือกตั้ง ขอให้ระมัดระวังอย่าให้เป็นที่ครหา ขอให้วางตัวเป็นกลางไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร

ปชช.เชื่อ “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่หวังหาเสียง

     วันเดียวกัน “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในหัวข้อ "ไทยนิยม ยั่งยืน VS ประชานิยม” ระหว่างวันที่ 28–29 มีนาคม จากประชาชนทั่วประเทศ 1,250 คน โดยเมื่อถามการรับรู้หรือได้ยินข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 41.04 ระบุว่า ไม่เคยได้ยิน ไม่รู้จัก รองลงมา ร้อยละ 32.24 ระบุว่า รู้จัก และร้อยละ 26.72 ระบุว่า เคยได้ยินชื่อโครงการแต่ไม่รู้ว่าทำเกี่ยวกับอะไร ส่วนด้านความคาดหวังโครงการไทยนิยม พบว่าร้อยละ 38.08 คาดหวังไทยนิยมยั่งยืน จะแก้ปัญหาและพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงอย่างยั่งยืน ขณะที่ร้อยละ 54.16 มั่นใจว่า ไทยนิยมยั่งยืนจะสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้พ้นจากความยากจน อีกร้อยละ 33.44 ไม่คาดหวังโครงการนี้ และร้อยละ 42.16 มองว่าไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แก้ได้เฉพาะคนกลุ่มน้อย

     เมื่อถามถึงความแตกต่างระหว่าง “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน” กับ “นโยบายประชานิยม” พบว่าร้อยละ 48.96 ระบุ ไม่แตกต่าง เพราะเป็นโครงการที่มีลักษณะและวิธีการแก้ไขปัญหาคล้ายคลึงกัน คือทำเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเปลี่ยนจากนโยบายเป็นโครงการเท่านั้น ทั้งยังเป็นการช่วยเหลือประชาชนแบบเฉพาะหน้าทั้ง 2 โครงการ และไม่สามารถช่วยเหลือในระยะยาวได้จริง รองลงมา ร้อยละ 43.44 ระบุว่าแตกต่าง เพราะการบริหารงานและรายละเอียดของโครงการแตกต่างกัน โดยนโยบายประชานิยมเป็นการให้ความหวังประชาชน ดูฉาบฉวย และเกิดประโยชน์ส่วนบุคคลเท่านั้น แต่โครงการไทยนิยม ยั่งยืน เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ส่งผลให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้

     สุดท้ายถามถึงการลงพื้นที่พบปะประชาชนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้งปี 2562 หรือไม่ ส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 50.48 ระบุ เป็นการหาเสียง แต่ร้อยละ 42.32 ระบุไม่เป็นการหาเสียงเพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ