ข่าว

ร้องยธ.ช่วยถูกตร.อมเพชรของกลาง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สาวร้องยธ.ช่วยตามเพชรของกลาง 11 ล้านคืนอัยการไม่ฟ้องคดีพร้อมสั่งคืนของกลางตั้งแต่ต้นปีแต่ตำรวจไม่คืน.รองปลัดยธ.จี้สตช.สอบให้เสร็จภายใน 37 วันล่าช้ารายงานศอตช.

     

           25 เม.ย. 61  - ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม  น.ส.จีระพันธ์ จุลพันธ์ อายุ 53 ปี ผู้เสียหายจากการถูกดำเนินคดียักยอกทรัพย์ ยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม

 

           ทั้งนี้เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีพนักงานสอบสวนกองปราบปรามไม่คืนของกลางหลังสั่งยกฟ้องคดี และขอให้รับเป็นคดีพิเศษ พร้อมทั้งช่วยเหลือในการประสานงานขอเพชรของกลางมูลค่า 11 ล้านบาท คืนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ยึดและอายัดเพชรไว้ เนื่องจากพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้เสียหายในข้อหายักยอกทรัพย์และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคืนของกลางให้แก่ผู้ร้อง

 

          น.ส.จีระพันธ์ กล่าวว่า ตนมีอาชีพค้าเพชร ในกรณีที่เพชรเม็ดใดยังไม่มีผู้ซื้อก็จะนำเพชรไปจำนำไว้กับโรงรับจำนำ เพื่อนำเงินมาหมุนในธุรกิจ. ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ได้นำเพชรจำนวน 17 รายการมูลค่า 11 ล้านบาทไปจำนำ เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนในธุรกิจตามปกติ. เมื่อวันที่ 10 ก.ค.56 ถูกช่างทำเรือนทองที่เคยรับงานจากทางร้านไปทำแจ้งความที่กองปราบกล่าวหาตนและนายวรดิษฐ์ จุลพันธ์ ในข้อหายักยอกทรัพย์เป็นเพชร 11 ล้านบาท ทั้งที่ตนมีหลักฐานในการซื้อขายเพชรจากต่างประเทศ


           หลังรับแจ้งความในวันเดียวกันตำรวจได้ไปอายัดเพชรของกลางที่โรงรับจำนำ จากนั้นได้เซ็นชื่อจากต้นขั้วอายัดและไถ่ถอนเพชรออกจากโรงจำนำไปให้นายทุนนำไปปล่อยที่โรงจำนำเดิม ก่อนปล่อยให้เพชรของตนหลุดจำนำ ทั้งนี้เพชรของกลางดังกล่าวไม่เคยถูกนำเข้ามาอยู่ในสำนวน ในขั้นตอนการตรวจนับเพชรของกลางตำรวจก็ไม่เคยเรียกตนไปร่วมสังเกตการณ์

 

         

   

          ต่อมาพนักงานสอบสวนมีความเห็นไม่ฟ้องตนและนายวรดิษฐ์ ในชั้นอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 7 ก็มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีเช่นกัน พร้อมสั่งให้คืนของกลางตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.61 ตนจึงเดินทางไปติดต่อขอรับของกลางคืน แต่ไม่ได้คืนและไม่ได้รับทราบความคืบหน้าแต่อย่างใด ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวตนได้แจ้งความกับช่างทำเรือนทองและพนักงานสอบสวน ในข้อหาแจ้งความเท็จและปฏิบัติหน้าที่มิชอบ มาตรา 157 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 1 ปี คดียังอยู่ระหว่างฎีกา 


           น.ส.จีระพันธ์ กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวทำให้ตนเสียชื่อเสียทำให้ไม่สามารถทำธุรกิจในวงการต่อไปได้ ทั้งที่ไม่ได้กระทำผิดเพราะมีหลักฐานซื้อขายทุกอย่าง จนต้องขายบ้านเพื่อนำทรัพย์สินมาต่อสู้คดีจนหมดตัว เพชรของกลางก็ไม่ได้คืน จึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมให้ช่วยเหลือทางคดีรวมถึงค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี เพราะปัจจุบันประกอบอาชีพขายน้ำเก็กฮวยที่สถานีรถไฟฟ้า มีรายได้เพียงแค่วันละ 400 บาท


          ด้านรองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า หลังรับคำร้องกระทรวงยุติธรรมจะส่งหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ผ่านศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) อ้างถึงคำสั่งคสช.ที่กำหนดให้ต้นสังกัดตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีผู้ใต้บังคับบัญชาถูกร้องเรียนกระทำทุจริตและประพฤติมิชอบภายใน 7 วัน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

 

          หากคดีมีมูลพอเชื่อได้ว่ากระทำความผิดจริงหัวหน้าส่วนราชการต้องปรับไปดำรงตำแหน่งอื่นชั่วคราว ในกรณีกระทำผิดร้ายแรงและอาจยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานต้องให้ย้ายออกนอกหน่วย กรณีของน.ส.จีระพันธ์ สตช.ต้องมีคำตอบให้ผู้ร้องภายใน 37 วัน มิเช่นนั้นกระทรวงยุติธรรมจะส่งเรื่องให้ศอตช.ดำเนินการกับผู้บังคับบัญชาในทันที

  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ