"สภาเกษตรกร"เผยผลกระทบจากกฎหมายเกษตรพันธสัญญา ชาวนาไม่เข้าใจขั้นตอนข้อตกลง หวาดกลัวอิทธิพลเผชิญหน้าผู้ประกอบการ แนะอัยการร่วมเจรจาไกล่เกลี่ย
13 มีนาคม 2562 นายคงฤทธิ์ บัวบุญ ประธานคณะทำงานศึกษาผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายเกษตรพันธสัญญา สภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ.2560
ได้ประกาศและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2560 แต่พบว่ากระบวนการของระบบเกษตรพันธสัญญายังมีปัญหาเกิดขึ้นในพื้นที่ สภาเกษตรกรแห่งชาติจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานชุดใหม่ศึกษาผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายเกษตรพันธสัญญา เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 โดยคณะทำงานฯมีอำนาจ หน้าที่คือ ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลและสภาพปัญหาที่มีผลต่อการทำเกษตรพันธสัญญา เสนอปัญหาและแนวทางการแก้ไข โดยจัดทำข้อเสนอเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิให้กับเกษตรกร เสนอหลักเกณฑ์ มาตรการและวิธีการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นต้น
ทั้งนี้ได้พบปัญหาในพื้นที่ รวม 2 เรื่องหลักคือการประชาสัมพันธ์ความรู้ด้านกฎหมายของระบบเกษตรพันธสัญญา เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่เข้าใจขั้นตอนของการทำข้อตกลงสัญญาซื้อ-ขายผลผลิตทางการเกษตร ผู้ประกอบการต้องขึ้นทะเบียน ความกังวลต่อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
ซึ่งในเรื่องนี้นายสุรศักดิ์ เหลืองอร่ามกุล หัวหน้ากลุ่มกฎหมายและไกล่เกลี่ยข้อพิพาท สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับเรื่องไปกำหนดแผนการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกษตรกรรับทราบสาระสำคัญและแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ เช่น การทำสัญญา รวมถึงการแจ้งข่าวสารในพื้นที่ เช่น ระเบียบ ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเกษตรพันธสัญญา โดยขอความร่วมมือให้สภาเกษตรกรจังหวัดซึ่งเป็นตัวแทนเกษตรกรทำความเข้าใจกับเกษตรกรในเรื่องนี้ด้วย
"กระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาข้อพิพาท เกษตรกรมีความเกรงกลัวต่ออิทธิพลของผู้ประกอบการในการเผชิญหน้า ซึ่งขั้นตอนนี้บุคคลที่เหมาะสมในการทำหน้าที่ประธานการไกล่เกลี่ย ควรเป็นอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาจังหวัด ซึ่งขั้นตอนในการเจรจาไกล่เกลี่ยที่เกิดขึ้นภายในจังหวัด ไม่ได้สร้างความเป็นธรรมให้เกษตรกรอย่างแท้จริง และทำให้เกษตรกรต้องยอมรับสภาพหนี้สิน โดยมิอาจทำการโต้แย้งได้"
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานฯ ได้พิจารณาร่วมกันเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น เนื่องจากกฎหมายเพิ่งประกาศใช้จึงยังไม่สามารถเสนอปรับปรุงได้ โดยจะนำเรื่องนี้ไปหารือร่วมกัน 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง