ข่าว

โหวต 7 กกต.วุ่น! สนช.จ่อคว่ำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โหวต 7 กกต.ชุดใหม่ส่อวุ่น สนช.จ่อคว่ำ "สมชาย" หลุดเก้าอี้ อ้างคุณสมบัติไม่เหมาะสม ถูกกล่าวหาคดีสหกรณ์คลองจั่น ขณะที่ ครม.สัญจรอุบล-อุดร แทนเชียงราย

     การลงมติให้ความเห็นชอบกกต.ชุดใหม่จำนวน 7 คนของสนช. ส่อแววเกิดอุปสรรคขึ้นอีกครั้ง หลังคณะกรรมการตรวจสอบประวัติตรวจพบว่า มีผู้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาบางคนมีคุณสมบัติไม่เหมาะสม

โหวต 7 กกต.วุ่น! สนช.จ่อคว่ำ

     วันที่ 10 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงภายหลังการประชุมวิปสนช.ว่า การประชุมสนช.ในวันที่ 12 กรกฎาคม สนช.จะพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากคณะกรรมการสรรหาฯ จำนวน 5 คนคือ 1.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 2.นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร 3.นายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย

     4.นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด และ 5.นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจำนวน 2 คนคือ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และนายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา หลังจากที่คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกกต. ที่มี พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ เป็นประธาน ได้ตรวจสอบประวัติทั้ง 7 คนเสร็จสิ้นแล้ว

     ทั้งนี้ ตามขั้นตอนสมาชิกสนช.จะรับฟังผลการสอบประวัติทั้ง 7 คนก่อนที่จะตัดสินใจ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าคนใดมีประวัติหมิ่นเหม่ที่จะไม่ได้รับการเห็นชอบหรือไม่ เพราะไม่ได้นำเรื่องนี้เข้ามาหารือในที่ประชุมวิปสนช. แต่เชื่อว่าคณะกรรมการสรรหาฯ และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้รับบทเรียนจากการคัดเลือกเมื่อครั้งที่แล้ว คงจะพิจารณาครั้งใหม่อย่างรอบคอบขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับสมาชิกสนช.ด้วยว่าจะลงมติอย่างใด อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบนั้นต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 123 เสียง และหากมีผู้ผ่านความเห็นชอบ 5 คนขึ้นไปก็ถือเป็นองค์ประชุมที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

พบ1ใน7คุณสมบัติไม่เหมาะสม

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต.จำนวน 7 คน ที่คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกกต. ได้ดำเนินการตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นพบว่า 6 คนไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ แม้ว่าจะมีปัญหาถูกร้องเรียนอยู่บ้างก็ตาม แต่เชื่อว่าทุกคนจะสามารถชี้แจงได้

     ขณะที่พบว่านายสมชายมีปัญหาเรื่องการถูกฟ้องร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำหน้าที่นายทะเบียนสหกรณ์ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันในสมาชิกสนช.ว่า นายสมชายยังถือว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นกกต.หรือไม่ โดยสนช.ส่วนใหญ่มองว่า หากปล่อยให้ผู้ที่มีคดีความติดตัวไปดำรงตำแหน่งกกต. อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกกต.ในอนาคตได้ ขณะที่สนช.อีกส่วนมองว่าควรให้โอกาสนายสมชาย เพราะขณะนี้นายสมชายยังเป็นเพียงแค่ผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น ยังไม่มีคำพิพากษาศาลเป็นที่สิ้นสุด จึงถือว่ายังไม่มีความผิด 

มีชัยชี้ช่องทาบทามคนนั่งกกต.

โหวต 7 กกต.วุ่น! สนช.จ่อคว่ำ

     ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า หากที่ประชุมสนช.ไม่สามารถรับรองบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกกต.ได้ครบ 7 คน และจะต้องมีการไปทาบทามบุคคลเข้ามาเป็น กกต. หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสรรหาฯ เพราะกรธ.ได้เปิดช่องทางไว้แล้ว จริงๆ อยากให้ใช้วิธีนั้นบ้าง จะได้คนที่ตั้งใจและมีความรู้ มีความสามารถ 

     “ส่วนที่กังวลกันว่าเปิดรับสมัครยังหาคนยาก ทาบทามจะยากกว่าหรือไม่นั้น ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะบางคนเขาก็พร้อมที่จะทำงาน บางคนถือว่าเป็นโชค บางคนถือว่าเป็นหน้าที่ ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นประโยชน์เขาอาจจะยอมเสียสละมา ซึ่งคนแบบนั้นมักจะทำงานได้ดี” นายมีชัยกล่าว

บิ๊กตู่งดจ้อ-เซ็งข่าวดูดส.ส.

     พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยยังคงออกมาแฉว่าจังหวัดที่มีหน่วยที่ตั้งของทหารยังมีความเคลื่อนไหวเดินหน้าในการดูด ส.ส.อยู่ ว่า เรื่องนี้อีกแล้ว ไม่ดูดสักวันไม่ได้หรืออย่างไร ไม่อยากเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นไม่ขอพูดดีกว่า เพราะพูดไปก็จะหาว่าแก้ตัว ไม่เกิดอะไรเวลานี้ ไม่อยากให้วุ่นวาย ถึงเวลาก็ไปเลือกตั้ง ที่บอกดูดกันไปดูดกันมาสุดท้ายประชาชนจะเลือกหรือไม่ยังไม่รู้ ขออย่าสนใจกันมากนักเลย

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าว นายกรัฐมนตรีเดินลงจากห้องประชุมครม. ด้วยสีหน้าหน้าที่ผ่อนคลายมากขึ้นโดยได้หยุดนั่งลงบนโซฟาก่อนถึงโพเดียมแถลงข่าว โดยระบุว่า นั่งเพราะเมื่อย สื่อนั่งอยู่ตนก็นั่งบ้าง

     ผู้สื่อข่าวเลยถามว่า เกี่ยวกับที่นายกฯ ระบุว่า ไม่เดินสายดูดส.ส.ให้เมื่อยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ฉันไม่เคยเมื่อยอยู่แล้ว” ผู้สื่อข่าวเลยถามว่า เหนื่อยหรือไม่หลังจากลงพื้นที่ตั้งแต่เช้าถึงดึกของวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เหนื่อย ตอนเป็นทหารเหนื่อยกว่านี้

      อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมครม.  พล.อ.ธันวาคม ทิพยจันทร์ ประธานสมาคมพันธมิตรมวยไทยโลก นำศิลปินดารา นักร้อง และอดีตนักมวยไทย อาทิ นายสมบัติ เมทะนี นายรอง เค้ามูลคดี นายกรุง ศรีวิไล นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ และนางดวงใจ ไพจิตร เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอผลการดำเนินงานกิจกรรมซีเอสอาร์เพื่อสังคม โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ก็เพื่อวันหน้า แก้ไขปัญหาที่คนเดิมๆ สร้างไว้ เป็นร้อยแปดปัญหาไม่มีใครรู้หรอก แต่ตนไม่โทษใคร ตนรู้จักพี่ๆ ทุกคน และรู้ว่าทุกคนทำอะไรมาก่อน แต่วันนี้โลกมันเปลี่ยนแปลงแล้ว ประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลง

ยันไม่ต้องการรักษาอำนาจ

     “ไม่ใช่ผมต้องการรักษาอำนาจ หรือต้องการรักษาผลประโยชน์ ผมไม่เคยได้ประโยชน์จากการเป็นนายกรัฐมนตรี หรือเป็นอะไรก็ตามแม้แต่บาทเดียว ดังนั้นเกิดอะไรขึ้นให้ไปหามา ผมจะลงโทษให้หมด เพราะนี่คือสิ่งที่ทุกคนที่เป็นรัฐบาลต้องทำแบบนี้ และผมไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการธุรกิจอะไรเลยแม้แต่สักอย่างเดียว ดังนั้นผมไม่จำเป็นต้องไปหาผลประโยชน์ เพราะผมพอเพียงแล้ว ลูกเมียผมไม่ได้ลำบากอะไร”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า อยากให้ทุกคนกลับไปทบทวนดูว่าเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำให้เกิด และสาเหตุเกิดจากอะไร ความไม่เป็นธรรมหรือกฎหมายไม่ถูกต้องหรืออย่างไร ต้องไปคิดใคร่ครวญตรงนี้ใหม่ ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่าใครผิด ใครถูก แต่อะไรก็ตามที่เป็นกระบวนการยุติธรรม ถ้าเราไม่เชื่อมั่นเชื่อถืออยู่ไม่ได้

     “ใครก็ตามที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็มาต่อสู้คดี ผมให้ต่อสู้คดีได้ทุกคน ไม่ต้องกลัว ใครรังแกไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเป็นเรื่องกฎหมาย ผมเคารพกฎหมาย ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องรับการตรวจสอบอะไร ผมโดนตรวจสอบทุกอัน โดนไป 400 คดีในฐานะหัวหน้า คสช. หัวหน้ารัฐบาล หัวหน้าโครงการ แต่ผมไม่กลัวสักคดี เพราะผมบริสุทธิ์ใจ การใช้มาตรา 44 ผมใช้เท่าที่จำเป็น คนไม่ดีต้องถูกย้ายออกไปอย่างคนทุจริต”

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า หวังว่ารัฐบาลหน้าซึ่งใครจะเป็นก็ไม่รู้ ใครจะดูดไม่ดูด ไม่รู้ เพราะยังไม่ได้ไปอยู่กับใครสักคนเลย ดังนั้นการที่ทุกคนจะพูดเรื่องการเมือง ก็พูดได้ทุกคน แล้วมันผิดตรงไหน ในเมื่อยังไม่เกิดอะไรขึ้น จริงไหม

แจงยุทธศาสตร์เพื่อผลในอีก20ปี

     นายกฯ กล่าวอีกว่า ได้วางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มี 6 เรื่อง อย่างความมั่นคง ที่เป็นบ่อเกิดความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความมีเสถียรภาพของประเทศ คนถึงจะมาเที่ยว มาแล้วปลอดภัย ไม่มีใครรังแก ต้องการแค่นี้ ไม่ว่าจะซื้อยุทโธปกรณ์อะไรก็แล้วแต่ ใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น เรื่องที่จะทุจริตสอบมา อย่าไปบอกว่าสอบแล้วไม่เจอเพราะเข้าข้างกัน หลายอย่างที่เอามาก็เพื่อช่วยเหลือประชาชน

     “ถามว่าถ้าไม่มีเฮลิคอปเตอร์ แอมแบร์ จะยกอะไรขึ้นเขาได้ไหม ของเก่ามันก็เก่าหมดแล้ว วันหลังจะเอาพวกพี่ๆ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เก่าๆ หรือรถถังเก่าๆ ใช้มา 40 กว่าปี แล้วท่านจะไม่มีสิ่งเหล่านี้ไว้หรือ การมีความมั่นคงคือมีไว้ที่เรียกว่าเพื่อการไม่รบ ถ้าเราอ่อนแอไม่มีอะไรเลย นั่นแหละเราจะไม่มีน้ำหนักในเวทีโลก ซึ่งเรื่องศักยภาพเป็นเรื่องสำคัญ”

     หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบยุทธศาสตร์ชาติ ฉบับย่อทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ให้แก่คณะที่เข้าพบทั้ง 16 คน พร้อมกับกำชับว่า ขอให้ช่วยกันไปอ่านดู ไปต่างประเทศมาทุกประเทศ ทั้งฝรั่งเศส อังกฤษ ก็เอายุทธศาสตร์ 20 ปีส่งให้เขาดู เราต้องสร้างความมั่นใจให้เขา สิ่งที่ทำวันนี้จะมีผลต่อไปอีก 20 ปี แต่ไม่ใช่ให้เปล่าๆ ต้องตามกฎหมาย ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนี้ แค่หลักการของประเทศเท่านั้น ต่อไปจะถอดเป็นแผนแม่บทออกมา ซึ่งรัฐบาลไหนจะปรับแก้ทำได้หมด แต่ต้องอยู่ในกรอบนี้

     “ลองไปหาคณะรัฐประหารทุกคณะมา มีการทำงานแบบนี้ไหม เพราะผมเป็นรัฐบาล และบริหารราชการแบบปกติ แต่ผมมีประเด็นของผมว่าต้องทำอย่างไร มีการพัฒนาตลอด ส่งให้ต่างประเทศเขาชื่นชม ไม่มีประเทศไหนในโลกทำได้แบบนี้ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา นี่คือสิ่งที่อยากให้ภูมิใจกับผม เกิดจากมันสมองโง่ๆ ที่ทำ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สั่งสักการะศาลหลักเมืองแก้เคล็ด

โหวต 7 กกต.วุ่น! สนช.จ่อคว่ำ

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงแนวคิดการทำบุญประเทศภายหลังที่เกิดเหตุการณ์ใหญ่ขึ้นในประเทศไทยและส่งผลกระทบด้านจิตใจของคนไทย ว่า วันนี้เราก็ทำบุญกันอยู่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวดมนต์ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้มีการจัดสวดมนต์ประจำทุกเดือน ซึ่งเป็นการสวดมากกว่า 30 บท เป็นการสวดที่ยาวพอสมควร และครอบคลุมในทุกมิติ ในส่วนของการทำบุญนั้นทุกหน่วยงานก็มีการทำบุญกันอยู่แล้ว เดี๋ยวเราก็จะมีการทำบุญตักบาตรต่างๆ ในห้วงเวลาอันใกล้นี้อีกด้วย

     “เมื่อวานนี้ (9 ก.ค) ผมก็ได้ขึ้นไปกราบท่านท้าวมหาพรหมที่ประดิษฐานบนตึกไทยคู่ฟ้า ขอให้การดำเนินการการปฏิบัติงานสำเร็จ ในวันนี้ท่านก็คงให้มานั่นแหละ นอกจากนี้ผมได้มอบหมายให้ผู้แทนไปบูชาและสักการะศาลหลักเมือง ไปกราบขอพรจากพระแก้วมรกต และขอพรจากพระสยามเทวาธิราช ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยเคารพและนับถือ ถ้าว่างก็อยากให้สื่อมวลชนไปกันบ้าง ท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือพระบารมีปกเกล้าของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ท่านทรงติดตามเรื่องราวต่างๆ ทั้งหมด และพระองค์ท่านก็ขอให้เป็นหน้าที่ของคณะทำงานและข้าราชการทำไป พระองค์ท่านพระราชทานกำลังใจแก่พวกเราทุกคน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้ง 3 เหตุการณ์ในขณะนี้ ทั้งเรื่องที่กลุ่มเยาวชนทีมหมูป่าติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย, เหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ตก ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนไทย ซึ่งตนก็ร้อนใจมากที่สุด เพราะเป็นผู้ที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาทั้งหมด ก็พยายามทำงานอย่างเต็มที่

งดเชียงรายครม.สัญจรถิ่นเสื้อแดง

     นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้เปลี่ยนสถานที่จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ระหว่างวันที่ 23-24 กรกฎาคมนี้ จากเดิมที่จะประชุมที่ จ.เชียงราย และดูงานในพื้นที่ จ.พะเยา เปลี่ยนเป็นไปประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลราชธานี และดูงานในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ เนื่องจาก จ.เชียงราย ยังมีภารกิจดำเนินการค้นหาและช่วยชีวิตเยาวชนและผู้ฝึกสอนทีมหมูป่า อะคาเดมี่ รวม 13 คน จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนไปยังจังหวัดในภาคอีสาน 

     ส่วนเหตุผลที่เป็น จ.อุบลราชธานี และ จ.อำนาจเจริญ นั้น นายกอบศักดิ์ให้เหตุผลว่า เนื่องจากหลังจากกลับจากการไปลงพื้นที่ใน จ.อำนาจเจริญ รวมถึงได้หารือกันทั้ง 2 วันนี้แล้ว เห็นว่าเขามีความพร้อมที่จะจัดงานดังกล่าวได้ทันที ที่ประชุม ครม.จึงมีมติเห็นชอบตามที่กล่าวข้างต้น ทั้งนี้ มีโอกาสที่นายกฯ จะได้ไปร่วมงานแห่เทียนพรรษาที่ จ.อุบลราชธานี ด้วย

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในยุทธศาสตร์ทางการเมืองนั้นสำหรับพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี ถือเป็นเขตของคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาแทบจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.เกือบยกจังหวัด ปล่อยให้พรรคคู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา สอดแทรกเข้ามาได้ไม่กี่ที่นั่ง

นายกฯเยือนศรีลังกา12-13ก.ค.

     พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า ในระหว่างวันที่ 12-13 กรกฎาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีศรีลังกา เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับศรีลังกาในด้านต่างๆ ซึ่งจะมีการแถลงร่วมส่งเสริมและติดตามความร่วมมือทวิภาคีไทย-ศรีลังกา ด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความร่วมมือทางวิชาการ เกษตร ประมง ศาสนา วัฒนธรรม เป็นต้น

“ดอน”ยันการเมืองผู้ดีไม่กระทบไทย 

โหวต 7 กกต.วุ่น! สนช.จ่อคว่ำ

     นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ลาออกจากตำแหน่ง จะส่งผลต่อความสัมพันธ์และการดำเนินนโยบายระหว่างไทยและอังกฤษอย่างไร ว่า ไทยและอังกฤษมีความสัมพันธ์แบบรัฐต่อรัฐ ส่วนนายบอริสมีความรู้สึกที่ดีต่อประเทศไทย แต่การลาออกดังกล่าวเป็นเรื่องภายในของอังกฤษซึ่งเกิดจากความเห็นขัดแย้งกันในประเด็นการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิท ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอังกฤษจึงยังคงเดินหน้าต่อไป

     “การลาออกของนายบอริสไม่มีผลต่อความร่วมมือระหว่างไทยกับอังกฤษ ตลอดจนอียู ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปและเดินหน้าได้ด้วยดี โดยเฉพาะเรื่องในประเทศของเรา” นายดอนกล่าว

“มีชัย”ปัดยกเว้นไพรมารีโหวต

     นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองเสนอให้งดเว้นการใช้ระบบไพรมารีโหวตเพื่อหาผู้สมัคร ส.ส. ว่า เบื้องต้นผ่อนมาเยอะแล้ว แต่ถ้ายังติดขัดตรงไหน หรืออะไรที่ทำให้เดินหน้าไม่ได้ เราต้องรู้ก่อนว่าเกิดปัญหาตรงไหน วันนี้กติกาคือทุกคนต้องไปทำไพรมารีโหวต แต่ถ้ายังทำไม่ได้ จะทำได้แค่ไหน ต้องการอย่างไร หากต้องแก้ต้องไปแก้ที่ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. แต่ตอนนี้กฎหมายยังไม่ออกมาก็ยังพูดอะไรได้ไม่เต็มปาก ทั้งนี้เมื่อถึงเวลาคงต้องนัดฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน ซึ่งเจ้าภาพของเรื่องนี้ควรเป็นกกต. ที่ต้องเตรียมประเด็นปัญหา

     “กกต.อาจคุยกับพรรคการเมืองว่าขณะนี้ปัญหาเป็นแบบไหน จะปรับปรุงอย่างไร เพื่อให้ได้ข้อสรุป และข้อเท็จจริง โดยที่ไม่ต้องเกรงใจรัฐบาล เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องเกรงใจกัน แต่ต้องบอกปัญหาให้เห็นจะได้แก้ถูก อะไรที่กกต.แก้เองได้ก็ทำไป ส่วนอะไรที่แก้ไม่ได้ต้องให้รัฐบาลช่วยแก้ ดังนั้นต้องบอกกัน” นายมีชัยกล่าว

      เมื่อถามว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้กฤษฎีกาแก้ไขคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่53/2560 ให้พรรคการเมืองสามารถจัดประชุมใหญ่ เพื่อทำไพรมารีโหวต และให้ กกต.สามารถแบ่งเขตการเลือกตั้ง รวมถึงอาจจะใช้การทำไพรมารีโหวตแบบภาคนั้น นายมีชัย กล่าวว่า เรื่องนี้นายวิษณุได้ออกมาปฏิเสธแล้ว

ปชป.เปิดสถาบันพลเมืองภิวัฒน์

โหวต 7 กกต.วุ่น! สนช.จ่อคว่ำ

     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ประธานมูลนิธิเสนีย์ ปราโมช พร้อมอดีตหัวหน้าพรรค อาทิ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รวมทั้งแกนนำและอดีต ส.ส.พรรค ร่วมเปิดตัวสถาบันพลเมืองภิวัฒน์ มูลนิธิควง อภัยวงศ์ โดยมี นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้อำนวยการ

     นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การตั้งสถาบันพลเมืองภิวัฒน์ เพื่อสืบสานอุดมการณ์ของมูลนิธิควง อภัยวงศ์ และแยกการศึกษาวิจัยด้านสังคมออกมาจากสถาบันออกแบบประเทศไทย โดยมุ่งบทบาทสำคัญเพื่อให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด

      ด้านนายชวน กล่าวในช่วงเสวนา ควง อภัยวงศ์ กับสังคมประชาธิปไตยไทย จากวันนั้น สู่วันนี้ ว่า งานทุกอย่างต้องการความเป็นมืออาชีพ มอบหมายให้นายกษิตเป็นผู้อำนวยการ เข้ามาทำงานในการกระจายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประชาธิปไตย โดยปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการปฏิบัติ หากปราศจากความเข้าใจก็เดินไปได้ยาก เมื่อการเมืองเป็นธุรกิจการเมือง ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย

ยึดอุดมการณ์ไม่หนุนเผด็จการ

     “ส่วนตัวมั่นใจในตัวนายกษิต เพื่อเป็นการสืบสานอุดมการณ์ของอดีตหัวหน้าพรรคประธิปัตย์คนแรกในฐานะนักประชาธิปไตยคนสำคัญของประเทศ โดยบ้านเมืองจะเดินหน้าได้ ประเทศชาติต้องเป็นประชาธิปไตย โดยหัวใจสำคัญคือการเคารพสิทธิเสรีภาพ และไม่สร้างเงื่อนไขนำไปสู่การยึดอำนาจ” นายชวน กล่าว

      ขณะที่ นายบัญญัติ กล่าวว่า หากสถาบันพลเมืองภิวัฒน์นำมรดกทางการเมืองไปปรับใช้ จะส่งผลดี โดยต้องไม่สนับสนุนเผด็จการ ถือเป็นภารกิจท้าทายและเห็นด้วยที่ต้องทำให้แพร่หลายมากที่สุด พร้อมเชื่อมั่นว่าประชาธิปไตยต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชนอย่างถ่องแท้ โดยที่ผ่านมายังวนเวียนกับการเลือกตั้ง ยึดอำนาจ และเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ แต่สิ่งกังวล คือ คนชั้นกลางเริ่มใจร้อนมากขึ้น อันสืบเนื่องมาจากฝ่ายการเมืองสร้างปัญหา ส่วนฝ่ายรัฐประหารก็ต้องยอมรับว่ามาแก้ปัญหาเพียงชั่วคราวเท่านั้น จะอยู่นานเท่าใด ก็ไม่สามารถตอบได้ ขอให้กลับมาถามอำนาจโดยแท้จริงคือ ประชาชน

ชทพ.สั่งพร้อมรับกติกาใหม่

      ส่วนที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา จ.สุพรรณบุรี วันเดียวกัน  นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี อดีต รมช.คมนาคม บุตรชายนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดที่ทำการพรรคจัดงานครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 45 โดยมีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นักการเมืองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาร่วมอวยพรกันจำนวนมาก 

      นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ถึงวันนี้จะไม่มีนายบรรหาร ศิลปอาชา แต่ความรัก ความห่วงใยระหว่างตระกูลศิลปอาชา และชาวสุพรรณบุรียังแนบแน่นมีเสื่อมคลาย และขอปวารณาตัวเองในการที่พร้อมจะรับใช้พี่น้องชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ช่วยกันแก้ปัญหาเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องทุกคน ในส่วนของสมาชิกพรรคนั้น ตามที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้ว่าเราสามารถเดินหน้าไปทาบทามสมาชิกพรรคได้ แต่ยังไม่สามารถที่จะไปสมัครหรือให้เอกสารในการที่จะไปลงนาม ตอนนี้จึงอยู่ในช่วงที่เดินสายเข้าไปพูดคุยทาบทามกันไว้ก่อน 

     “ประเด็นเรื่องของ ส.ส.เขต หรือปาร์ตี้ลิสต์นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้นสมาชิกพรรคแต่ละเขต แต่ละจังหวัด ต้องรอดูทางกกต.ว่าจะเคาะออกมาว่า จะให้ทำเป็นระดับจังหวัดหรือระดับภาคอย่างไร แต่การที่จะต้องมีสมาชิกให้ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้เขตหรือจังหวัดละ 100 คนนั้นเป็นสิ่งที่เราจะต้องเตรียมการ ความพร้อมตอนนี้เรียกว่าเต็มร้อย” นายวราวุธระบุ

ไม่หวั่นถูกดูดเชื่อคนใหม่มีคุณภาพ

     ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา  เชื่อว่า พรรคชาติไทยพัฒนาเป็นสถาบันทางการเมืองไปแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านยุคที่รุ่งโรจน์ และผ่านที่ร่วงโรย ได้พบได้เห็นวิธีการต่างๆ เหล่านี้มามากมาย ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ไม่มีผลกระทบกับพรรคที่ชื่อชาติไทยพัฒนาอย่างแน่นอน ภายในพรรคมีนักการเมืองถูกทาบทามแต่ก็ไม่มีผลกระทบ ไม่ได้หวั่นไหวอะไรกับพรรคเราเลย เชื่อว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะผลิตบุคลากรใหม่ๆ ได้ 

     “เมื่อในอดีตมีสมาชิก 92 คน เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จากนั้นก็ถูกดูดออกไปตั้งพรรคใหม่ คือพรรคความหวังใหม่ พรรคเราก็เหลือไม่กี่คน แต่หลังจากนั้นเราก็ได้นักการเมืองใหม่ขึ้นมา สิ่งนี้คือวัฏจักรของการเมือง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ การทำงานทางการเมืองเป็นเรื่องของความสมัครใจ เป็นความจริงใจที่จะทำงานกับพรรคที่สังกัดอยู่ ถ้าไม่มีใจให้อะไรก็เหนี่ยวรั้งไม่ได้ แต่ถ้าไปแล้วไม่อบอุ่นเหมือนพรรคเดิม ก็หวนกลับมาแบบนี้ก็มี คือสัจธรรมทางการเมือง” นายสมศักดิ์กล่าว

     แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวอีกว่า การเมืองรุ่นใหม่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการเก่าๆ จะนำมาใช้คงไม่ได้แล้ว ยิ่งสังคมโหยหาการปฏิรูปทางการเมือง จึงเชื่อว่าถึงเวลาที่จะต้องใช้คนรุ่นใหม่ๆ ของพรรคที่หามาได้ และเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ของพรรคเรามีศักยภาพมากพอในการที่จะนำพาพรรคให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติและเดินหน้าไปสู่การพัฒนาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยได้

พท.ชี้คงอัตราดอกเบี้ยหวั่นศก.ชะงัก

โหวต 7 กกต.วุ่น! สนช.จ่อคว่ำ

     นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง ที่อยากให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)คงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน อย่าเพิ่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วตามกระแสการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐและโลก ทั้งนี้เพื่อทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงและช่วยให้การส่งออกที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาสามารถฟื้นต่อไปได้ อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังไม่ได้ดีนัก การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้เศรษฐกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นหลัง 4 ปี อาจหยุดชะงักได้ และค่าเงินบาทที่อ่อนจะช่วยทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น ทำให้รายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้น

     “อาจจะต้องจับตาดูการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐว่าจะขึ้นอีกเมื่อไหร่ และอีกกี่ครั้ง รวมถึงการไหลออกของเงินตราต่างประเทศ ถ้าหากไม่มากนัก ก็อยากเห็นค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า นอกจากว่าจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงค่อยพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย และอยากให้จับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด เห็นว่าในภาวะสงครามการค้า ค่าเงินบาทที่อ่อนจะทำให้ไทยได้เปรียบมากกว่า” นายพิชัยกล่าว

ศาลยืนยกฟ้องหมิ่น"เรืองไกร”

      ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.3320/2560 ที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. กับพวกรวม 154 คน ซึ่งเป็นสมาชิก สนช.เป็นจำเลย ฐานร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1) จากกรณีวันที่ 29 มีนาคม 2560 จำเลยร่วมกันประชุม สนช. ครั้งที่ 21/2560 วาระด่วนเพื่อรับฟังแถลงการณ์ปิดสำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และรับฟังคำแถลงการณ์ปิดสำนวนด้วยวาจาของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่ออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ ซึ่งมีการอภิปรายใส่ร้ายโจทก์ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยคดีนี้ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลให้ยกฟ้อง ต่อมาโจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลรับคดีโจทก์ไว้พิจารณาด้วย วันนี้มีเพียงทนายความของจำเลยเดินทางมาศาล ส่วนนายเรืองไกร โจทก์ไม่มาศาล

      ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยกฟ้องยืนตามศาลชั้นต้น แต่ให้ยกฟ้องจำเลยเพียงจำนวน 152 คน เนื่องจากไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทและพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งมีจำเลยอีก 2 ราย คือ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ จำเลยที่ 11 และนายสมชาย แสวงการ จำเลยที่ 88 ที่ได้ยื่นอุทธรณ์แยกไว้ จึงให้รอนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ในส่วนของจำเลยที่เหลือต่อไป

ครม.ไฟเขียวภาษีลาภลอยร้อยละ5

     นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐ หรือภาษีลาภลอย เพื่อจัดเก็บภาษีจากบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ผู้ครอบครองทรัพย์, ที่ดิน, ห้องชุด, อาคารพาณิชย์ เก็บเฉพาะในส่วนมูลค่าเกิน 50 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์เท่านั้น รวมทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรรรอการจำหน่าย โดยตั้งอยู่รอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง, รถไฟทางคู่, รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน, ท่าเรือ, สนามบิน, โครงการทางด่วนพิเศษ หรือโครงการอื่นของรัฐ ส่วนการครอบครองเพื่ออยู่อาศัยและการเกษตรได้รับการยกเว้นภาษีประเภทดังกล่าว เพื่อสร้างความเป็นธรรมและปฏิรูประบบภาษีของประเทศให้สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เหมือนกับต่างประเทศ คาดว่าไม่มีผลกระทบกับประชาชนทั่วไป เพราะเมื่อก่อสร้างโครงการ ราคาที่ดินและทรัพย์ ขยับราคาสูงขึ้น 5-10 เท่าตัว จึงควรเก็บเข้ารัฐเพื่อนำมาพัฒนาโครงการอื่นเพิ่มเติม 

     ทั้งนี้เริ่มคำนวณการจัดเก็บภาษีจากวันเริ่มดำเนินก่อสร้างโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐ จนถึงวันครบกำหนดก่อสร้าง ด้วยจัดเก็บภาษีเพียงครั้งเดียวจากผู้ครอบครองทรัพย์สิน เมื่อราคาเปลี่ยนแปลงจากโครงการเสร็จ รวมทั้งยังจัดเก็บจากราคาส่วนต่างการซื้อขายที่ดินและห้องชุดเมื่อซื้อขายโอนเปลี่ยนมือ ไม่ได้เป็นการจัดเก็บภาษีประจำปี แนวทางการจัดเก็บจากผู้ขายที่ดินหรือห้องชุดเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษี เพราะเป็นผู้มีรายได้จากการขาย ในกรณีห้องชุดไม่สามารถคำนวณส่วนต่างของมูลค่าห้องชุดได้ เนื่องจากไม่มีราคาประเมินห้องชุด ให้คำนวณส่วนต่างดังกล่าวเท่ากับร้อยละ 20 ของมูลค่าห้องชุด

      สำหรับกำหนดแนวทางการจัดเก็บภาษีแบ่งเป็น 2 กรณี 1.ระหว่างก่อสร้างโครงการ เก็บภาษีจากการขายหรือโอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือที่ดินหรือห้องชุด ซึ่งตั้งอยู่รอบพื้นที่โครงการ 2.เมื่อการก่อสร้างโครงการเสร็จเก็บภาษีเพียงครั้งเดียวจากทรัพย์สินที่ดินหรือห้องชุด เฉพาะส่วนที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิ<

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ