ข่าว

"บิ๊กตู่"ตกเขียว"พลังชล" ดึงร่วมทำงานปัดดีลการเมือง?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มติครม.ตั้งพี่น้อง"คุณปลื้ม"ร่วมงาน "สนธยา" กุนซือนายกฯส่วน "อิทธิพล" นั่งผช.รมว.ท่องเที่ยว "บิ๊กตู่" ชี้ แค่มาสร้างความเข้าใจงานการเมือง ด้านอุตตมแย้มตั้งพรรค

          หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงเรื่องการสืบทอดอำนาจของคสช. พร้อมตั้งข้อสังเกตในหลายเรื่องถึงการกระทำของรัฐบาลที่รองรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในราวต้นปี 2562 โดยเฉพาะดีลการเมืองและการจัดตั้งพรรคการเมืองของทหาร จนถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์และสุ่มเสี่ยงต่อการใช้อำนาจรัฐนั้น 

           วันที่ 17 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีครม.มีมติแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองพัทยา เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าถือเป็นการแต่งตั้งตามขั้นตอน โดยตนในฐานะหัวหน้า ครม. เป็นผู้อนุมัติให้นำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ก่อนมีมติออกมา ฉะนั้นคนเสนอคือเจ้ากระทรวงและรองนายกฯ ที่เสนอขึ้นมา เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติแล้วผ่าน ไม่ติดอะไรต่างๆ ครม.ก็อนุมัติ

          ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณสมบัติอะไรที่เหมาะสมจึงทำให้มีการแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อเอาอะไรมาวัดว่าเหมาะสม ไม่เหมาะสม สื่อเป็นผู้ประเมินผลหรือไม่ เมื่อถามว่าจะให้นายสนธยาเป็นที่ปรึกษานายกฯ ด้านไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ปรึกษานายกฯ เรื่องการเมือง การบริหารราชการแผ่นดินก็มี ซึ่งตนก็จะฟังเขาว่าเห็นอย่างไร

 

\"บิ๊กตู่\"ตกเขียว\"พลังชล\" ดึงร่วมทำงานปัดดีลการเมือง?

 

          “ผมจำเป็นต้องมีคนเหล่านี้เข้ามาบ้างเพื่อมาทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเอาคนนี้มาเพื่อประโยชน์อะไรของผมเอง มันไม่ใช่ วันนี้กำลังจะเดินหน้าไปสู่ตรงนั้น ผมก็ต้องมีคนที่รู้เรื่องเหล่านี้มาให้คำปรึกษาว่าเป็นอย่างไร เพราะผมก็ไม่รู้ว่าการเมืองมันทำกันมาอย่างไร ดังนั้นจึงต้องรู้บ้าง” นายกรัฐมนตรีระบุ

           ต่อข้อถามนายสนธยาจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่รู้ ต้องไปถามนายสนธยา เขาจะลาออกหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ อย่าเพิ่งไปคิดอะไรล่วงหน้านานไป ถ้าคิดไปนู่นก็ไม่ต้องทำตรงนี้ ก็หยุดอยู่ที่เดิมไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องตั้งใครทั้งสิ้น ใครจะว่างตรงไหนก็ว่างไป จะเป็นปลัดกระทรวง อธิบดีก็ช่างมัน” 

           เมื่อถามย้ำถึงกรณีแต่งตั้งนายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นผู้ช่วยรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เจ้ากระทรวงเป็นผู้เสนอ ตนไม่รังเกียจนักการเมือง ไม่รังเกียจใครทั้งสิ้น ก็ต้องพิจารณาใครเหมาะสม เมื่อถามว่า เป็นการสะท้อนอนาคตพรรคพลังชลที่จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “รัฐบาลใคร ยังไม่ตั้งรัฐบาลเลย”

จับตาพท.นัดตีกอล์ฟ“สะสมทรัพย์”

           พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยนัดรับประทานอาหารกลางวันและตีกอล์ฟกับนักการเมืองตระกูลสะสมทรัพย์ที่สนามนิกันติ จ.นครปฐม ว่า กรณีนี้จะผิดคำสั่งคสช.หรือไม่ ไม่ทราบ กำลังตรวจสอบอยู่ โดยเฉพาะคนที่ไปเดินเคลื่อนไหวพบปะประชาชนต่างๆ ตอนนี้กำลังดูว่าผิดคำสั่งอะไรหรือไม่ เพราะคำสั่งเขียนไว้ชัดเจนว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้ ขอให้ระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย

 

\"บิ๊กตู่\"ตกเขียว\"พลังชล\" ดึงร่วมทำงานปัดดีลการเมือง?

 

รวบ“เอกชัย”จ่อก่อเหตุละเมิดผู้อื่น

           ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายเอกชัย หงส์กังวาน และนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ ก่อนเดินทางไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่หน้าบ้านพัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่เปิดบ้านให้รดน้ำดำหัว เมื่อวานนี้(16 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อรู้อยู่แล้ว เขาเป็นนักกิจกรรมทางการเมือง ฉะนั้น ต้องมองว่าการจะไปรบกวนคนนู้นคนนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอื่นหรือไม่ อยากให้มองสองด้านบ้าง อย่ามองแค่ด้านใดด้านหนึ่ง มันเหมือนเป็นการสนับสนุนให้ทำกิจกรรมสร้างผลกระทบต่อคนอื่น รวมถึงการจราจร และการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่สมควรในเวลานี้

           “ก็เห็นอยู่แล้วว่าเขาต้องการให้เกิดเหตุและเกิดภาพความรุนแรงขึ้นเพื่อให้สื่อถ่ายภาพลงหนังสือพิมพ์ แล้วสื่อก็มาถามผมแบบนี้ ก็เตือนกันง่ายๆกลับบ้านไปก็จบ แต่ก็ดิ้นรนไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายคือต้องการให้เกิดภาพ พอไปโรงพักก็ไปพังคอมพิวเตอร์อุปกรณ์สำนักงานสถานีตำรวจ ตรงนี้ทำไมไม่ไปถามเขาดูบ้าง ทำแบบนี้ได้หรือไม่ และเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องเอาราวลงโทษทางกฎหมายอะไร จริงๆ แล้วต้องลงโทษ หากทำอีกคงต้องลงโทษ เพราะมันไม่ไหว เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น ส่วนที่มองว่าเจ้าหน้าที่กระทำรุนแรงเกินไปนั้น เป็นไปอย่างที่บอก มีการดิ้นไปดิ้นมา เจ้าหน้าที่จับแขนจับขาก็กลายเป็นรัดคอ เพราะเขาไม่หยุด แล้วจะให้ทำอย่างไร วันหลังให้สื่อไปช่วยกันทำให้เขาหยุดจะได้หรือไม่ก็ไม่รู้ ให้เจ้าหน้าที่ลองถ่ายภาพดูบ้าง ไปหาวิธีการที่เหมาะสมก็แล้วกัน ถ้ามันแรงไปก็ขอโทษ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

หวังผ่านพ้นช่วงเวลาสำคัญให้ได้

           นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องใดก็ตามที่เป็นความขัดแย้งหลังสงกรานต์นี้รัฐบาลขอให้เรานำพาประเทศให้ผ่านพ้นช่วงเวลาสำคัญช่วงนี้ไปให้ได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง หากไม่สงบเรียบร้อยเราจะทำอะไรกันต่อไปได้ วันหน้าก็จะเกิดความวุ่นวายสับสนอลหม่านเหมือนเดิม ฉะนั้นขอว่าจะเสนอข่าวอะไรขอให้เสนอสองทาง อย่าไปตัดสินว่าโน่นนี่ผิดถูก เพราะบางทีมันไม่ใช่เนื่องจากข้อมูลไม่ตรงกัน ข้อมูลของภาครัฐเยอะกว่าอยู่แล้วถึงได้ทำงานนู่นนี่ค่อนข้างตรงความต้องการของประชาชน ไม่อยากให้ไปฟังคำพูดคำกล่าวอะไรจากภายนอกมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายคนมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ผ่านมาทั้งสิ้น รัฐบาลนี้ทำสนองตอบทุกคนทั้งประชาชน การเมือง นักการเมืองที่เคยทำไม่ได้ เราก็ทำให้มันได้ ส่วนที่ดีเราทำขนาดนี้ แล้วจะมาติติงอะไร

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกฯ รวมทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช.ว่าไม่ตรงเป้า และไม่คุ้มค่าการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะจำกัดอยู่แค่คนบางกลุ่มเท่านั้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ดีขึ้นจริง รวมทั้งเศรษฐกิจระดับรากหญ้าก็ยังอยู่ในสภาวะฝืดเคืองอีกด้วย

“อุตตม"แย้มเตรียมการตั้งพรรค

           ขณะเดียวกัน นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการรับเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ หลังการเลือกตั้งให้เป็นนายกฯ ว่า ส่วนตัวก็มีความคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไปก็มีความสนใจ โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของการพิจารณาหารือ ได้พูดคุยกับผู้ที่อาจจะมีความเห็นร่วมกันได้ อย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ

           ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการทาบทามกลุ่มการเมืองมาร่วมด้วยหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา แต่ถ้าถามว่ามีการคุยกันในเรื่องเศรษฐกิจหรือไม่อันนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นเรื่องที่จะมาช่วยประเทศชาติ จึงไม่จำกัด หลายกลุ่มก็มีความสนใจ แต่การไปพูดคุยเพื่อฟอร์มทีมอะไรนั้น ยังไม่ได้ทำ เมื่อถามย้ำว่า จากการได้หารือกับรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ มีอะไรที่พยายามผลักดัน นายอุตตม กล่าวว่า ตอนนี้ที่มีการคุยกันอยู่ ถ้ามีโอกาสได้ทำงานต่อในห้วงเวลานี้ซึ่งสำคัญมากกับประเทศ ควรจะทำในเรื่องใดบ้างก็คุยกัน และต้องดูว่าคนที่มีความเห็นอุดมการณ์เดียวกันว่าจะทำเรื่องไหน

           ต่อข้อถาม จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไปใช่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า “ถ้าถามผม ส่วนตัวผมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าท่านจะทำเรื่องของประเทศชาติต่อไป ท่านมีความเหมาะสม แต่ก็ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะเลือกอย่างไรต้องไปถามท่าน” ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จากที่ได้พูดคุยกันได้ชื่อพรรคหรือจำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า “ยังเลย อย่างที่บอกยังไม่ได้ข้อยุติ กำลังเตรียมการ ต้องหารือ หากลุ่มคนซึ่งไปด้วยกันได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้ง”

ครม.ไฟเขียว“ประสงค์”นั่งปลัดคลัง

          พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมตรี แถลงมติครม.เรื่องการแต่งตั้งและโอนย้ายข้าราชการการเมืองและข้าราชการพลเรือน ได้แก่ ตั้งข้าราชการฝ่ายการเมือง 1.นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ 2.นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 3.นายสันติ กีระนันทน์ อดีตรองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม โดยตำแหน่งทั้ง 3 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนเป็นต้นไป สำหรับตำแหน่งของนายอิทธิพล และนายสันติ จะมีวาระปฏิบัติหน้าที่ 1 ปี

           นอกจากนี้ มีการแต่งตั้งและโอนย้ายข้าราชการสามัญ ได้แก่ 1.นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง 2.นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ไปเป็นอธิบดีกรมสรรพากร 3.นายประภาศ คงเจียด ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ไปเป็นผู้อำนวยการสคร. 4.นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ผู้ตรวจราชการสำนักปลัดกระทรวงการคลัง ไปเป็นผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ 5.น.ส.ชุณหจิต สังข์ใหม่ ที่ปรึกษาด้านระบบการเงิน การคลัง กรมบัญชีกลาง ไปเป็นผู้ตรวจราชการสำนักปลัดกระทรวงการคลัง 6.นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ 7.นายปกรณ์ นิลประพันธ์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

           พ.อ.หญิงทักษดา กล่าวว่า ในส่วนเหตุผลการโอนย้ายนายปกรณ์ ที่ถือว่าเป็นมือกฎหมายอันดับต้นๆ ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานั้นไม่ทราบ ต้องสอบถามไปยังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หรือนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ดูแลเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เข้าใจถึงการตั้งข้อสังเกตที่ย้ายนักกฎหมายไปปฏิบัติหน้าที่อีกสายงาน แต่เมื่อดูตำแหน่งที่โอนย้าย จากรองเลขาธิการไปเป็นเลขาธิการ ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีและสูงกว่าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม

 

\"บิ๊กตู่\"ตกเขียว\"พลังชล\" ดึงร่วมทำงานปัดดีลการเมือง?

 

สนธยาปัดปูทางดีลการเมือง

          ด้านนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล(พช.) เปิดเผยว่า การที่รับตำแหน่งดังกล่าว เพราะคิดว่าตำแหน่งนี้จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ สิ่งที่ตั้งใจเข้ามาทำงานคือ เพื่อผลักดันโครงการเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) เพราะตนอยู่ตรงนี้ ทุกวันนี้ก็ทำงานประสานการพัฒนาพื้นที่อีอีซีอยู่แล้ว เมื่อรัฐบาลคิดว่าตนเป็นคนในพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน เข้ามาทำงานจะเป็นคนประสานภาคพื้นที่กับส่วนกลางในระดับนโยบาย ก็จะทำให้การพัฒนาสมบูรณ์มากขึ้น และคิดว่าสิ่งนี้จะเป็นโอกาสทำงานให้บ้านเมืองได้ ก็ตอบรับไป

           เมื่อถามว่าการรับตำแหน่งดังกล่าวเป็นการปูทางร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐในอนาคตหรือไม่ นายสนธยา กล่าวว่า ไม่ได้คิดเรื่องนี้ การรับตำแหน่งดังกล่าวเพื่อขับเคลื่อนอีอีซี ถึงอย่างไรก็เป็นบ้านเรา เราก็ทำงาน พรรคพลังชลเป็นพรรคท้องถิ่นอยู่แล้ว เราก็ทำงานเพื่อท้องถิ่น และได้มีโอกาสทำงานโดยตรงกับรัฐบาล ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เขาให้เราทำงานให้แก่บ้านเมือง

          “เมื่อมีโอกาสทำงานให้บ้านเมือง ก็ต้องรับ และเวลานี้ผมเป็นหัวหน้าพรรคพลังชล และยืนยันสมาชิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พรรคเราก็ดำเนินการตามปกติ ตามกฎหมาย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง” นายสนธยา กล่าว

ปลื้ม“สนธยา-อิทธิพล”ช่วยงาน

            นายสันต์ศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ ที่ปรึกษาพรรคพลังชล กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ครม.มีมติแต่งตั้งนายสนธยาเป็นที่ปรึกษานายกฯ และนายอิทธิพลเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บุคลากรของพรรคเป็นผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ และเคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีประจำกระทรวง เป็นบุคลากรที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาพื้นที่เข้าไปช่วยงานของรัฐบาล ทั้งการให้ข้อมูลที่ถูกทางและเหมาะสมต่อการพัฒนาในด้านต่างๆ ต่อไป

           “วันนี้เมื่อเราสามารถช่วยงานของรัฐบาลได้ ถือเป็นโอกาสที่ดี ซึ่งคุณสนธยาและคุณอิทธิพลถือเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นเชื่อว่าจะสะท้อนความเห็นในด้านที่เป็นประโยชน์ได้ และประเด็นสำคัญที่อาจต้องผลักดันต่อไปคือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ การท่องเที่ยว รวมไปถึงการปฏิรูปที่เกี่ยวข้องเพื่อให้พัฒนาและปฏิรูปได้จริง” นายสันต์ศักย์ กล่าว

           เมื่อถามถึงการถูกดึงตัวไปช่วยงานรัฐบาลหมายถึงการยอมให้พรรคพลังชลรวมกับพรรคของรัฐบาลในอนาคตใช่หรือไม่ นายสันต์ศักย์ กล่าวว่า เรื่องการเมืองยังตอบไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของอนาคต และหากจะมีโอกาสดังกล่าวมาถึงต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจและความเหมาะสม​ ส่วนการเคลื่อนไหวของพรรคต่อการยืนยันสมาชิกพรรคล่าสุดยังอยู่ระหว่างดำเนินการและยังไม่พบปัญหาหรืออุปสรรคใด

 

\"บิ๊กตู่\"ตกเขียว\"พลังชล\" ดึงร่วมทำงานปัดดีลการเมือง?

 

มอบโล่“น้องแบม”เปิดโปงทุจริต

          ที่ทำเนียบรัฐบาล วันเดียวกัน พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) นำ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม นิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ น.ส.ณัฏกานต์ หมื่นพล อดีตลูกจ้างศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ซึ่งเปิดโปงการทุจริตงบประมาณคนไร้ที่พึ่ง เข้าเยี่ยมคารวะนายกฯ เพื่อรับมอบโล่เชิดชูเกียรติ โดยนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลยินดีและขอขอบคุณ ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่ช่วยกัน ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งกับเราเลย เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของกระบวนการภายในที่มีคนอย่างทั้งคู่เข้ามาทำให้เกิดความถูกต้อง ซึ่งไม่มีปัญหา รัฐบาลตรวจสอบทุกอัน ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว รัฐบาลดูแลอยู่แล้ว อีกทั้งวันนี้โซเชียลมีเดียแรงมาก ถ้ารัฐบาลและครม.รู้ปัญหาก็จะแก้ปัญหาได้ แต่ต้องมีหลักฐาน ถ้าไม่มีพยานหลักฐานเราพูดอะไรไม่ได้ รัฐบาลทำทุกอย่าง เพราะมีกฎหมายอยู่แล้ว คนไม่ดีก็ต้องเอาออกไป นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้กล่าวกำชับกับอธิการบดี ม.มหาสารคาม และกอ.รมน.ในพื้นที่ให้ดูแลทั้งสองคนด้วย

           ทั้งนี้ ระหว่างที่มอบโล่ นายกฯ ได้สอบถาม น.ส.ปณิดาว่าเรียนสาขาอะไร น.ส.ปณิดา กล่าวว่า เรียนสาขาพัฒนาสังคม จากนั้น นายกฯ ได้กล่าวแซวว่า “ถ้าจบเร็วกว่านี้จะตั้งเป็นอธิบดีสักหน่อย ขอให้เรียนให้จบแต่ก็ไม่รู้ว่าจะดูแลได้แค่ไหน เมื่อจบปริญญาตรีแล้วค่อยว่ากัน”

          จากนั้น นายกฯ ได้หันไปสอบถาม พล.อ.อนันตพร ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง โดย พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า สอบไปได้เยอะแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ก็สอบไปเรื่อยๆ ว่าไปตามระเบียบคำสั่ง ส่วนคนที่ให้การเป็นประโยชน์ก็กันไว้เป็นพยาน เพราะถ้ามีพยานก็จะทำอะไรได้ ถ้าพูดกันเฉยๆ แล้วจะเอาอะไรไปเป็นหลักฐาน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในการปราบปรามการทุจริต ทำความดีก็ไม่ต้องกลัว พร้อมดูแลให้ วันนี้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นเยอะ

 

\"บิ๊กตู่\"ตกเขียว\"พลังชล\" ดึงร่วมทำงานปัดดีลการเมือง?

 

บิ๊กป้อมยันร่างกายแข็งแรงดี

           พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรื่องปัญหาสุขภาพที่ผ่านมาว่า “ก็เห็นอยู่นี่แหละ ไม่ได้เป็นอะไรเลย”

            พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวจะมีการแก้ไขคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 53/2560 เรื่องการขยายเวลายืนยันสมาชิกภาพพรรคการเมืองในช่วงหลังสงกรานต์ ว่า ยังไม่มีการหารือแก้ไขคำสั่ง 53/2560

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีการประชุมร่วมกับพรรคการเมืองน้อยใหญ่เพื่อทำความเข้าใจขั้นตอนการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง ซึ่งแม้แต่กกต.เองยังเห็นว่า คำสั่งคสช.ที่ 53/2560 นั้น เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการทางการเมืองของพรรคการเมือง โดยเฉพาะการยืนยันสมาชิกพรรคซึ่งอาจจะไม่ทันเส้นตายภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ ทำให้ล่าสุดพรรคการเมืองต่างๆ ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขคำสั่งคสช. เพื่อผ่อนคลายให้สามารถทำกิจกรรมพรรคการเมืองสะดวกรวดเร็วขึ้น

สนช.พร้อมแจงกฎหมายลูกส.ส.

           ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวว่า การจัดทำความเห็นและเสนอข้อมูลเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาประกอบการวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการเสียงข้างมาก และสมาชิกสนช.ที่ร่วมกันลงชื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประธานสนช.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เชื่อว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้ว

           อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เหลือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับที่รอการประกาศบังคับใช้ คือร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ที่อยู่ระหว่างการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ได้ส่งรายละเอียดที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความไปยังครม.แล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมาย

ภูมิธรรมบอกบิ๊กตู่ไม่ต้องกังวล

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 18 เมษายน ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป แกนนำพรรคเพื่อไทยประมาณ 20 คน อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรมว.ยุติธรรม นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรมว.พลังงาน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกฯ นายวราเทพ รัตนากร อดีตรมช.เกษตรฯ เป็นต้น จะไปออกรอบที่สนามกอล์ฟนิกันติ จ.นครปฐม ของตระกูลสะสมทรัพย์ ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะมีคนในตระกูลสะสมทรัพย์ร่วมก๊วนด้วย ยกเว้นนายเผดิมไชย สะสมทรัพย์ อดีตรมว.แรงงาน ที่ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ จากนั้นจะมีการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันด้วย 

           นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า อย่าเคลื่อนไหวหรือทำอะไรขัดคำสั่งว่า ไม่มีอะไรเลย นายกฯ ไม่ต้องห่วง แค่ก๊วนกอล์ฟของพรรคไปออกกำลังกายกันเท่านั้นเอง ซึ่งก๊วนแกนนำพรรคจะวนไปออกรอบตามสนามต่างๆ เป็นปกติอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็อยากจะไปลองออกรอบสนามระดับโลกบ้าง ดังนั้น นายกฯ ไม่ต้องกังวลกับพวกเรา ทำใจให้สบายๆ ขอให้นายกฯ เอาเวลาไปแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่มีอยู่เยอะแยะเถอะ อย่าสนใจคนที่เล่นกีฬาและอยากออกกำลังกายเลย 

นิพิฏฐ์เหน็บปาฏิหาริย์กฎหมาย

          นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแม็พเว้นแต่อุกกาบาตตกในประเทศไทยว่า ปัจจัยการเลื่อนหรือจะไม่เลื่อนเลือกตั้ง ขณะนี้อยู่ที่การตีความของศาลรัฐธรรมนูญต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ถ้าผลการตีความออกมากฎหมายสองฉบับไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ โรดแม็พน่าจะเดินได้ ไร้ปัญหา แต่หากผลตีความออกมาว่าขัดรัฐธรรมนูญ ก็ต้องมีขั้นตอนการแก้ไข การเลือกตั้งอาจเลื่อนไปอีก

          “จะใช้เวลาแก้ไขกฎหมายนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ เพราะจะยาวหรือสั้นขึ้นอยู่ที่ตามอำเภอใจของคสช. เพราะก่อนหน้านี้ต่อให้ประเทศไทยไม่มีอุกกาบาตมาชน การเลือกตั้งก็เคยเลื่อนมาแล้ว และคลับคล้ายคลับคลามีคนเคยบอกไว้ว่าถ้าไม่เกิดสงครามโลก การเลือกตั้งน่าจะไม่เลื่อนจากปลายปี 61 แต่สุดท้ายก็เลื่อนมาเดือนกุมภาพันธ์ปี 62 จึงเห็นว่าแม้ไม่เกิดสงครามโลก แต่ก็เลื่อนเลือกตั้งได้อีก วันนี้สิ่งที่น่ากลัวกว่าอุกกาบาต และสงครามโลก คือปาฏิหาริย์ทางกฎหมาย ยังวางใจอะไรไม่ได้ ขนาดกฎหมายลูกพรรคการเมืองที่มีผลบังคับใช้แล้ว ผู้มีอำนาจยังใช้มาตรา 44 แก้ไขเลย นับประสาอะไรกับร่างกฎหมายที่ยังไม่บังคับใช้ ถ้าเขาอยากจะแก้ ทำไมจะแก้ไม่ได้” นายนิพิฏฐ์กล่าว

ติงบิ๊กตู่บิดเบือนประวัติศาสตร์

          นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมได้ออกแถลงการณ์ ขอให้ผู้เกี่ยวข้องหยุดเผยแพร่และทำลายหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทยที่บิดเบือนความจริง ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์   ได้มอบให้กรมศิลปากรจัดพิมพ์หนังสือ “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นมาของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายของหนังสือเพื่อตอบสนองเชิงนโยบายของรัฐบาล ให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย แต่ข้อเท็จจริงตามที่ได้ปรากฏในโลกโซเชียลขัดแย้งกันในข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์กับทางวิชาการ มีข้อมูลที่ผู้ไม่ประสงค์ปรองดองใช้โจมตี มีการกล่าวถึงการกำเนิดรัฐไทยที่มีข้อมูลไม่ตรงกัน

           ทั้งนี้ เนื้อหาในเรื่องการเมืองตอนหนึ่งระบุถึงการดำเนินนโยบายแบบประชานิยม และนายทักษิณ ชินวัตร มีปัญหาทุจริตเลือกตั้ง รวมถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำเนินนโยบายเน้นโปร่งใส แต่ใช้นโยบายประชานิยม แต่กลับพูดถึงการเข้ามาของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าทำการรัฐประหารเพื่อขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยมีใจความว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง และใช้หลักคุณธรรม เพื่อนำประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” เนื้อหาดังกล่าวเป็นความเท็จที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ เพราะการปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองในขณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง 

          นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เนื้อหาสาระของหนังสือไม่ได้รับผิดชอบกับความเสียหายของประเทศจากการกระทำของ คสช. ในมาตรา 279 จึงไม่สามารถสะท้อนให้เห็นบริบทใดว่าคือประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ และมีปรากฏการณ์ของการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวาง ทั้งโกงเงินคนจน โกงเงินเพื่อการศึกษา โกงวัคซีนสุนัข โกงตู้น้ำดื่มพลังแสงอาทิตย์ รวมทั้งทำให้องค์การอิสระอ่อนแอ ไม่มีประสิทธิผลในการตรวจสอบ โดยเฉพาะแหวนเพชรแทงตา นาฬิกาหรู

สพฐ.ล้างท่อเชือด31ขรก.ขี้ฉ้อ

           นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ได้รายงานให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รับทราบ เรื่องการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในระบบราชการ ของคสช. ว่า ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีผู้เกี่ยวข้องที่ต้องถูกดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวทั้งสิ้น 31 ราย แบ่งเป็น ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) 5 ราย โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน 1 ราย ให้ออกจากพื้นที่ 3 ราย และให้มาประจำส่วนราชการ 1 ราย

           นอกจากนี้ มีตำแหน่งรองผู้อำนวยการ สพท. 5 ราย ให้ออกจากราชการไว้ก่อน 2 ราย และให้ออกจากพื้นที่ 3 ราย ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา 14 ราย โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมด ตำแหน่งครู 1 ราย ให้ออกจากราชการไว้ก่อน และตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษา 5 ราย ให้ออกจากราชการไว้ก่อน 1 ราย และให้ออกจากพื้นที่ 4 ราย

          ทั้งนี้ ในส่วนที่เป็นอำนาจของเลขาธิการ กพฐ. ในการลงนามในคำสั่ง คือ ตำแหน่งผู้อำนวยการ สพท. รองผู้อำนวยการ สพท. นั้น ได้ลงนามเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือจะส่งให้นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดศธ. แจ้งให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการลงนามคำสั่งต่อไป

            “การใช้มาตรการของ คสช.ครั้งนี้ ถือเป็นการล้างท่อ กรณีให้ออกจากราชการไว้ก่อน คือ มีคำสั่งศาลว่ากระทำความผิดจริง หรือคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง สรุปโทษเพื่อเสนอคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) และเห็นชอบให้ลงโทษแล้ว ส่วนการให้ย้ายออกจากพื้นที่ คือ ผ่านการสืบสวนแล้ว และมีข้อมูลชัดเจนว่า มีแนวโน้มที่จะกระทำผิดจริง จึงให้ย้ายออกจากพื้นที่ไว้ก่อน และอยู่ระหว่างสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง แต่ยังไม่สรุปผล ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้ง เพราะมีการตั้งคณะกรรมการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในระบบราชการของคสช. ของสพฐ. ซึ่งมีเลขาธิการ กพฐ. เป็นประธานพิจารณาโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการถูกฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งผู้ที่ถูกใช้คำสั่งตามมาตรการ คสช.ครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบ กับทำผิดระเบียบพัสดุและระเบียบการเงินการคลัง จนทำให้ราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง โดยทั้ง 31 รายนี้ เป็นอำนาจการพิจารณาของ สพฐ. สำหรับส่วนในพื้นที่ อยู่ระหว่างรอข้อมูลจาก สพท. ซึ่งผมจะหารือกับปลัดศธ.เพื่อเตรียมจะนัดประชุมกับ ศธจ. ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว” นายบุญรักษ์ กล่าว

“ปลอด”รอดคุกศาลให้ประกัน4แสน

           ความคืบหน้ากรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1063/2558 ที่นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน อดีตรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายปลอดประสพ สุรัสวดี อายุ 73 ปี อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย

           ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เมื่อระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2546-12 พฤศจิกายน 2554 ใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ให้ระงับการมอบหมายงานในหน้าที่ตามคำสั่ง 399/2546 ที่ให้เลื่อนและแต่งตั้งโจทก์ขึ้นดำรงตำแหน่งผอ.สำนัก (นักวิชาการป่าไม้ 9)

           ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาแก้ จากเดิมที่ศาลชั้นต้นให้รอลงอาญา 2 ปีและปรับ 20,000 บาท เป็นว่า ให้จำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา แต่ยังคงให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย 1.4 ล้านบาท

           ล่าสุดทนายความของนายปลอดประสพ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว

           โดยศาลอาญาฯ พิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้นายปลอดประสพประกันตัวไประหว่างฎีกา โดยตีราคาประกัน 4 แสนบาท พร้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ