ข่าว

ร้องศาลรัฐธรรมนูญสั่ง พิธา- พรรคก้าวไกล  ห้ามแตะต้อง ม. 112

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทนายความอิสระ เข้าร้อง ศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยสั่งให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกทำนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  "ม.112"  เผยเคยคำร้องไปยังอัยการสูงสุดแล้ว แต่ไม่มีการสั่งการใด ๆ

ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ  นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ เข้ายื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยสั่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ให้เลิกทำนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  "ม.112" และขอให้เลิกการให้สัมภาษณ์  โฆษณาใด ๆ  โดยผู้ร้องอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 49  หากมีการพบเห็นการกระทำที่เข้าข่าย เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันอาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด  และได้ยื่นคำร้องไปแล้ว เมื่อ  10 พ.ค.  2566 เมื่อครบ 15 วันแล้ว  อัยการยังไม่ได้สั่งการใด ๆ  เป็นสิทธิที่จะยื่นร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ 

 

 

 

ผู้ร้องยกกรณี ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับกรณีที่กลุ่มบุคคลและองค์กรเครือข่ายได้เสนอข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางกระทบกระเทือนถึงสถาบันหลักของชาติ ซึ่งในขณะนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้เลิกการกระทำอันกระทบกระเทือนสถาบัน เพื่อเป็นการหยุดยั้งไม่ให้ลุกลามจนเกิดอันตรายแก่สถาบัน    จึงเดินทางมายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธาและพรรคก้าวไกล เลิกการดำเนินการใด ๆ หรือการกระทำใดๆ เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112  "ม112"  

รวมไปถึงให้เลิกแสดงความเห็น เลิกพูด เลิกเขียน เลิกพิมพ์ เลิกโฆษณษา และสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไข  ที่กระทำอยู่ในขณะนี้และจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นกับสถาบัน

 

 

นายธีรยุทธ  ระบุว่า   กรณีข้างต้นเป็นการกระทำที่มุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมือง จึงอาจเข้าข่ายมีเจตนาไม่สุจริต มีกระทบกระเทือน หรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นำไปสู่การทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบอื่นหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นย่อมไม่ไกลเกินเหตุที่จะเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

 

 

"มีหลายประเด็นที่เห็นว่าเข้าข่าย ต้องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 19/2564 ที่ศาลวินิจฉัยไว้เบื้องต้นว่า การยกเลิกหรือการแก้ไขกฎหมายใด ที่มีไว้เพื่อห้ามไม่ให้ผู้ใดล่วงละเมิด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สถาบันพระมหากษัตริย์ การกระทำนั้นได้มีคำสั่งห้ามไปแล้วในคำวินิจฉัยดังกล่าว" นายธีรยุทธกล่าว 

 

 

 

นายธีรยุทธ กล่าวว่า คำร้องนี้แตกต่างจากคำร้อง ที่สำนักงานกกต.ตีตก ซึ่งคำร้องนั้นอ้างอิงถึงกฎหมาย พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ขณะที่คำร้องวันนี้ อ้างถึงรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 เห็นเจตนารมย์ของศาลรัฐธรรมนูญว่า "เป็นการดับไฟตั้งแต่ต้นลม มิให้ความร้ายแรงนั้น จะพึงเกิดขึ้นในภายภาคหน้า" ส่วนพยานหลักฐานต่างๆที่ได้มาเรียนต่อศาล ขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล ที่จะชี้แนะต่อไป  ทั้งนี้ผู้ร้องทำคำร้อง 18 หน้า และเอกสารพยานหลักฐานทั้งหมด 98 แผ่น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ