ข่าว

ยามท้อแท้ คิดถึงพระองค์ท่านแล้วทำให้มีกำลังใจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องมาให้ได้ ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นพระองค์แล้ว ตอนนี้ท่านจากไปแต่กลับรู้สึกว่าท่านไม่ได้ไปไหน อยู่อยู่กับคนไทยทุกเวลา

        ยามท้อแท้ คิดถึงพระองค์ท่านแล้วทำให้มีกำลังใจ

      วันที่ 21 กรกฎาคม บรรยากาศการเดินทางเข้ากราบสักการะพระบรมศพของประชาชน ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 261 โดยเจ้าหน้าที่เปิดประตูพระบรมมหาราชวังเวลา 05.00 น.ให้พสกนิกรจากทั่วสารทิศได้ทะยอยเดินทางมาแต่เช้าตรู่เพื่อเข้าแถวรอขึ้นกราบพระบรมศพอย่างเป็นระเบียบท่ามกลางสภาพอากาศค่อนข้างเย็นสบายทั้งวัน
     น.ส.จรรจิรา คนไหว อายุ 38 ปี พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต เดินทางมากับเพื่อนร่วมงาน น.ส.กมลทิพย์ มันศรีชุม อายุ 36 ปี กล่าวว่า วันนี้มากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก ตั้งใจอยากมานานแล้วแต่ยังหาโอกาส ออกเดินทางโดยเครื่องบินตั้งแต่เมื่อวานมาถึงกรุงเทพฯ ช่วงกลางดึก แล้วตื่นแต่เช้ามาเข้าแถวรอเวลา 08.00 น.และได้เข้ากราบพระบรมศพภายในครึ่งชั่วโมง บรรยากาศภายในพระที่นั่งดุสิตฯ เงียบสงบ รู้สึกอบอุ่นที่ได้มาอยู่ใกล้ๆ พระองค์ท่าน 
    "ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องมาให้ได้ ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นพระองค์แล้ว ตอนนี้ท่านจากไปแต่กลับรู้สึกว่าท่านไม่ได้ไปไหน อยู่อยู่กับคนไทยทุกเวลา สำหรับตัวเองในหลวง ร.9 ทรงเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นศูนย์รวมจิตใจเมื่อยามท้อ นึกถึงพระองค์ท่านแล้วทำให้มีกำลังใจ โดยเฉพาะคำสอนต่างๆ นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี อย่างเรื่องความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เราทำงานโรงแรมสำคัญมาก ก็นำความเป็นคนไทยมีน้ำใจไปบริการลูกค้าและนักท่องเที่ยว ทำโดยไม่หวังผลตอบแทน เมื่อเขาประทับใจก็อยากกลับมาอีก จะเรียกว่าปิดทองหลังพระก็พอจะได้ ใกล้ถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพเต็มที รู้สึกใจหายไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลย หลังจากนี้อยากให้สื่อมีการนำเสนอเรื่องราวและพระราชกรณียกิจของพระองค์เรื่อยๆ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ทราบว่าท่านได้สร้างคุณงามความดีให้บ้านเมืองไว้มากมาย" สาวชาวอุดรธานี ที่ไปทำงานอยู่ต่างถิ่น กล่าว

 

ยามท้อแท้ คิดถึงพระองค์ท่านแล้วทำให้มีกำลังใจ
   

 ด้าน น.ส.กมลทิพย์ มันศรีชุม พื้นเพชาวนครศรีธรรมราช เสริมว่า ชีวิตนี้โชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดในแผ่นดินของในพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุดในโลก ทรงเป็นนักพัฒนาในทุกด้าน ที่สัมผัสได้ด้วยตัวเองคือโครงการแก้มลิมในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านของคุณแม่ สามารถช่วยรับน้ำเวลาฝนตกหนักได้อย่างดี ทำให้ระยะหลังๆ มาน้ำไม่ท่วมหาดใหญ่ หรือหากท่วมก็ใช้เวลาไม่นานในการระบาย เป็นแนวพระราชดำริที่ถ่ายทอดให้ประชาชนนำมาปฏิบัติได้จริง 
      ขณะที่ น.ส.เมทินี สิวราวุฒิ อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งจาก จ.ปัตตานี เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 เพียงลำพังเปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมากราบพระองค์อย่างใกล้ชิด ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อปวงชนชาวไทย แม้ว่าในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลอย่าง 3 จังหวัดชายแดนภายใต้ก็เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระองค์ ไปเยือนหลายๆ ครั้ง
      

ยามท้อแท้ คิดถึงพระองค์ท่านแล้วทำให้มีกำลังใจ

 

  "เกิดมาก็เห็นในหลวง ร.9 ทรงงานมาตลอดพระชนม์ชีพ รักและเทิดทูนพระองค์แม้ว่าจะไม่เคยเข้าเฝ้าเพื่อรับเสด็จก็ตาม ที่บ้านมีปฎิทินพระบรมฉายาลักษณ์ และพระบรมสาทิสลักษณ์ เก็บไว้มากมายหลายสิบปี เมื่อแขวนที่บ้านจนสิ้นปีแล้ว แม่ก็จะเป็นคนนำมาเก็บรักษาเอาไว้ ส่วนตัวน้อมนำพระราชปณิธานมาปฎิบัติในเรื่องของความพอเพียงและความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งนี้ตั้งใจจะเป็นคนดีตลอดไปด้วย" น.ส.เมทินี เผย 
   ทั้งนี้   สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 24,104 คน รวม 260 วัน มียอดสะสม 8,546,190 คน และมียอดเงินโดยเสด็จพระราชกุศลรวมทั้งสิ้น 656,563,057.51 บาท

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ