ข่าว

ไม่รับฟ้อง "2 อดีต สว.สส.พหลฯ" ปมหักเบี้ยเลี้ยง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาล ชี้ "จ๋าโอ๋" ตร.ประทวน ฟ้องหักเบี้ยเลี้ยงซื้อแอร์ บรรยายพฤติการณ์-อำนาจตามฟ้อง ไม่เข้า ก.ม.ทุจริตหน้าที่ ม.148,157

 

         ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี วันที่ 24 เม.ย.61 เวลา 09.00 น. ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้อง คดีหมายเลขดำ ที่ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด หรือจ่าโอ๋ อดีต ผบ.หมู่ สส.สน.พหลโยธิน ปัจจุบันย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ สน.ทุ่งสองห้อง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ต.ชลากร ปานแดง และ พ.ต.ต.เอกราช โอมาก อดีต สว.สส.สน.พหลโยธิน ที่ปัจจุบันถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ สน.ดอนเมือง และ สน.สายไหม เป็นจำเลยที่ 1-2 ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจข่มขืนใจหรือจูงใจให้ผู้อื่นมอบทรัพย์สินให้ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต และปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ หรือโดยทุจริตฯ ตามมาตรา 157 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ     

 

          โดย นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความโจทก์ รับมอบอำนาจ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ เดินทางมาฟังคำสั่งแทน ภายหลังจากได้ยื่นฟ้องคดีไปเมื่อวันที่ 4 เม.ย.61 ที่ผ่านมา

         ทั้งนี้ "ศาลอาญาคดีทุจริตฯ" พิเคราะห์คำฟ้องโจทก์ ประกอบรายงานชั้นตรวจคำฟ้องแล้ว เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสารวัตรสืบสวนและเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์ กับตำรวจชั้นประทวน สน.พหลโยธินจึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตร่วมกันออกคำสั่งข่มขู่บังคับให้หักเบี้ยเลี้ยงของโจทก์กับพวกอีก 11 คน โดยให้โจทก์ได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 2,500 บาท จากที่โจทก์มีสิทธิได้รับเงินจำนวน 5,720 บาท และให้ไปถอนเงินเบี้ยเลี้ยงส่วนเกินมามอบให้จำเลยทั้งสอง หากไม่ทำจะถูกจำเลยทั้งสองกลั่นแกล้งหรือโดนโยกย้าย อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเบี้ยเลี้ยงของทางราชการ โดยเจตนาให้โจทก์และผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ ซึ่งโจทก์กับพวกไม่ยินยอมและไม่พอใจ แต่ต้องจำยอม ซึ่งจำเลยทั้งสองได้เบี้ยเลี้ยงจากโจทก์และตำรวจชั้นประทวนอีก 11 คน รวมเป็นเงิน 25,300 บาท และจำเลยทั้งสองนำเงินไปซื้อเครื่องปรับอากาศเพื่อประโยชน์แก่จำเลยทั้งสองและผู้อื่น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบให้เกิดความเสียหาย มีเจตนาทุจริต นำเงินไปซื้อเครื่องปรับอากาศโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และข่มขืนใจโจทก์ให้ส่งมอบทรัพย์สินแก่จำเลยทั้งสอง ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 83, 90, 148, 157

 

           ไม่รับฟ้อง "2 อดีต สว.สส.พหลฯ" ปมหักเบี้ยเลี้ยง

 

         ศาลพิเคราะห์แล้ว การกระทำที่จะผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157 ต้องเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งของเจ้าพนักงานนั้นเองโดยมิชอบ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติสิ่งที่อยู่ในหน้าที่ของเจ้าพนักงานนั้นเองโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยทุจริต แต่ตามคำฟ้องโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองดำรงตำแหน่งสารวัตรสืบสวน มีหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนเกี่ยวกับการจับกุม ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายและเกี่ยวกับการสืบสวน ซึ่งหมายถึงการแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐาน ซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจได้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเพื่อจะทราบรายละเอียดแห่งความผิด 

 

         ส่วนการตั้งด่านตรวจของโจทก์กับพวก ซึ่งเป็นตำรวจชั้นประทวน แม้อยู่ใต้การบังคับบัญชาของจำเลยทั้งสอง ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา แต่การที่โจทก์กับพวกจะได้รับค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงจากการปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นกรณีที่ทางราชการได้วางระเบียบหรือหลักเกณฑ์ไว้ในทางบริหารต่างหาก

 

         ขณะที่แม้เอกสารท้ายฟ้องของโจทก์ได้ระบุว่า สน.พหลโยธิน ต้องส่งหลักฐานขอเบิกเบี้ยเลี้ยงต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นไปเพื่อพิจารณาอนุมัติ แต่ตามฟ้องก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสอง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่โจทก์กับพวกที่จะถือได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่จะออกคำสั่งหักเงินเบี้ยเลี้ยงของโจทก์กับพวกหรือข่มขู่บังคับโจทก์กับพวกให้นำเงินเบี้ยเลี้ยงส่วนเกินมามอบให้โจทก์ทั้งสอง หรือที่จะถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งของจำเลยทั้งสองโดยมิชอบฯ

         

         ดังนั้นการกระทำของจำเลยทั้งสอง จึงไม่อาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และ 157 ไม่ใช่คดีทุจริตและประพฤติมิชอบตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 3 ที่จะรับไว้พิจารณาพิพากษาได้ จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา โดยให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ