ไม่ปกติแน่ๆ..การที่ "รองผู้ว่า กทม."ออกไปถึง 5 คน ในยุคที่ ผู้ว่าฯ อัศวิน นั่งบริหาร คำถามคือ.. มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงใช้ผู้ว่าเปลืองจัง
ไม่ปกติแน่ๆ..การที่ “รองผู้ว่า กทม.”ออกไปถึง 5 คน ในยุคที่ ผู้ว่าฯ อัศวิน นั่งบริหาร คำถามคือ.. มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงใช้ผู้ว่าเปลืองจัง
เพราะ นับแต่ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2559 ตามคำสั่งของ คสช.
และ ต่อมา 21 ต.ค. 59 พล.ต.อ. อัศวิน ได้ตั้งรองผู้ว่า กทม.จำนวน 4 คน ได้แก่ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ อดีตรองปลัด กทม. ,นายจักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองปลัด กทม. และ นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. ขณะนี้ 4 รองผู้ว่าฯ ได้ลาออกเกลี้ยงแล้ว
นอกจากนี้ยังมีรองผู้ว่าฯอีก 1 คน คือ พล.ต.ท. ชินทัต มีศุข ซึ่ง พล.ต.อ.อัศวิน แต่งตั้งให้เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. แทน พล.ต.ท. อำนวย ที่ลาออก และ ต่อมา พล.ต.อ. อัศวิน ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.ชินทัต พ้นจากตำแหน่ง
เบ็ดเสร็จในรอบ 3 ปี ที่ พล.ต.อ.อัศวิน นั่งบริหารราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่า กทม. ออกไปถึง 5 คน !
ไล่ลำดับเวลาไปทีละคน
-24 ส.ค. 2560 (ยังไม่ทันถึง 1 ปี) พล.ต.ท. อำนวย ลาออก อ้างว่า มีภารกิจสำคัญจำนวนมากทั้งในการปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม และปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้บรรยายพิเศษในหลักสูตรต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยังเป็นอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันอื่นๆ ทำให้มีเวลาในการปฏิบัติราชการให้แก่ กทม.น้อยลง
- 11 เม.ย. 61 พล.ต.อ.อัศวิน มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.ชินทัต มีศุข รองผู้ว่าฯ กทม. พ้นตำแหน่งและแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.
- 30 มิ.ย. 61 นางวรรณวิไล ่ ลาออก อ้างว่าป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม จนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ตามปกติ
-22 ก.ค. 62 นายจักกพันธุ์ ลาออก อ้างว่า ต้องการพักผ่อน
และถัดมาเพียงวันเดียว 23 ก.ค. 62 นายทวีศักดิ์ ลาออกตามไปอีกคน
ซึ่งก็มีเรื่องชวนให้คิดว่า ที่ผู้ว่าแต่ละคน“ ออก” มีอะไรในกอไผ่ มากกว่าที่อ้างอย่างเป็นทางการหรือไม่
อย่าง พล.ต.ท. อำนวย ก็มีการกระซิบกระซาบกันว่า ที่ลาออกเพราะอึดอัดกับเรื่องซ่อม รถ-เรือ ดับเพลิง ของ กทม.
ส่วน พล.ต.ท. ชินทัต ก็อึดอัดกับเรื่องการผ่านบางโครงการ
ด้าน นางวรรณวิไล ก็อึดอัด กับเรื่องขอให้โยกงบประมาณ
ส่วนนายจักกพันธุ์ ข่าวบอกว่า สาเหตุที่ลาออกคาดเกิดจากการที่ต้องเซ็นอนุมัติผลการประกวดราคาดำเนินโครงการเตาเผาขยะที่หนองแขมและอ่อนนุช ขนาด 1,000 ตันต่อวัน รวม 2 โรง มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท ที่คณะกรรมการพิจารณาผลผู้ชนะการประมูลเพื่อเสนอให้ผู้ว่าฯกทม. โดยผ่านรองผู้ว่าฯจักกพันธุ์ พิจารณาตามขั้นตอน
ขณะที่โครงการดังกล่าวถูกเอกชนร้องเรียนว่าส่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย และยังอยู่ระหว่างตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จึงทำให้นายจักกพันธุ์ไม่อยากมีปัญหาถูกฟ้องร้องตามมา และเสี่ยงกับการถูกติดคุก และคาดว่านายจักกพันธุ์อาจถูกกดดันอย่างหนักให้ลงนามอนุมัติโครงการดังกล่าว
ส่วนนายทวีศักดิ์ ที่ลาออก ก็มีผลมาจากเมื่อนายจักกพันธุ์ ลาออกงานในรับผิดชอบของนายจักกพันธุ์ ก็ต้องผ่องถ่ายมาที่นายทวีศักดิ์ ซึ่งรวมถึงโครงการเตาเผาขยะที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ด้วย ทำให้นายทวีศักดิ์ ตัดสินใจลาออกไปอีกคน
นอกจากนี้คนในศาลาว่าการ กทม. ยังมีการพูดถึงสาเหตุที่รองผู้ว่าฯ ทุกคน ลาออกว่า ทุกคนลำบากใจในการทำงานเป็นอย่างมาก มีการเข้ามาก้าวก่ายการทำงาน และมีการพูดถึง“แก๊ง ออฟ ทรี ”ว่าเข้ามาก้าวก่ายการทำงานใน กทม. จนอาจเป็นเหตุให้รองผู้ว่าฯ หลายคนต้องลาออก
ขณะที่ “ผู้ว่าอัศวิน” ยืนยันว่า ที่นายจักกพันธุ์และนายทวีศักดิ์ ลาออก ไม่เกี่ยวกับโครงการประกวดราคาดำเนินโครงการเตาเผาขยะที่หนองแขมและอ่อนนุช แต่เป็นเพราะทั้งสองคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพและต้องการพักผ่อน และยืนยันว่าโครงการดังกล่าวสุจริตโปร่งใสและพร้อมที่จะเดินหน้าต่อ
สำหรับโครงการเตาเผาขยะที่หนองแขมและอ่อนนุช มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ซึ่งเกาะติดเรื่องนี้ ชี้ว่า โครงการมีพิรุธตั้งแต่ทีโออาร์ เพราะให้คะแนนค่าทางวิทยาศาสตร์เยอะถึง 90% ส่วนราคา มีคะแนนแค่ 10 % เมื่อกำหนดทีโออาร์ให้ค่าทางวิทยาศาสตร์ สูงถึง 90 % ทำให้มีจำนวนบริษัทค่อนข้างจำกัดที่เข้าร่วมประมูลได้ เพราะคะแนนคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ตกไปเนื่องจากบริษัทเหล่านั้นยังไม่มีความพร้อมทางด้านวิทยาศาสตร์
“ ที่จริงแล้วทีโออาร์ ควรเปิดกว้างกว่านี้ เช่น คะแนนค่าทางวิทยาศาสตร์ 50% ราคา 50 % เพื่อให้ได้มีบริษัทเข้าร่วมประมูลมากขึ้น ส่วนราคาเตาเผาขยะ 2 โรงถึง 13,000 ล้านบาท ไม่ได้แพงมาก แต่ต้องดูคุณสมบัติของเตาเผาขยะประกอบด้วยว่าเป็นอย่างไร เช่น สามารถผลิตไฟฟ้าได้หรือไม่ อีกทั้งโครงการนี้คณะกรรมจัดซื้อจัดจ้างได้ลาออกไปประมาณ 3 คน เมื่อกรรมการจัดซื้อจัดจ้างลาออก แล้วใครจะกล้าเซ็นผ่านโครงการฯ ”
“ มงคลกิตติ์” ยังบอกว่า เคยทักท้วงโครงการนี้กับผู้ว่าฯอัศวินแล้ว เช่น ในเรื่องทีโออาร์ เป็นต้น และถ้าโครงการนี้ ยังเดินหน้าต่อ ก็คงมีเรื่องไปยัง ป.ป.ช. อีก ซึ่งโทษตาม พ. ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 เอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐมีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ. อัศวิน ได้ยืนยันว่า จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป โดยขอใช้เกียรติของตนเองเป็นประกันว่าโครงการนี้โปร่งใสไม่มีการทุจริต ไม่มีการล็อกสเปค และจะไม่เอาชื่อเสียงที่สั่งสมทั้งหมดมาทิ้งกับเรื่องนี้แน่นอน และหากผิดก็พร้อมที่จะติดคุก
“กล้าเอาตัวเข้าแลกถึงขนาดนี้” ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า ตอนจบโครงการเตาเผาขยะ จะลงเอยอย่างไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง