ข่าว

นักการเมืองพรึบรับบิ๊กตู่-รอคิวแน่นสัญจรปากน้ำโพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กตู่"นำคณะลงพื้นที่สัญจรภาคเหนือตอนล่าง นักการเมืองแห่พบที่นครสวรรค์ทั้งปชป.-พท.-ชทพ.-ภท.-อดีตส.ว. นายกฯลั่นโปรยงบฯเท่ากันทุกจว. ด้านปชป.แฉกระแสดูดไม่หยุด

 

        เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 11 มิถุนายน ที่วัดท่าหลวง พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมคณะรัฐมนตรี อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะร่วมนมัสการองค์หลวงพ่อเพชร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนรุ่นแรก หล่อด้วยโลหะสำริด ปางมารวิชัย นอกจากนี้ยังเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวพิจิตร โดยก่อนการเข้าสักการะนายกรัฐมนตรีหันมาโบกมือทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยูทักทายประชาชนที่มาทำบุญที่วัด

    ทั้งนี้พระราชสิทธิเวที เจ้าคณะจังหวัดพิจิตรและรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง พระอารามหลวง ได้มอบพระพุทธรูปบูชาหลวงพ่อเพชรหน้าตัก 3 นิ้ว รูปหล่อหลวงพ่อเงิน และเหรียญที่ระลึกหลวงพ่อเพชรหลวงพ่อเงินรุ่นพุทธบารมี ให้แก่นายกรัฐมนตรี และมอบเหรียญที่ระลึกหลวงพ่อเพชรหลวงพ่อเงินรุ่นพุทธบารมีให้แก่คณะรัฐมนตรี รวมถึงผู้ติดตามด้วย

นักการเมืองพรึบรับบิ๊กตู่-รอคิวแน่นสัญจรปากน้ำโพ

ชาวบ้านต้อนรับ-ลุงตู่ชูไอเลิฟยู

     ภายหลังจากเข้าสักการะหลวงพ่อเพชรแล้ว นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินมาที่เต็นท์ริมแม่น้ำเพื่อทักทายประชาชนที่มารอพบและให้กำลังใจอย่างเป็นกันเอง โดยมีประชาชนบางส่วนมอบดอกกุหลาบสีชมพูให้นายกรัฐมนตรีพร้อมร่วมกันตะโกนว่า “นายกฯ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้นะ พวกเรารักลุงตู่ พวกเรารักครม.ลุงตู่” พร้อมแย่งกันเข้าสวมกอดและถ่ายรูปกับนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด

      ทั้งนี้นายสุวิทย์ ชอบใช้ ประธานสภาเทศบาลเมืองบางมูลนาก ได้มอบรูปหลวงพ่อเงินให้นายกรัฐมนตรีแล้วกล่าวว่า “ในนามของชาวจังหวัดพิจิตร ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพของชาวพิจิตร บารมีของหลวงพ่อเพชรหลวงพ่อเงินคุ้มครองนายกรัฐมนตรี ขอให้ลุงตู่เป็นที่พึ่งของประชาชนและประเทศชาติตลอดกาล ชาวพิจิตรรักลุงตู่ครับ” และเข้าสวมกอดนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามมีประชาชนบางส่วนที่เป็นหญิงวัยกลางคนพยายามเข้าหอมแก้มนายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีชะงักพร้อมกล่าวว่า “จะมาหอมแก้มเลยหรอ เดี๋ยวเขาหาว่าทำการเมืองอีก” ก่อนที่จะหันมาส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยูก่อนขึ้นรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด กง 9333 นครนายก

     จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางพบประชาชนชาวพิจิตร ณ บึงสีไฟ พร้อมเยี่ยมชมกิจกรรมการพัฒนาพิจิตรจังหวัดคุณธรรม และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบึงสีไฟ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่อันดับ 5 ของประเทศ พร้อมตรวจเยี่ยมโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตรเพื่อการระบายน้ำและกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร ณ ประตูระบายน้ำดงเศรษฐี แม่น้ำพิจิตร หมู่ 4 ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร

ยืนยันคำเดิมไม่ได้มาหาเสียง

     จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนกว่า 1,000 คนว่า วันนี้มาเพื่อสร้างอนาคตร่วมกันว่าต้องการให้ประเทศไทยเป็นอย่างไร ต้องช่วยกันขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดความสุขแก่ทุกๆ คน แม้จะมีรายได้น้อย แต่ถ้ามีความสุข ทุกอย่างก็จะดี การมาพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนครั้งนี้ไม่ได้มาหาเสียงแต่เพื่อติดตามความก้าวหน้าในแผนและโครงการต่างๆ พร้อมปรับให้สอดคล้องต่อความต้องการในพื้นที่ เพราะมีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจตรงกัน มีทั้งโครงการที่ทำได้และยังทำไม่ได้ และอยากให้ทุกคนช่วยกันดูว่ารัฐบาลนี้ทำงานแตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง

นักการเมืองพรึบรับบิ๊กตู่-รอคิวแน่นสัญจรปากน้ำโพ

 

บอกไม่ต้องน้อยใจอนุมัติงบชัวร์

     “ถึงพิจิตรแม้จะเป็นเมืองเล็ก แต่น่ารัก สามารถพัฒนาต่อยอดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นเมืองแห่งความสุขได้ ผมมาวันนี้ในนามของนายกฯ ที่จะดูแลคนทั้งประเทศ ทุกจังหวัดวันนี้ผมใส่เสื้อประเทศไทยมา พิจิตรเป็นเมืองที่อยู่ใกล้หัวใจผมที่สุด การแก้ปัญหาแบบเร็วและหวือหวาจะไม่สำเร็จ แต่จะล้มกลับมาที่เดิม ในการทำงานรัฐบาลได้รับฟังเสียงจากทุกฝ่ายไปถึงสื่อโซเชียลด้วย มาครั้งนี้ไม่ได้มาอย่างที่สื่อวิพากษ์วิจารณ์กัน เพราะสื่อบางสำนักได้พาดหัวว่าจะให้งบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลจะต้องดูว่ามีงบประมาณเพียงใด โครงการใดเร่งด่วน โดยต้องดูว่าโครงการเหล่านั้นตอบสนองความต้องการของประชาชนมากน้อยเพียงใด แต่ชาวพิจิตรไม่ต้องน้อยใจ เพราะอะไรเร่งด่วนก็จะได้ก่อน ไม่มีทางที่จะได้ในครั้งเดียวอยู่แล้ว”

ย้ำไม่เอาเรื่องงบมาหาเสียง

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “งบประมาณที่จะอนุมัติให้ จ.พิจิตร นั้น ไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขได้ เพราะไม่ต้องการเอาเรื่องนี้มาเป็นการหาเสียง จึงไม่ต้องกังวล เพราะการมาไม่เกี่ยวข้องกับการหาเสียง แม้หลายคนจะมองแต่เรื่องแบบนี้ ซึ่งมันไม่ใช่ ไม่ต้องการซื้อเสียง แม้ไม่มีเสียงให้แม้แต่คนเดียวก็พร้อมที่จะทำงานให้ประเทศไทย เพราะที่นี่คือประเทศไทย เป็นของคนไทยทุกคน เราต้องมีความรักความสามัคคี เหมือนเอาแขนงไผ่ทุกแขนงมารวมกัน ใครๆ ก็หักไม่ได้

   “แต่ถ้าทุกคนบอกว่าอะไรก็ต้องเป็นประชาธิปไตย มันไม่ได้ การเป็นประชาธิปไตยต้องมีกฎหมาย ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถ้าไม่ไปแตะต้อง หรือดื้อด้านต่อสู้ก็จะไม่มีเรื่อง วันนี้มีหลายคนพยายามจะให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นแต่ผมไม่บอกว่าเป็นใคร ผมมาให้ความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย”

นักการเมืองพรึบรับบิ๊กตู่-รอคิวแน่นสัญจรปากน้ำโพ

เซ็งโซเชียลยืมปากเด็กมาแขวะ

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องราคาข้าวอย่าให้ใครมาบิดเบือน ไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็แย่ วันนี้รัฐบาลทำทุกมิติที่จะขายข้าว แต่เรื่องการทุจริตก็ต้องไล่กัน แต่ต้องแยกระหว่างการทำงานกับการทุจริต นี่คือคนไทย 4.0 ไม่ใช่เขียนอะไรมาในโซเชียลแล้วเชื่อทุกอันแล้วเผยแพร่กันออกไป อย่าลืมว่าเด็กเสพและอ่านอยู่ ต้องคิดด้วยว่าให้ข้อมูลในสิ่งที่ถูกหรือผิด ขอให้ระมัดระวังในการใช้โซเชียลมีเดีย ขอให้ใช้ในสิ่งที่เกิดประโยชน์ จะไม่ฟังในวันศุกร์ก็แล้วแต่ท่าน ก็มีหลายคนเอาไปถามเด็กว่ารู้จักนายกฯ หรือไม่ ซึ่งเด็กบางคนไม่รู้จักก็ไปพูดว่าเด็กยังไม่รู้จักเลย มันถูกหรือไม่ไปทำอยู่ในโซเชียลแบบนี้ เด็กเล็กๆ อนุบาล จะไปรู้เรื่องอะไร บ้างก็ถามว่ารู้จักนายกฯ ไหม ได้คำตอบว่าเป็นนักร้อง ปัดโธ่ ทำกันแบบนี้ออกมาเพื่ออะไร

     "รักผมหรือแบบนี้ เขาไม่รักผมหรอก เขาไม่รักประเทศของเขา ผมไม่ได้ต้องการให้มารักผม ขอให้รักประเทศ ผมกำลังทำงานอยู่มาเขียนแบบนี้ได้อย่างไร แต่ผมไม่ว่าหรอก แต่จะคอยดูว่าบิดเบือนมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่คณะทำงานจะดำเนินการ อีกคนบอกวันศุกร์ฟังนายกฯ หรือเปล่า เด็กบอกไม่เคยดูโทรทัศน์ ก็แสดงว่าไม่สนใจนายกฯ นายกฯ ไม่น่าสนใจ นายกฯ แย่ พอนายกฯ มาผมปิด เด็กก็ตอบแบบเด็กๆ แต่ก็เอามาแพร่กันใหญ่ นี่คือโซเชียลมีเดีย ไม่สร้างสรรค์เลยแบบนี้ไม่ต้องมารัก จะไม่ฟังผมก็ได้ แต่ไม่เห็นต้องมาเขียนแบบนี้ เพราะคนฟังก็ยังมี” นายกฯ กล่าว

 

ชี้เป็นรัฐบาลมนุษย์เพื่อปชช.

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าไม่ฟังในคืนวันศุกร์ก็ขอให้ไปอ่านในหนังสือพิมพ์บางฉบับที่เขาลงเต็มๆ แต่ไม่ขอบอกว่าฉบับไหน เพราะจะเป็นการโฆษณา ขอให้อ่านหน่อยจะได้เห็นพื้นฐานความคิดรัฐบาลและตนเป็นอย่างไร รัฐมนตรีทุกท่านทำงานกับตน ไม่ใช่รักตนแต่ไม่รักเขา ทุกคนเหน็ดเหนื่อยป่วยไข้ก็มี มนุษย์พอเครียดมากๆ สมองก็แย่เหมือนกัน อายุก็เยอะกันแล้ว ปวดขาแข้ง น้ำตาลขึ้น นี่คือปัญหาของมนุษย์ รัฐบาลก็คือมนุษย์ แต่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเพื่อประชาชนโดยตรง

ปลุกปชช.ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำวันนี้คือสิ่งที่วาดหวังไว้ ก็คิดว่าทุกคนวาดหวังไว้เหมือนกัน ฉะนั้นวันหน้าการเลือกตั้งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับท่าน นี่คือสิ่งแรกขับเคลื่อนให้เดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่สวยงาม วันข้างหน้าการเลือกตั้งสำคัญต่อท่าน อย่ามาบอกไม่ชอบการเมือง และจะไม่ไปเลือกตั้ง เพราะคิดว่าเลือกตั้งอย่างไรก็ได้เท่าเดิม ถ้าคิดแบบนี้ต้องออกไปเลือกตั้งทุกคนที่มีอายุครบ 18 ปีต้องไปทุกคน จะเกลียดจะชอบก็ต้องไป ให้คิดว่าจะได้รัฐบาลธรรมาภิบาล

     นายกฯ กล่าวต่อว่า ต้องเริ่มจากทุกคนมีสิทธิ์เลือกตั้งไปเลือกตั้ง ตรงนั้นคือจุดแรกที่จะได้รัฐบาลมา ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ก็ขอให้เลือกคนที่มีความเชื่อมั่น อย่าเลือกคนที่มีความคุ้นเคยใกล้ชิดอย่างเดียว ถ้าไม่ดีเราก็เลือกคนอื่น พรรคใดที่ได้มากก็ตั้งรัฐบาลก็ดูสิจะเป็นอย่างไร หากได้คนแบบเดิมมาแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ไปคิดเอาแล้วกัน บัตรเลือกตั้งที่ให้กาบัตรใบเดียว บางคนบอกยุ่งยาก ไม่เข้าใจ เบอร์จำยาก ถ้าแค่นี้จำยากแล้วจะไปเลือกตั้งคนดีได้หรือไม่ อันนี้เหมาะสำหรับหาเสียงเบอร์เดียวทั้งประเทศ เราต้องเข้าใจผู้มาเสนอเรื่องเลือกตั้ง ประกาศตัวมาทำการเมือง ต้องกล้าที่จะพูด กล้าเปิดเผยตัวเองว่าออกมาทำอะไรให้ประเทศ

นักการเมืองพรึบรับบิ๊กตู่-รอคิวแน่นสัญจรปากน้ำโพ

ปัดจ้องสืบทอดอำนาจ20ปี

    “การโจมตีกันไปมาทำให้ประเทศเสียหาย และต่างประเทศมาลงทุนเยอะแยะ กำลังเดินหน้าไปทุกวัน แต่เรามาตีกันทุกวัน บิดเบือนก็ว่ากันไปบอกว่ามีการมาลงทุนน้อย มันอะไรกัน ตรงนี้เป็นการสร้างความคิดที่ผิดๆ ไปหมด แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำไม่ดีก็ไม่ได้ดี” นายกฯ กล่าว

     นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หลายคนบอกว่านายกฯ จะสืบทอดอำนาจไป 20 ปี ซึ่งอีก 20 ปีตนจะอยู่หรือไปยังไม่รู้เลย แล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิต เกิดได้เมื่อไหร่ก็ตายได้เมื่อนั้น ยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี อยู่มา 4 ปี ยังทำได้เท่านี้ ถ้าไม่มีกรอบก็จะสะเปะสะปะ วันนี้ขนาดมีกรอบให้เดินยังไม่ชอบ ยังไม่เอา ก็ไปแก้เอาสิ แต่ละปีแก้ด้วยแผนงานจ่ายงบประมาณ แต่ไม่ใช่สะเปะสะปะ ไม่ใช่ลดความเหลื่อมล้ำเฉพาะพื้นที่ตัวเองและต้องแก้ให้ต่อเนื่องเชื่อมโยง ขอให้ทุกคนช่วยกัน อย่าขัดแย้งกันมากนักเลย หาปัญหาที่อยากแก้ และความดีที่อยากทำ ทุกคนต้องมีใจตรงนี้ ปัญหาที่อยากแก้ไม่สามารถแก้คนเดียวได้ ต้องแก้ร่วมกัน

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจังหวะดังกล่าวนายกฯ ได้ชี้ไปยังชาวบ้านที่นั่งหลับพร้อมกล่าวว่า บางคนหลับไปแล้วจะแก้อะไรได้ ทั้งนี้ความดีทำได้ตลอดเวลา เดือนหน้าจะเป็นวันมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 66 พรรษา ‪28 กรกฎาคม‬ ให้เราทำดีตั้งแต่วันนี้ ทำถวายพระองค์อื่นไปด้วย รัชกาลที่ 10 พระองค์ท่านทรงรักษา สืบสานต่อยอดจากรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านรับสั่งว่าไม่มีอะไรที่สมเด็จพระราชบิดาไม่ได้ให้คนไทยไว้ วันนี้ทำครบหรือยัง เราต้องช่วยกันทำ สำคัญคือความดี โดยรัฐบาลมุ่งมั่นทำให้ประชาชน จ.พิจิตร ไม่รักนายกฯ ไม่เป็นไร ขอให้รักประเทศชาติ

เผยไร้เงานักการเมืองพิจิตร

     จากนั้นเวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตรเพื่อการระบายน้ำและกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรที่ประตูระบายน้ำดงเศรษฐี หมู่ 4 ต.ย่านยาว อ.เมือง โดยภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการลงพื้นที่พบปะประชาชนและติดตามการทำงานของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย นครสวรรค์ พิจิตร กำแพงเพชร และอุทัยธานี

     มีรายงานว่าตลอดช่วงเช้าจนถึงเที่ยงวันจะอยู่ที่ จ.พิจิตร เป็นที่น่าสังเกตว่าในระหว่างลงพื้นที่บึงสีไฟ จ.พิจิตร ไม่มีอดีต ส.ส.หรือนักการเมืองท้องถิ่นของ จ.พิจิตร มาต้อนรับนายกฯ เนื่องจากส่วนใหญ่อ้างว่าไม่สะดวก ติดภารกิจ ทำให้ไม่สามารถมาต้อนรับได้

 

ไม่สร้างภาพเหมือนรัฐบาลก่อน

     ภายหลังสัญจร จ.พิจิตร จากนั้นในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะเดินทางมายัง จ.นครสวรรค์ โดยระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟจากสถานีรถไฟชุมแสง ต.ชุมแสง อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ไปยังสถานีรถไฟนครสวรรค์ ต.หนองปริง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นายกฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่และจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) แต่ละครั้งไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละจังหวัดแก้ปัญหาไม่ได้ไม่เหมือนกัน แต่การที่มาลงพื้นที่เพื่อติดตามว่าโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลลงไปแล้วมีความคืบหน้าไปถึงไหน ไม่ใช่ให้งบประมาณไปแล้วก็ให้ไปเลย ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณเราก็เร่งรัดทุกปี ซึ่งปีงบประมาณของปีนี้ก็ถูกเรียกคืนไปเป็นจำนวนมาก ถ้าหน่วยงานไหนเบิกจ่ายไม่ทันสิ้นปีงบประมาณก็ถูกเรียกเงินคืน แล้วค่อยไปของบประมาณในปีงบประมาณหน้า เพราะถ้าปล่อยไว้ก็จะค้างคากันอยู่ ทั้งนี้จากการลงพื้นที่เมื่อช่วงเช้าก็รู้สึกเป็นห่วงว่าประชาชนบางส่วนยังไม่รู้ว่าราคาข้าวขึ้นอยู่กับอะไร อย่างนี้ไม่ได้นะ เรื่องการซัพพลายราคาข้าวในตลาด การจำนำยุ้งฉ้างคืออะไร เขายังไม่รู้เลย สื่อมวลชนก็ต้องช่วยอธิบาย

     “หลายคนบอกข้าวราคา 17,000 บาทไม่ได้ มันจะได้ได้อย่างไร มันแพงตอนที่เขาไม่มีข้าว ทุกอย่างสอนว่าของจะแพงตอนที่ไม่มีของ อีกส่วนหนึ่งคือการขายสินค้าออนไลน์ อยากให้รวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ขายออนไลน์ ซึ่งของรัฐบาลไทยก็มีแจ็ค หม่า ไม่ใช่ฟังอยู่ว่านายกฯ จะพูดอะไร มีความหมายทางการเมืองหรือเปล่า ไม่มี นายกฯ ไม่เคยมีเจตนาเลย” นายกรัฐมนตรีกล่าว

      ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ขึ้นรถไฟแล้วทำไมไม่ประชุมครม.บนรถไฟ นายกฯ กล่าวว่า “คุยยังไม่รู้เรื่องเลย จะมาประชุมครม.บนรถไฟ ปัดโธ่ สร้างภาพกันทั้งนั้นแหละ เอาไว้รถไฟความเร็วสูงก่อน ยังประชุมไม่เสร็จก็ถึงแล้ว อย่าบ่นนะว่าเร็วเกินไป”

แจงเกลี่ยงบ62ให้ทุกจว.ใกล้กัน

     จากนั้นนายกฯทักทายประชาชน พร้อมกล่าวกับประชาชนว่า ครม.จะพิจารณาการของบประมาณโครงการของทั้ง 4 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างแล้วจะกลั่นกรองว่าเรื่องใดก็จะทำ เช่น การพัฒนาบึงสีไฟ บึงบอระเพ็ด ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญ การขยายถนน ส่วนโครงการไทยนิยม ยั่งยืน จะไปใช้งบในส่วนที่เคยอนุมัติไปแล้ว ขอย้ำว่านายกฯไม่ได้ทำเพื่อการเมือง แต่ทำตามความต้องการประชาชนจึงต้องหารือกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นทุกอย่างต้องมีที่มาและรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณในปี 2562 ไว้แล้วให้ทุกกลุ่มจังหวัดได้เงินใกล้เคียงกันเกือบทั้งประเทศ แล้วได้ถามประชาชนว่าอย่างนี้ดีหรือไม่จะต้องเลือกใคร พรรคไหน หรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ได้เลือกใครก็ได้งบประมาณ

     หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนั่งการรถไฟ นายกฯพร้อมคณะเดินทางจากสถานีรถไฟนครสวรรค์ พบประชาชนชาวนครสวรรค์และผู้นำท้องถิ่นภาคเหนือตอนล่าง ที่หอประชุมอาคารอเนกประสงค์ภายในบึงบอระเพ็ด และเดินเยี่ยมชมตลาดประชารัฐและตลาดวัฒนธรรมเมืองสี่แคว ที่ตลาดต้นแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอเมือง

นักการเมืองพรึบรับบิ๊กตู่-รอคิวแน่นสัญจรปากน้ำโพ

นักการเมืองพรึบที่นครสวรรค์

     เมื่อเวลา 16.00 น. ที่หอประชุมอาคารอเนกประสงค์องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่าก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาพบปะประชาชนและผู้นำท้องถิ่น เช่น อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 (พิจิตร-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-อุทัยธานี) และภาคกลางตอนบน เช่น จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี และ จ.ชัยนาท อาทิ นายทายาท เกียรติชูศักดิ์ อดีตส.ส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย นายอนันต์ ผลอำนวย อดีตส.ส.กำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย นางผ่องศรี ธาราภูมิ อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นายสำราญ ศรีแปงวงค์ อดีตส.ส.กำแพงเพชร พรรคประชาธิปัตย์ นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร อดีตส.ส.นครสวรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา นายนพดล พลเสน อดีตส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา นายอนุชา นาคาศัย อดีตส.ส.ชัยนาท พรรคไทยรักไทย นางมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย นายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ อดีตส.ส.นครสวรรค์ พรรคชาติไทยพัฒนา นายมณเฑียร สงฆ์ประชา อดีตส.ส.ชัยนาท พรรคชาติไทย และนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีตส.ว.

    ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าการพบปะผู้นำท้องถิ่นของนายกฯ ในครั้งนี้มีความแตกต่างจากการพบผู้นำท้องถิ่นในครั้งที่ผ่านมา เพราะเวทีมีลักษณะเป็นเวทีเปิด โดยจัดเก้าอี้ด้านหน้าไว้สำหรับอดีตนักการเมืองและผู้นำท้องถิ่น และมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 1,000 คนนั่งอยู่ในแถวถัดไป

นักการเมืองพรึบรับบิ๊กตู่-รอคิวแน่นสัญจรปากน้ำโพ

ชาดา-สิงห์ชัยรอถกบิ๊กตู่

    ด้านนายชาดา ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่สังกัดพรรคการเมืองใด แต่จะไม่ไปอยู่กับพรรคที่สนับสนุนทหารอย่างแน่นอน แต่หากพรรคที่ตนเองสังกัดไปร่วมรัฐบาลกับทหารก็สามารถยอมรับได้

    ขณะที่นายสิงห์ชัย กล่าวว่า การมาพบนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เนื่องจากผู้ว่าฯ อุทัยธานี ประสานงานและเชิญให้มา ซึ่งส่วนตัวไม่มองการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นประเด็นการเมือง แต่มองว่าการที่ผู้บริหารลงพื้นที่พบประประชาชนเป็นเรื่องดี ประชาชนจะได้รับประโยชน์

นักการเมืองพรึบรับบิ๊กตู่-รอคิวแน่นสัญจรปากน้ำโพ

มาร์คสอน“บิ๊กตู่”อดทน

     วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุว่าตำแหน่งนายกฯ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี แต่ตนก็มีความเป็นมนุษย์ที่ต้องมีผิดพลาด มีโกรธ มีโมโห แต่หลายคนก็ทำลายเกียรติของนายกฯว่า ตอนเป็นนายกฯ ก็เจอคำถามที่ไม่น่าถาม แต่ก็ต้องเก็บอารมณ์ให้สมกับเกียรติของนายกฯ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ พูด 2 เรื่อง คือ เป็นมนุษย์กับมีเกียรติ ซึ่งเห็นด้วยในเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์แต่ต้องระวังไม่ให้กระทบตำแหน่ง อย่างไรก็ตามมีข้อแลกเปลี่ยนคือคนที่ดำรงตำแหน่งนั้นต้องปฏิบัติให้สมกับการที่จะต้องได้รับเกียรตินั้น ถ้าจะเอาทั้งสองอย่างโดยบอกว่าดำรงตำแหน่งห้ามไม่ให้มีใครมาละเมิดเกียรติ แต่ขณะเดียวกันบอกว่าก็เป็นมนุษย์สามารถแสดงออกเหมือนคนอื่นๆ ได้ ซึ่งไม่สอดคล้องกัน

    นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สวนตัวอาจจะผิดก็ได้ เพราะขณะนี้คนอาจจะบอกว่าไม่เป็นไรคนที่ดำรงตำแหน่งแล้วใช้ความเป็นมนุษย์ มันสะใจคนมากกว่า ซึ่งก็มีหลายประเทศทำอย่างนี้ เช่น สหรัฐอเมริกา ชัดเจนมาก ที่ผู้นำถูกวิจารณ์อย่างนี้ อาจจะหัวโบราณก็ได้ เพราะยังมองว่าถ้ายังอยากจะรักษาเกียรติของตำแหน่งก็ต้องไม่อนุญาตให้เป็นมนุษย์เหมือนกัน ความเป็นมนุษย์เป็นส่วนภายใน เมื่อสวมเกียรติตรงนี้อยู่ต้องรักษามาตรฐาน ซึ่งช่วงหลังดูเหมือนท่านก็พยายามปรับตัว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เป็นนายกฯต้องมีธรรมะ

     “อย่าไปทำอะไรที่ผิดมนุษย์ จะรู้สึกโกรธหรืออะไรเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เมื่อโกรธสุดขีดแล้วท่านจะปิดห้องตัวเองแล้วตะโกนโหวกเหวกอยู่คนเดียวหรือจะระบายกับใครก็ทำเถอะ แต่เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะเราจะต้องช่วยกันรักษาเกียรติ ช่วยกันรักษามาตรฐาน บรรทัดฐานต่างๆ ก็ต้องฝึกฝนให้มีความอดทน ถึงต้องมีธรรมะของนักปกครองที่จะต้องมีเรื่องขันติ อุเบกขา ก็หวังว่านายกฯ จะอารมณ์ดีขึ้นและพยายามทำความเข้าใจกับสภาพการเมืองอย่างนี้” นายอภิสิทธิ์กล่าว

 

รัฐบาลเลื่อนคุยต้องมีคำอธิบาย

    ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเชิญพรรคการเมืองหารือในเดือนมิถุนายนนี้ว่า สำหรับพรรคอื่นคงตอบแทนไม่ได้ จะไปร่วมหรือไม่ แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ยินดีให้ความร่วมมือเหมือนทุกครั้งที่เคยได้รับเชิญ ถ้าเป็นเรื่องที่บ้านเมืองได้ประโยชน์ ส่วนรูปแบบรายละเอียดจะมีถ่ายทอดสดหรือไม่ขึ้นอยู่กับ คสช.ประสงค์จะให้ไปคุยเรื่องอะไร รูปแบบที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร ในส่วนประชาธิปัตย์ไม่ได้มีเงื่อนไข ถ้าเป็นการพูดคุยกันในเรื่องที่สร้างสรรค์พรรคก็ยินดี

     “ถ้าถามว่าวันนี้บรรยากาศเอื้อหรือไม่เอื้อต่อการพูดคุย คสช.และรัฐบาล ควรจะต้องประเมิน ความจริงได้ประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเชิญพรรคการเมืองเดือนนี้ ผมจึงมองว่าเป็นเรื่องที่ได้ดำเนินการไปตามที่รัฐบาลพูดก่อนหน้านี้ ในทางตรงกันข้ามถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ตรงนั้นต่างหากที่จะทำให้รัฐบาลต้องออกมาอธิบายทำไมถึงเปลี่ยนใจ” รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าว

แฉกระแสดูดไม่ยอมหยุด

     นายจุรินทร์ กล่าวถึงกรณีเดินสายดูดอดีตส.ส.ของบางพรรคการเมืองว่า ความจริงเรื่องการพยายามที่จะดูดคน สังคมก็รับทราบกันอยู่โดยทั่วไป เหมือนที่เคยพูดว่าหลังรัฐประหารถ้ามีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการดำรงอำนาจต่อไป เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องเคยเกิดขึ้นมาแล้วเกือบทุกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น ความต่อเนื่องยังมีปราฏอยู่

     “ผมจึงไม่แปลกใจอะไร แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งทุกครั้งก็มีทั้งคนเข้าคนออก ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ หน้าที่ของเราก็คือทำอย่างไรให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนให้มากขึ้น พรรคต้องเตรียมไม่เฉพาะตัวบุคคล ยังต้องเตรียมการเรื่องนโยบาย การสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน เมื่อเลือกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว พรรคจะเป็นที่พึ่ง เป็นความหวังสำหรับอนาคตของประเทศได้ ผมเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยยังศรัทธาในอุดมการณ์พรรคอยู่” นายจุรินทร์ กล่าว

     เมื่อถามว่ายิ่งใกล้วันเลือกตั้งมากเท่าไหร่ การเดินสายดูดอดีตส.ส. ในแต่ละพื้นที่จะรุนแรงขึ้นหรือไม่ นายจุรินทร์ ตอบว่า ไม่สามารถบอกได้ว่าในอนาคตแรงดูดจะมากน้อยถอยลงไปหรือไม่ แต่เท่าที่ติดตามสถานการณ์จนถึงขณะนี้การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวยังคงมีอยู่

พท.มั่นใจสมาชิกไม่โดนดูด

      ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข่าวอดีต ส.ส.หรือสมาชิกพรรคอาจแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่หรือไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ว่า เท่าที่สดับตรับฟังโดยรวมแล้วยังคงมั่นใจว่าสมาชิกส่วนใหญ่ยังคงยึดมั่นในพรรคพท.อยู่ และอยากให้จดจำภาพของพรรคการเมืองต่างๆ ในอดีตที่เกิดจากการรวมตัวกันของอดีต ส.ส.เก่าและแยกตัวไปจากพรรคเดิม ในที่สุดไม่เคยเห็นประสบความสำเร็จ ดูจากรายชื่อส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นหน้าเก่าๆ วนเวียนอยู่กับการย้ายพรรค ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จทางการเมือง ถึงเวลาหนึ่งก็แยกย้ายแตกสลาย ตนจึงไม่ค่อยวิตกกังวลหรือหวั่นไหวกับปรากฏการณ์ที่เป็นข่าวดังกล่าว นอกจากนั้นยังเข้าใจว่าเท่าที่เป็นข่าวปรากฏมักจะเป็นกรณีเฉพาะตามพื้นที่บ้าง เป็นเหตุผลเฉพาะตัวบ้าง เข้าใจว่าผู้บริหารของพรรคก็รับทราบและหาทางแก้ปัญหากันอยู่ในขณะนี้ ส่วนตัวอยากฝากว่าแนวทางของพรรคชัดเจนว่าเรายึดแนวทางประชาธิปไตยสู้กับเผด็จการ สู้กับนายกฯ คนนอก หากใครจะหันเหออกนอกแนวทางนี้ก็แสดงว่าท่านเปลี่ยนจุดยืนหรืออุดมการณ์ทางการเมืองซึ่งในที่สุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

 

บอกเหนื่อยเปล่าแนะคสช.

    ส่วนปัญหาเกี่ยวกับไพรมารีโหวตที่สับสนคือหากให้มีตัวแทนพรรคประจำจังหวัดในเขตใดเขตหนึ่งแล้วเลือกผู้สมัครได้ทุกเขตตามบทเฉพาะกาลหมายความว่าสมาชิกที่อยู่ในเขต 1 สามารถเลือกผู้สมัครในเขต 2, 3 และ 4 ได้เช่นนั้นหรือ ปัญหาทั้งหมดเกิดจากความไม่ชัดเจนและความไม่เข้าใจในเจตนารมณ์ของการทำไพรมารี การจะแก้ปัญหาอย่างไรคงเป็นเรื่องของคสช.คงไม่เสนอแนะอะไร เหนื่อยเปล่าเพราะจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นักการเมืองพรึบรับบิ๊กตู่-รอคิวแน่นสัญจรปากน้ำโพ

วอนรัฐบาลเร่งแก้คำสั่งคสช.53/60

    ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการเตรียมแก้ไขคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 หลังมีผลกระทบต่อจำนวนสมาชิกพรรคและการทำไพรมารีโหวตเพื่อหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ตนสนับสนุนให้แก้ไข เพราะหากไม่แก้ในประเด็นดังกล่าวอาจทำให้เป็นปัญหาต่อการเลือกตั้งได้ โดยเฉพาะการทำไพรมารีโหวตตามที่กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งกำหนด ซึ่งผูกเข้ากับจำนวนสมาชิกพรรค ซึ่งตอนนี้พรรคชาติไทยพัฒนา มีสมาชิกที่ยืนยันเพียงประมาณ 4,000 กว่าคนเท่านั้น ดังนั้นหากจะส่งผู้สมัครส.ส. ครบทุก 350 เขต จำเป็นต้องหาสมาชิกเพิ่มให้ได้อย่างน้อย 8,000 คนถึง 10,000 คน ไม่เช่นนั้นเราจะทำไพรมารีโหวตไม่ได้ ตนจึงขอความเห็นใจอย่างน้อยขอให้ คสช.ปลดล็อกให้ตอนนี้พรรคการเมืองเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคใหม่ได้ เพราะหากไม่ยอมปลดล็อกไม่เฉพาะพรรคการเมืองในระบบที่จะมีปัญหาเท่านั้น แต่พรรคใหม่อย่างพรรคพลังประชารัฐก็จะเจอปัญหาเช่นกัน

     นายวราวุธกล่าวว่า สำหรับระบบไพรมารีโหวตที่ผู้เขียนกฎหมายยกให้เป็นกลไกมีส่วนร่วมของประชาชนและเป็นแนวทางของการปฏิรูปประเทศนั้น มองว่าไพรมารีโหวตที่นำใช้แม้จะถูกยอมรับในสหรัฐอเมริกา แต่ที่ผ่านมายังพบปัญหา อย่างไรก็ตาม การนำรูปแบบของต่างประเทศมาใช้โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยทางสังคมไทย คือปมปัญหาสำคัญ ทั้งนี้การทำไพรมารีโหวตในประเทศจำเป็นต้องใช้เวลา ทั้งการหาตัวแทนที่จะลงแข่งขันในพื้นที่ที่จะทำไพรมารีโหวต ลงพื้นที่ให้ความรู้และความเข้าใจกับระบบใหม่กับสมาชิกพรรคในพื้นที่ รวมถึงการชี้แจงถึงการต้องออกมาเลือกผู้แทนของตนเองถึง 2 ครั้ง ผ่านไพรมารีโหวตของพรรคกับการแข่งขันในสนามการเมืองใหญ่ และรวมถึงนำระบบไพรมารีโหวตผูกเข้ากับส.ส.บัญชีรายชื่ออีกทำให้เป็นประเด็นที่ต้องยิ่งใช้เวลาในการชี้แจงและทำความเข้าใจ

(ข่าวหน้า1นสพ.คมชัดลึก)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ