ข่าว

"บิ๊กตู่"สั่งหามาตรการควบคู่บังคับก.ม.ลดอุบัติเหตุ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 "บิ๊กตู่"สั่งหามาตรการควบคู่บังคับใช้กฎหมาย ลดอุบัติเหตุ หลังยอดตายช่วงสงกรานต์ยังสูง  6 วันดับ 378 เจ็บ 3,575 มท.1 ชี้ต้องสร้างให้ปชช.ตระหนักมีส่วนรับผิดชอบ

      เมื่อวันที่ 17 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวและนักท่องเที่ยวออกมาเล่นสาดน้ำสงกรานต์ วันไหลศรีราชาอย่างสนุกสนานคึกคัก มีการเปิดเพลงติดตั้งเครื่องเสียง เล่นสาดน้ำ ปะแป้ง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวและในช่วงบ่ายมีสานฝนโปรยปรายลงมาคลายร้อน โดยประชาชนที่บ้านอยู่ติดถนนได้นำภาชนะบรรจุน้ำรวมทั้งสายยางต่อน้ำจากก๊อกในบ้านใช้เล่นสาดน้ำกับผู้ที่สัญจรไปมาขณะเดียวกันบางส่วนนำภาชนะบรรจุน้ำขึ้นท้ายรถปิกอัพออกตระเวนเล่นน้ำสาดน้ำสงกรานต์อย่างสนุกสนาน

     ส่วนที่สำนักงานเทศบาลเมืองศรีราชา นายธานี รัตนานนท์ นายกเทศมนตรีเมืองศรีราชาและคณะผู้บริหาร ได้จัดวันสงกรานต์และวันไหลศรีราชาโดยร่วมกันรดน้ำขอพรจากผู้สูงอายุ ซึ่งทางคณะผู้บริหารได้จัดขึ้นเพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของท้องถิ่นและของไทยและเป็นการปลูกฝังให้เด็กเยาวชนและประชาชนทั่วไปมีส่วนส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีที่ดีงามรวมเป็นการประสานสามัคคีของราษฎรในพื้นที่ 

"บิ๊กตู่"สั่งหามาตรการควบคู่บังคับก.ม.ลดอุบัติเหตุ

     ต่อมาเทศบาลเมืองศรีราชาได้นำขบวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง หลวงพ่อผิว หลวงพ่อทันใจ และท่านเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี แห่รอบตลาดศรีราชาไปตามถนนเจิมจอมพล ถนนสุรศักดิ์สงวน ถนนเทศบาล เพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำ โดยมีประชาชนตลอดเส้นทางร่วมกันสรงน้ำจำนวนมาก เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัวในวันขึ้นปีใหม่ของไทย ซึ่งก็มีสายฝนโปรยปรายลงมาในช่วงแห่ขบวนสงกรานต์ในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทุกคนต่างพูดกันว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้

     ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) พล.ท.ธเนศ กาลพฤกษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก(ทบ.) เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 โดยกล่าวว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา เป็นวันที่ 6 ของการรณรงค์ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร เกิดอุบัติเหตุ 425 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 49 ราย ผู้บาดเจ็บ 464 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 28.47 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 27.29 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.80 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 64.00 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 39.76 ถนนใน อบต. หมู่บ้าน ร้อยละ 34.82 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01–20.00 น. ร้อยละ 23.53 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 28.07

     สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 6 วัน คือวันที่ 11–16 เมษายน เกิดอุบัติเหตุ 3,418 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 378 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,575 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือตายเป็นศูนย มี 6 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ระนอง สตูล สมุทรสงคราม หนองคาย และหนองบัวลำภู จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 126 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 19 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 136 คน ทั้งนี้ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,031 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,226 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 856,446 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 176,415 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 49,866 ราย ไม่มีใบขับขี่ 46,067 ราย

     พล.ท.ธเนศ กล่าวต่อว่า วันนี้(17 เม.ย.)ประชาชนบางส่วนยังคงเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ได้เน้นย้ำให้ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.)ประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกทุกเส้นทางอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ขอให้จังหวัดวิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่โดยให้ความสำคัญกับประเด็นที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุโดยเฉพาะอำเภอที่มีความเสี่ยงเพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทั้งในช่วงปกติและเทศกาลเพื่อให้การขับเคลื่อนการสร้างความปลอดภัยทางถนนมีประสิทภาพในการลดความสูญเสียได้มากที่สุด

     นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีปภ. ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า ศปถ.สั่งการให้จังหวัดที่ยังมีการเล่นน้ำสงกรานต์ดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างต่อเนื่อง และป้องกันอุบัติภัยจากการเล่นน้ำสงกรานต์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุทางถนน โดยเน้นย้ำให้กวดขันสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ทั้งดื่มแล้วขับ และขับรถเร็วในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์และเส้นทางโดยรอบ อย่างไรก็ตาม ศปถ.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงรณรงค์อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องตลอดทั้งปีให้ประชาชนมีความตระหนักและจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยเพื่อนำไปสู่ความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกันจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนต่อไป

     พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. กล่าวว่า สถิติการตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับขี่ในวันที่ 16 เมษายน มีดังนี้ รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 52,298 ครั้ง ยึดรถไว้ 2,767 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 34,521 คน สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 41,574 ครั้ง ยึดใบอนุญาตขับขี่ไว้ 2,324 ราย ยึดรถยนต์ 1,098 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 20,902 คน

      สำหรับตลอด 6 วันที่ผ่านมา คือ 11-16 เมษายน เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำความผิดในส่วนรถจักรยานยนต์ 220,507 ครั้ง รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ 163,840 ครั้ง ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้แล้ว 13,964 คัน โดยแยกเป็น รถจักรยานยนต์ 10,139 คัน และรถยนต์ 3,825 คัน และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดรถจักรยานยนต์ 147,971 คน รถโดยสารสาธารณะ รถยนต์ส่วนบุคล 86,674 คน

"บิ๊กตู่"สั่งหามาตรการควบคู่บังคับก.ม.ลดอุบัติเหตุ

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ปัญหาอุบัติเหตุจากการจราจร ที่มีการบาดเจ็บสูญเสียก็ต้องแก้ไขปัญหากันต่อไปซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการละเมิดกฎหมายปกติโดยสถิติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนใหญ่ยังคงเป็นรถจักรยานยนต์เหมือนเดิม มีสาเหตุมาจากไม่สวมหมวกกันน็อคและดื่มสุราก่อนขับขี่ ซึ่งตนได้สั่งให้เพิ่มความเข้มงวดในการใช้กฎหมายให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนเอง ซึ่งเราจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายเนื่องจากไม่มีวิธีการอื่น อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบนถนนสายรอง ทั้งที่มีการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่กว่า 2,000 จุด ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 60,000 นายตรวจยานพาหนะไปเกือบ 1 ล้านคัน แต่ยังคงมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการอื่นมาใช้ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย

     “ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง ในเรื่องการจัดงานช่วงเทศกาลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เสียสละเวลาของตัวเอง ไปดูแลความปลอดภัยให้กับผู้อื่น ครอบครัวตัวเองก็แทบจะไม่มีโอกาสได้พบปะในช่วงเทศกาลสำคัญ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนต้องช่วยกัน จะมุ่งหวังพึ่งแต่เจ้าหน้าที่รัฐอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ หากตัวเองไม่รู้จักปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการดื่มสุราแล้วขับรถ” นายกฯ กล่าว

     ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเฝ้าระวังอุบัติเหตุช่วง7 วันอันตรายของเทศกาลสงกรานต์ 2561 ที่สถานการณ์ช่วง 5 วันที่ผ่านมามียอดผู้เสียชีวิต 323 คน ว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตถือว่าใกล้เคียงกับยอดของปีที่ผ่านมา อาจจะต่างกันเพียงเล็กน้อยแต่ไม่ถือเป็นนัยยที่สำคัญ อย่างไรก็ตามตนมีแนวคิดที่จะเพิ่มมาตรการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและลดการเสียชีวิตด้วยการสร้างความตระหนักให้กับประชาชนด้านการช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่กับมาตรการบังคับใช้กฎหมาย

ทั้งนี้สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุปีนี้ ส่วนมากคือเมาแล้วขับ ขณะที่มาตรการบังคับใช้กฎหมายเราดูแลอย่างเข้มงวด ทั้งจับกุมและยึดรถ โดยมียอดการยึดรถทั่วประเทศกว่าหมื่นคันทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ แต่การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดถึงแม้จะใช้ได้แต่หากสร้างความตระหนักร่วมด้วย โดยเฉพาะสื่อมวลชนหรือ สื่อโซเชียลมีเดียต้องให้ความร่วมมือ เพราะเราไม่มีช่องทาง ไม่มีเวทีพูด

     พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ไม่ได้เป็นไปตามข้อสังเกตของบางฝ่ายที่มองว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ที่มากเพราะขาดการดูแลและออกคำสั่งด้านการปฏิบัติงานที่จริงจัง พร้อมระบุว่า เจ้าหน้าที่ทำแล้วทุกอย่าง ใช้กฎหมายและมาตรการบังคับเป็นจำนวนมาก เหลือเพียงการสร้างความตระหนักของประชาชนเท่านั้น อย่างไรก็ดีประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกตนั้นไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับใครพูดไปอาจทำให้เจ้าหน้าที่เสียกำลังใจ อีกทั้งมองว่าช่วงเทศกาลเป็นภาวะของสังคมที่คนอยากเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด

     ขณะที่นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวชื่นชมความสำเร็จของการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเมืองรองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่สามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวและการสร้างกิจกรรมทางวัฒนธรรม จากสถิติอย่างไม่เป็นทางการ พบว่ามีคนไทยและคนต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยสถิติของคนไทยเพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 15 ทั้งการท่องเที่ยวต่างจังหวัด และการออกจากบ้านเพื่อทำกิจกรรมกับครอบครัว และคาดว่ามีเงินสะพัดในพื้นที่รวม 2 หมื่นล้านบาทขณะเดียวกันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่การส่งเสริมกิจกรรมเมืองรองซึ่งบางพื้นท่ีเน้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของพื้นที่ ทั้งการละเล่น การแต่งกาย และอาหาร กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวที่กระจายตัว อีกทั้งยังทำให้ธุรกิจในท้องถิ่น เช่น ห้องพัก โรงแรมมีอัตราการจองพัก 60-100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงสร้างความจำใหม่และความตระหนักต่อวัฒนธรรม ประเพณีที่เกิดขึ้นในการท่องเที่ยวเมืองรอง

"บิ๊กตู่"สั่งหามาตรการควบคู่บังคับก.ม.ลดอุบัติเหตุ

     วันเดียวกัน พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปสถิติการจับกุม 10 ข้อหาหลักทั่วประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 11-16 เมษายนว่าพบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัยมากเป็นอันดับที่ 1 จำนวน 231,334 รายส่วนกรณีผู้ขับขี่เมาแล้วขับจำนวน 21,829 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปี 2560 จำนวน 5,301 ราย ซึ่งการเมาแล้วขับเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดโดยปัญหานี้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันวางมาตรการป้องกันในเทศกาลต่อไปส่วนผลการจับกุมคดีอื่นโดยสถิติคดีอาญาทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่ ฐานความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกายและเพศ ฐานความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ฐานความผิดพิเศษ และฐานความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหายมีจำนวนลดน้อยลง

     พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงภาพรวมการดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศว่า ปีนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยแม้ว่าบางพื้นที่จะมีเหตุทะเลาะวิวาทหรืออนาจารทั้งหนักและเบา ตำรวจในพื้นที่ได้เข้าไปสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีแล้ว ส่วนโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 11-16 เมษายน มียอดฝากบ้านรวมทั้งสิ้น 8,346 หลังยังไม่พบว่ามีบ้านหลังใดถูกลักขโมยทรัพย์สิน

     ส่วนสถิติการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในห้วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ในทุกฐานความผิด เช่นความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ทุกกองบัญชาการมีสถิติการระดมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 27,974 หมายจับ อันดับที่มีการจับกุมมากที่สุดคือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1(บช.ภ.1) จับกุมได้ 9,220 หมายจับ รองลงมากองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)จับกุมได้ 4,665 หมายจับ ซึ่งผบ.ตร.มีข้อสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับเพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการของกฎหมายและลดอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในห้วงเทศกาลสงกรานต์

     “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ฝากขอบคุณถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละทำงานอย่างหนักในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน และขอบคุณทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชนที่ร่วมกันบูรณาการทำงานในการดูแลความปลอดภัยรวมทั้งอำนวยความสะดวกการจราจรที่มีผลการปฏิบัติเป็นอย่างดี สำหรับผลการปฏิบัติในครั้งนี้จะนำไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนาปรับปรุงการทำงานเพื่อนำมาปรับใช้ในห้วงเทศกาลสำคัญให้ดีขึ้นต่อไป”พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว

ฉบับ นสพ.คมชัดลึก

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ