'คดีโรฮิงญา' บทพิสูจน์ไทยเอาจริงปัญหาค้ามนุษย์

         21 ก.ค. 2560 - นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษย์สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ว่า คดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว ภายหลังที่เจ้าหน้าสืบพบค่ายกักกันและหลุมฝังศพชาวโรฮิงญา ที่บริเวณเทือกเขาแก้ว ชายแดนไทย-มาเลเซีย เมื่อสืสวนสอบสวนกลับพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยซึ่งคำพิพากษาศาลในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศไทย ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศเราเอาจริงเอาจังกับการค้ามนุษย์ 

    นางอังคณา กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือประเด็นในการคุ้มครองพยาน เพราะถึงแม้ มีกฎหมายคุ้มครองพยานตามพ.ร.บ.ค้ามนุษย์ แต่ก็เป็นการคุ้มครองพยานในช่วงของการสืบพยานเท่านั้น เมื่อสืบพยานเสร็จ การคุ้มครองพยานก็สิ้นสุดลง เช่นเดียวกับกรณีเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลคดีในลักษณะนี้ อย่างกรณีของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าชุดสืบสวนในคดีนี้ ที่เคยออกมาให้ข่าวเปิดโปงการถูกข่มขู่คุกคามจากผู้มีอิทธิพลที่ได้รับผลกระทบทางคดี จนทำให้ต้องสิ้นสุดชีวิตราชการด้วยการลาออกและต้องขอลี้ภัย ไปอยู่ต่างแดน ทั้งที่เห็นได้การอ่านคำพิพากษาของศาลในครั้งนี้ ยกสำนวนของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเกือบทั้งหมดด้วย ซึ่งกรณีเช่นนี้ยังเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องหาแนวทางแก้ไขหรือคุ้มครองพยานให้ได้เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะไม่มีใครกล้าเป็นพยานหรือเข้ามาทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนในกรณีเช่นนี้อีก

    "นอกจากนี้แนวทางที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการแก้ไขในระดับนโยบายนั้น หากเป็นการค้ามนุษย์ทั่วไปที่ไม่ใช่ชาวโรงฮิงญา เมื่อศาลตัดสินเรียบร้อย เราก็จะต้องส่งเขากลับประเทศ แต่เมื่อเป็นชาวโรงฮิงญา เราไม่สามารถส่งเขากลับประเทศได้ เพราะประเทศเขาก็ไม่รับ ก็ต้องส่งตัวไปอยู่ในศูนย์ปฏิบัติการคุ้มครองพยานคดีค้ามนุษย์ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แม้ภายในศูนย์จะมีบริเวณกว้างขวางมีสถานที่ออกกำลังกาย แต่ชาวโรฮิงญาเหล่านี้ก็ยังถูกกักบริเวณไม่ให้ออกไปไหนอยู่ดี บางคนอยู่นานมาหลายปีก็ไม่สามารถกลับประเทศได้"นางอังคณา กล่าว 

    นางอังคณา ยังกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม กสม. อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อทำหนังสือเสนอแนะไปยังรัฐบาลในการหาแนวทางแก้ไขประเด็นการคุ้มครองพยาน และประเด็นค้ามนุษย์สำหรับชาวโรฮิงญา จะต้องช่วยกันหาแนวทาง เพราะไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าศาลตัดสินแล้วก็ไม่สามารถส่งกลับประเทศได้ หากส่งกลับแล้วเกิดอันตรายประเทศไทยก็จะกลายเป็นผู้ทำผิดสนธิสัญญาที่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพอีกด้วย ซึ่งจะกลายเป็นว่าจะส่งกลับก็ไม่ได้จะอยู่ต่อก็ไม่ได้อีก