คอลัมนิสต์

เซ็กส์ทัวร์ไทยแลนด์ ไม่มี เคยมี หรือยังมี เขาถึงแซวมาว่างี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่า ธุรกิจเซ็กส์ทัวร์นี้เป็นธุรกิจที่มีผลประกอบการสูง ไม่มีโลว์-ไม่มีไฮ พูดง่ายๆ ว่า ฝนจะตก แดดจะออก ก็ไม่เคยร้างราลูกค้า

          อย่าบอกนะว่ารับไม่ได้ !

          กับข่าวที่บุคคลสำคัญระดับนานาชาติ นำชื่อของประเทศไทยมาพูดทีเล่นทีจริง ไล่ๆ กันถึงสองครั้งสองครา เกี่ยวกับความเป็นแหล่งท่องเที่ยวของทัวร์ทางเพศ หรือ “เซ็กส์ทัวร์” ชนิดออกสื่อคำโต ได้ยินทั่วกัน

          รอบแรกออกจากปากของ บอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ราวๆ กลางเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ขณะที่เขากำลังกล่าวสุนทรพจน์เรื่องเบร็กซิท

          แต่อาจจะเป็น “ทีเล่น” ก็ได้ เมื่อตอนหนึ่งเขาได้กล่าวว่า อังกฤษควรกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากเข้าไปเที่ยวในสหราชอาณาจักรมากขึ้น

          “เพราะในแต่ละปีมีชาวอังกฤษกว่าล้านคนเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย เพื่อทำกิจกรรม “บางอย่าง” ที่ผมไม่ขอพูดถึง”

          แน่นอนที่ทุกคนจะรู้ความหมายเป็นอย่างดีว่า รมต.ต่างประเทศผู้นี้ กล่าวถึงเซ็กส์ทัวร์ไทยแลนด์นั่นเอง

          รอบต่อมาเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เมื่อ ฮามัต บาห์ รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมแกมเบีย ได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ GRST ประเทศแกมเบีย

          ซึ่งคราวนี้อาจจะเป็น “ทีจริง” ก็ได้ เพราะเขากล่าวอย่างจริงจัง ขึงขังว่า “นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่เดินทางมาเที่ยวประเทศแกมเบีย ถ้าอยากมาหาความสำราญจากการท่องเที่ยวแฝงเซ็กส์ อย่ามาแกมเบีย ให้ไปประเทศไทยแทน”

          ทั้งนี้ ตามข่าวยังระบุว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศแกมเบียเอง ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า ถือเป็นจุดหมายปลายทางลำดับต้นๆ ในแอฟริกา สำหรับเซ็กส์ทัวร์เด็ก !!

          ซึ่งแม้จะไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนที่ นายบาห์ถึงได้พาดพิงมายังไทย แต่เรื่องนี้ ก็ไม่ได้จบแค่นั้น

          เพราะหันมาข้างฝ่ายไทย มีคนรับไม่ได้จริงๆ ที่เห็นชัดเลยคือ วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่ฉุนขาด โวยวายว่าจะทำหนังสือประท้วง และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเรื่องแก้ไขภาพลักษณ์อีกด้วย

          เรื่องจริง หรือเรื่องเล่า?

          แต่เดี๋ยวก่อน...หากทลายกรอบแห่งความเขินอาย ลองหันไปดูบรรยากาศโดยรอบ จะพบว่า แม้แต่คนไทยกันเองก็ยอมรับว่า เรื่องไทยแลนด์แดนสวรรค์ของคนติดเซ็กส์นั้น ไม่ใช่แค่เรื่องเล่า !!

          ก็แม้แต่ รัฐมนตรีวัฒนธรรมก็ยังยอมรับว่า เรื่องเซ็กส์ทัวร์บ้านเรา มันเคยเกิดขึ้นจริง แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว

          หากหันมาดูความจริงอีกด้าน ในบรรดาการจัดอันดับต่างๆ ที่มีออกมาสม่ำเสมอทุกปี ไทยแลนด์เรานี้ จะติดอันดับประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทองของนักท่องเที่ยวทางเซ็กส์อยู่แทบทุกเวที

          เช่น ช่วงปีที่แล้ว สื่อ TheRichest ได้จัดอันดับประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการค้าประเวณีอันดับต้นๆ ของโลก หรือจะย้อนไปอีกราวปี 2558 สื่อรายนี้ก็เคยรายงานแบบนี้มาแล้ว

          เชื่อหรือไม่ อันดับ 2-10 อาจมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่อันดับ 1 ในดวงใจ คือไทยแลนด์แดนสวรรค์ทั้ง 2 ครั้ง !!

          ขณะที่ปีก่อน เว็บไซต์มิร์เรอร์ของอังกฤษ ยังเพิ่งรายงานว่า พัทยาเป็นเมืองหลวงแห่งเซ็กส์ของโลก

          แม้แต่เร็วๆ นี้ช่วงต้นปี ก็มีคนไทยออกมาโวยวายเรื่องกองถ่ายทำภาพยนตร์ “Happy Bhag Jayegi Return (2018)” ที่ถนนข้าวสาร ได้ถ่ายทำฉากผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อย อยู่หน้าร้านแผงลอยขายชุดว่ายน้ำ และยังมีข้อความป้ายโฆษณาชวนเชื่อ “ADULT TOY” จนเกิดเป็นเรื่องราวทางกฎหมาย

          เรื่องราวจบลงอย่างไร คงไม่สำคัญไปกว่า ภาพลักษณ์ของแดนแห่งโลกีย์ไม่เคยหลุดไปจากประเทศไทย

          และเอาเข้าจริงๆ หากท่องเข้าไปในโลกออนไลน์ ความจริงถูกเปิดเผยรออยู่แล้วว่า “ทัวร์เซ็กส์” หรือ “เซ็กส์ทัวร์” ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่พูดง่ายๆ ว่า มาเพื่อการ…นี้โดยเฉพาะ!! มีอยู่ทั่วไป

          โดยจุดหมายของเซ็กส์ทัวร์ที่ป๊อปปูลาร์ มักเป็นประเทศที่ไม่มีกฎหมายการค้าประเวณี หรือประเทศที่มีกฎหมายห้ามแต่ไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งอย่างหลังนี้บ้านเราจะถูกเอ่ยชื่อถึงตลอด

กฎหมายมีไว้ทำไม

          คำถามนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่อดกล่าวถึงอีกไม่ได้ เพราะขณะที่เราบอกว่าเรามีกฎหมายค้าประเวณี แต่ในทางปฏิบัติกลับตรงกันข้าม

          ดังนั้น คนไทยกลุ่มหนึ่งจึงเคยตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ทำให้ธุรกิจนี้เป็นเรื่องถูกกฎหมายไปเลย

          เพราะด้านหนึ่งต้องยอมรับว่า ธุรกิจเซ็กส์ทัวร์นี้เป็นธุรกิจที่มีผลประกอบการสูง ไม่มีโลว์-ไม่มีไฮ พูดง่ายๆ ว่า ฝนจะตก แดดจะออก ก็ไม่เคยร้างราลูกค้า

          ดังนั้น เซ็กส์ทัวร์ จึงยังมีส่วนที่ช่วยส่งผลดีในเชิงท่องเที่ยวให้แก่ธุรกิจประเภทอื่น เช่น ธุรกิจการบิน ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม หรือธุรกิจรายย่อยทั่วไป ไม่ต่างจากทัวร์ปกติ

          ยกตัวประเทศที่เจริญแล้ว เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรีย ออสเตรเลีย เบลเยียม บราซิล แคนาดา ฯลฯ เหล่านี้ เป็นประเทศที่ทำให้อาชีพโสเภณีถูกกฎหมายทั้งสิ้น

          แต่เมื่อหันมามองบ้านเรา กลับพบว่า ไม่ว่าเนื้อหาของ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ของไทยเรา ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2539 จะว่าเช่นไรก็ตาม พี่ไทยหัวใสก็ทำมาหากินได้เสมอ

          แต่ก็นั่นแหละ เมื่อไทยเราขึ้นชื่อว่าเมืองพุทธ การที่จะมาเปิดประเทศ แล้วประกาศว่า “เฮ้ เรามีแบบนี้นะ เข้ามาเลย” มันก็คงอิหลักอิเหลื่อบอกไม่ถูก

          ดังนั้น การเขี่ยธุรกิจนี้ไว้ข้างล่าง แล้วปิดทับด้วยพรมที่ถักทอด้วยกฎหมายเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ที่เรายังไม่มีไฮไฟว์ (hi5) ด้วยซ้ำ กับยางอายของคนในบ้านเมือง จึงเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และจะเกิดขึ้นต่อไปแบบนี้

          และก็คงเป็นอย่างที่ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีนี้ว่า ไม่สน และโนแคร์ !!

          ซึ่งดูแล้ว ไม่ได้รับมุกของ รมว.วัฒนธรรมฝ่ายเดียวกันเองเลยสักนิด

          “ผมเชื่อว่าไม่มีใครสนใจสิ่งที่ประเทศแกมเบียพูดด้วยซ้ำไป และคำพูดของรัฐมนตรีแกมเบียก็ไม่มีน้ำหนักในเวทีระหว่างประเทศมากนัก”

          พร้อมกับระบุว่า จะไม่มีการฟ้องร้อง เป็นความผิดพลาดของฮามัตเอง ระดับรัฐมนตรีจะไม่มีการพูดพาดพิงกันถึงขนาดนี้ แต่ไทยควรสำรวจตัวเองให้เรียบร้อย อย่าให้เป็นอย่างที่เขาว่า แต่หากเป็นก็ต้องแก้ไข

          ก็เป็นคำตอบแบบนักการทูต ที่รู้สถานการณ์ในบ้านเราดี เกินกว่าจะมาร้องแรกแหกกระเชอ ว่าเรื่องนี้ไม่จริ๊ง ไม่จริง นั่นเอง !!

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ