พสกนิกรร่วมถวายสักการะพระบรมศพ 2 ข้างทาง

 

           สำหรับบรรยากาศภายในโรงพยาบาลศิริราช ช่วงเวลา 08.30 น.วันนี้(14 ต.ค.) มีประชาชนต่างส่วมใส่ชุดสีดำมารอถวายสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมากตลอดสองข้างทางที่ขบวนพระบรมศพจะเคลื่อนผ่าน ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่เมื่อคืน (13 ต.ค.) และในช่วงเช้ามืดของวันนี้ 

           อาทิ นายสุทธิเกียรติ สุขกูล อายุ 23 ปี เดินทางมาจากจังหวัดปราจีนบุรี เผยว่า หลังจากทราบข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้สึกเสียใจมากและรีบเดินทางที่นี่ทันที มาถึงประมาณ 4 ทุ่ม นั่งรออยู่ที่ศาลาศิริราช 100 ปี กระทั่งประมาณตี 3 จึงย้ายมาจับจองพื้นที่บริเวณทางออกประตู 8 ซึ่งเป็นประตูที่จะเคลื่อนขบวนพระบรมศพออกไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยตั้งใจว่าหลังจากสักการะพระบรมศพแล้วจะข้ามฝั่งไปที่พระบรมมหาราชวังด้วย

          “ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่าน 2-3 ครั้งซึ่งรู้สึกดีใจมาก อีกทั้งผมยังมีโอกาสได้น้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้หลายเรื่อง แต่ที่ผมจำได้และยึดถือปฏิบัติมาตลอดคือพระองค์ท่านสอนให้เป็นคนอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ เข้มแข็งแต่ไม่กระด้าง รวมไปถึงแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ผมก็ได้น้อมนำไปใช้ในการทำนา ทำไร่ ที่บ้านเกิดที่ จ.บุรีรัมย์” นายสุทธิเกียติเผยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

         ด้านนางกุหลาบ จันทร์มงคล อายุ 53 ปี ชาวบางพลี จ.สมุทรปราการ อาชีพเกษตรกร ได้มานอนรอที่ รพ.ศิริราช ตั้งแต่ 23.00 ของวันที่ 13 ตค กับญาติอีก 1 คน ก่อนแถลงการณ์ได้ยินข่าวลือมากมาย แต่ใจไม่เชื่อ ยังไงก็จะรอให้ได้ฟังแถลงการณ์เสียก่อน เราเป็นลูกของพ่อท่าน เราไม่อยากให้ถึงวันนี้ ตนมีอาชีพเกษตรกร ได้น้อมนำพระราชดำริทฤษฎีด้านการเกษตรมาใช้ เลี้ยงปลา ปลูกพืชผักตามคันบ่อ ใช้ชีวิตพอเพียง 

         ในช่วงเข้าพรรษาได้สวดมนต์ งดเว้นเนื้อสัตว์เพื่อเป็นการถวายบุญกุศลแด่พระองค์ท่าน ตนได้มีโอกาสมารอรับเสด็จหลายครั้ง ภาพประทับใจคือภาพที่พระองค์ทรงงานใส่ฉลองพระองค์สีชมพู และมีพระเสโทไหล ความคิดท่านเป็นเลิศ ทั้งเรื่องฝนหลวง หรือการแก้ปัญหาน้ำท่วม ท่านทำได้เหมือนที่ท่านพูดไว้ทุกอย่างเมื่อครั้งขึ้นครองราชย์ ขอให้ท่านเสด็จสู่สวนรคาลัย ปกปักษ์คุ้มครองทุกคนในแผ่นดิน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณโรงพยาบาลศิริราช ประชาชนจำนวนมาก ต่างสวมเสื้อผ้าไว้ทุกข์ เดินทางมาจับจองพื้นที่ร่วมเฝ้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความโศกเศร้า หลายคนเผยว่าเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเวลา ตี 3.00-5.00 ของวันที่ 14 ตุลาคมและมีบางส่วนนอนในโรงพยาบาลศิริราช ที่มาเฝ้ารอทันทีหลังทราบข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้

          โดยช่วงเช้าบริเวณหน้าโรงพยาบาลศิริราช เพื่อใหขบวนพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจเข้มผู้ที่เดินทางเข้ามาในโรงพยาบาล โดยขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าทีื่่และบุคลากรของโรงพยาบาลต้องแขวนบัตรและแสดงบัตรพนักงานทุกครั้งที่เข้า-ออก ส่วนประชาชนทั่วไปที่มาเฝ้าหรือเยี่ยมผู้ป่วยด้านใน ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่แสดงความจำนงก่อน ส่วนภายนอกโรงพยาบาล มีประชาชนทยอยมานั่งรอตลอดรั้วกั้นด้านนอกตลอดเส้นทางบริเวณถนนวังหลัง

          นางศิริญา กิ่งแก้ว วัย 60 ปี ชาวท่าพระ เผยว่าปัจจุบันเป็นแม่บ้านเลี้ยงเด็ก ช่วงที่ทราบข่าสการสวรรคต ตนเองอยู่ที่บ้านพอได้ยินประกาศ ก็อึ้งมากน้ำตาไหลไม่หยุด จนต้องวางงานทุกๆ อย่างเอาไว้ รู้สึกเสียใจที่ทรงไม่อยู่แล้ว และตัวเองก็มารับเสด็จบ่อยๆ ที่โรงพยาบาลศิริราช วันนี้เป็นวันที่เสียใจมากเพราะเป็นการมารับเสด็จครั้งสุดท้าย

            “จากนี้คงทำตาทพระราชดำริของพระองค์ท่านต่อไป สอนต่อลูกๆ หลานๆ เด็กรุ่นใหม่ให้รู้จักพระองค์ท่าน น้อมนำความดีท่านมาใช้ ที่สำคัญจะเป็นคนดี ไม่ทำตัววุ่นวายให้แก่ประเทศ” นางศิริญา กล่าว

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเตรียมเส้นทางเสด็จ ด้านนอก มีเจ้าหน้าที่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจ คอยอำนวยความสะดวก จัดสรรพื้นที่ให้ประชาชนที่มารอเฝ้าถวายสักการะพระบรมศพ รวมถึงการปฐมพยาบาลเนื่องจากประชาชนส่วนมากมารอแต่ช่วงเช้า ไม่ได้รับประทานอาหาร และต้องทนแดดร้อน

            ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะมีการปิดท่าเรือศิริราช (วังหลัง) เพื่อจัดระเบียบพื้นที่ เตรียมพร้อมการเฝ้าถวายสักการะพระบรมศพ ผ่านไปอย่างเรียบร้อย