ข่าว

เสรี มอบหลักฐาน กกต. ปม พิธา ผู้จัดการมรดก - การันตีสว.ซื้อไม่ได้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา "เสรี สุวรรณภานนท์" เดินหน้าตรวจสอบคุณสมบัติ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยนำหลักฐานในชั้นของคณะกรรมาธิการมอบให้ "กกต." ชี้ให้เห็นการทำหน้าที่ "ผู้จัดการมรดก" ส่วนข่าวสว.ถูกซื้อ ชี้ใครคิดทำแบบนี้มีแต่พัง

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา พร้อมด้วย นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ และ ว่าที่ร้อยตรี วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี เลขานุการคณะกรรมาธิการฯ    ได้เข้าหารือกับ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง  ( กกต. )  พร้อมนำหลักฐานการตรวจสอบคุณสมบัติ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  ปมถือหุ้นสื่อไอทีวี และที่ดิน  มามอบให้กับ " กกต."  

 

 


นายเสรี   สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ( สว.)    กล่าวว่า ได้นำข้อมูลในชั้นตรวจสอบของคณะกรรมาธิการ ที่เป็นทั้งข้อมูลที่ปรากฏในสื่อสาธารณะส่วนหนึ่งแล้ว  และยังมีในส่วนที่คณะกรรมาธิการเห็นว่ายังไม่มีความชัดเจน และเป็นเอกสารที่ขอมาจากหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่ยังไม่ปรากฏในสื่อสาธารณะ มอบให้กับประธาน กกต. ไปพิจารณาประกอบกับเรื่องที่กำลังดำเนินการอยู่   สำหรับข้อมูลที่ได้นำมายื่นในวันนี้ เป็นส่วนที่ปรากฏอยู่ในคดีความ ที่ยื่นร้องจัดการมรดกเดิมส่วนหนึ่ง และส่วนที่เป็นทรัพย์มรดก ที่เป็นทรัพย์สินและที่ดินในมรดกดังกล่าว ที่ได้มีการโอนจัดการไปก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2560

เพื่อเทียบให้เห็นว่าการจัดการมรดก ไม่ใช่การค้างคาหรือยังไม่เสร็จสิ้น    แต่เป็นการจัดการมรดกเสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็เทียบให้เห็นได้ว่าการถือหุ้นสื่อในปัจจุบัน เป็นการถือหุ้นในฐานะทายาท หรือในฐานะผู้จัดการมรดก หรือ ในฐานะที่ได้รับมรดกมาแล้ว ดังนั้นการส่งหลักฐานวันนี้เพื่อเทียบเคียงให้เห็นถึงความชัดเจนในเรื่องของการจัดการมรดก

 

 

 

"ได้เรียนกับ ประธานกกต.ว่า ขอให้ กกต. ทำหน้าที่ให้ปรากฏในขอบเขตอำนาจหน้าที่ และหากส่วนใดสามารถพิจารณาได้โดยเร็ว ขอให้เร่งทำ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังเป็นข้อถกเถียงในสังคม  ส่วนกรอบระยะเวลามี 2 ส่วน คือในส่วนที่ กกต. ได้ดำเนินการไปแล้วช่วงก่อนการเลือกตั้ง และส่วนที่สองภายหลังจากประกาศรับรองผล ส.ส.ไปแล้ว ซึ่งหากมีความปรากฏอย่างไร ก็เชื่อว่ากกต.จะใช้อำนาจหน้าที่ในช่วงนี้" 

 

 

 

นายเสรี    กล่าวด้วยว่า  กระแสข่าวการซื้อเสียง สว. เพื่อให้โหวตนายกรัฐมนตรี เป็นแค่ข่าว ส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่มีใครมาลงทุนเรื่องแบบนี้กับสว.ได้ ซึ่งการจะทำอะไรในลักษณะนี้ในปัจจุบัน ไม่สามารถที่จะปิดบังได้ โดยเฉพาะสมัยนี้มีเทคโนโลยี ทั้งถ่ายภาพ คลิปวีดีโอ คลิปเสียงไว้เป็นหลักฐาน หากใครคิดจะทำ เป็นการคิดที่ผิด และมั่นใจว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะสว.ทุกคนไม่น่าจะซื้อได้   ส่วนการโหวตว่าจะเลือกใคร ขึ้นอยู่กับดุลพินิจรายบุคคล ที่จะโหวตหรือไม่โหวตให้ อยู่ที่เหตุผลตรงไปตรงมา    กรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ระบุว่า ส.ว. ไม่ควรนำเรื่องมาตรา 112 มาเป็นข้ออ้างในการไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น

  "ลำพังข้อเสมอก็ขาดวุฒิภาวะแล้ว เพราะสิ่งที่เสนอและแสดงออกกันมา ก็แสดงออกอยู่แล้วว่ากระทบกับสถาบัน เมื่อ สว.ไม่เห็นด้วยก็เป็นเหตุเป็นผล แต่ไม่ควรเอาประชาชนมาทำให้เกิดการปะทะกัน การเป็นผู้นำประเทศ ถ้าต้องการให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่ง ก็ควรเสนออะไรที่สร้างสรรค์ ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหา หรือความเห็นที่แตกต่าง แค่เสนอเรื่องนี้ก็เห็นว่า เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าวุฒิภาวะที่พูดกันมาตลอด " นายเสรี กล่าว
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ