"ภูมิใจไทย"จุดพลุแก้กฎหมายการประมูล 5G ก่อนผู้ประกอบการถอดใจไม่ร่วมประมูล เหตุ ราคาสูงแบบไร้เหตุผล แนะ ไทยต้องเตรียมทรัพยากรให้พร้อม ไม่ให้ตกขบวน 5G
18 ธันวาคม 2561 พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย และอดีตรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทข.)
กล่าวในงานสัมมนาวารสารวิชาการ หรือ NBTC Journal 2018 เรื่อง"5G นำไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0" ว่า ตนในฐานะอยู่ในทีมยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัลของพรรคและมีประสบการโดยตรงในด้านนี้ คิดว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ 5G เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ต่างจากการเปลี่ยนแปลงจากยุค 1G, 2G, 3G และ 4G ซึ่งระบบ 5G ไม่เพียงแต่ทำให้การส่งข้อมูลรวดเร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดดเท่านั้น แต่จะทำให้ตัวเราเชื่อมต่อกับอุปกรณ์และสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวเราได้ จนทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างชาญฉลาดจนทำให้มนุษย์สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติและเรียลไทม์มากขึ้น ซึ่งประเทศที่สามารถสร้างเครือข่าย 5G และใช้ประโยชน์จากมันได้ก่อน ก็จะกลายเป็นประเทศที่ก้าวไปสู่เศรษฐกิจใหม่ได้เร็วกว่าประเทศอื่น
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไขกฎหมายการจัดสรรคลื่นความถี่ 5G อย่างเร่งด่วนให้สำเร็จก่อนปี พ.ศ. 2562 ซึ่งประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้มีการเริ่มขยายโครงข่ายระบบ 5G กันแล้ว ซึ่งอาจจะทำให้ประเทศไทยตกขบวน และไม่สามารถนำพาประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ได้ เนื่องจากหากยังมีการประมูลคลื่นในรูปแบบเดิมที่จะทำให้ราคาคลื่น 5G สูงมากแบบไร้เหตุผลในการทำธุรกิจ และจะทำให้ไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้าร่วมประมูล 5G เลย
ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยทีมยุทธศาสตร์ดิจิทัล เรามีแนวคิดด้าน "ดิจิทัลเวิลด์" ที่ได้เตรียมเรื่องการแก้ไขกฎหมายในการจัดสรรคลื่นความถี่ 5G ไว้แล้ว
"ทั่วโลกจะเริ่มปูพรหม 5G ตั้งแต่ปี 2019 จะทำให้เกิดบริษัทเล็กๆ แต่ชาญฉลาด และมีพนักงาน คนรุ่นใหม่โดยมีการเชื่อมต่อตลอดเวลาอย่างเรียลไทม์ม จนเกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ ที่ให้บริการดีกว่า ถูกกว่า เร็วกว่า ดังนั้น นโยบายและยุทธศาสตร์ของประเทศควรที่จะให้ความสำคัญกับการสร้างทักษะใหม่ ของแรงงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีได้อย่างเท่าทัน ซึ่งเราไม่สามารถปฏิเสธและหยุดยั้งความก้าวหน้าของมันได้"
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดคำถาม เช่น คนทำงานในโรงงานและพนักงานออฟฟิศที่มีทักษะที่เหมาะสมกับตลาดแรงงานนั้นจะเปลี่ยนไปหรือไม่? พวกเขาเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพการจ้างงานที่มาพร้อมกับคำว่า ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรืออุตสาหกรรม 4.0 แล้วหรือยัง? ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาทักษะของทรัพยากรมนุษย์รูปแบบใดที่ประเทศต่างๆ ควรนำมาใช้ในการพัฒนาแรงงานในศตวรรษที่ 21 จึงเป็นความท้าทายของผู้นำและผู้บริหารในวันนี้ ดังนั้นเราจึงต้องการผู้นำและผู้บริหารที่เห็นอนาคต และเตรียมการเพื่ออนาคตได้อย่างชัดเจน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง