ไม่ควรเลือกตั้ง หาก "นักการเมือง"ไม่พร้อมทำไพรมารี่โหวต

               24 มิ.ย. 2560 - พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ฐานะอดีตประธานคณะ
กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง  สนช.  เรียกร้องไปยังนักการเมืองให้เลิกคัดค้านระบบเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาตัวแทนในเขตเลือกตั้งลงสมัครเป็น ส.ส. หรือ ระบบไพรมารี่โหวต เพื่อแสดงถึงความพร้อมต่อการลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยตนมมองว่ากรณีที่นักการเมืองแสดงความเห็นคัดค้านและท้วงติงกับระบบดังกล่าวเท่ากับแสดงความไม่พร้อม และหากไม่พร้อมก็ไม่ควรเลือกตั้ง

              "นักการเมืองอ้างตลอดว่าประเทศจะเป็นประชาธิปไตยต้องจัดการเลือกตั้ง ซึ่งแนวคิดนี้ตรงกับของเราที่ใช้ไพรมารี่โหวตเลือกผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ คือการเลือกตั้งที่สร้างประชาธิปไตย ดังนั้นอย่าเอาสิ่งที่เป็นปัญหาเพียงเล็กน้อยมาเป็นส่วนที่ขัดขวางการสร้างหรือดำเนินการประชาธิปไตยในประเทศอีกเลย ดังนั้นผมขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่เป็นสถาบันการเมืองทางประชาธิปไตยอย่ารังเกียจกับความลำบากเพียงเล็กน้อย และหันกลับมาร่วมใจสร้างประชาธิปไตยให้ประเทศชาติ โดยไม่รังเกียจการใช้ระบบไพรมารี่โหวตเพื่อหาตัวแทนของพรรคในการส่งสมัครรับเลือกตั้ง" พล.อ.สมเจตน์ กล่าว.

              พล.อ.สมเจตน์ ยังกล่าวถึงข้อเสนอของนักวิชาการที่ให้ปรับระบกติกาไพรมารี่โหวตในร่างกฎหมายลูก อาทิ  กำหนดระบบตรวจสอบไพรมารี่โหวต ของพรรคการเมือง,ไม่ควรทำไพรมารี่โหวตพร้อมกันทั้ง 375 เขต หรือ แก้ปัญหาเรื่องระยะเวลาทำไพรมารี่โหวตที่ไม่กระทบต่อการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ว่า ตนพร้อมรับฟังความคิดเห็น ซึ่งยอมรับว่าการพิจารณาของกมธ.ฯ ที่มีเวลาน้อยอาจทำให้มีประเด็นที่ไม่ครบถ้วน ดังนั้นหากความเห็นต่างๆ จะช่วยเติมบทบัญญัติที่ทำไว้ดีแล้วให้ดียิ่งขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตามในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมีบทบัญญัติกำหนดให้พรรคการเมืองสามารถทำไพรมารี่โหวตก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ประกาศวันเลือกตั้งได้ จึงเชื่อว่าไม่เป็นปัญหาและแม้จะมี พ.ร.ฎ.ใช้บังคับกระบวนการทำไพรมารี่โหวต หากพรรคการเมืองใดเตรียมความพร้อมไว้รองรับ เชื่อว่าภายใน7 วัน จะทำแล้วเสร็จได้

             ขณะที่ประเด็นข้อเสนอให้ขยายสิทธิประชาชนที่ไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรคมีสิทธิร่วมเลือกตัวแทนให้พรรคด้วยนั้น พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยในตอนนี้เพราะสิทธิเลือกผู้แทนของพรรคควรเป็นสิทธิเฉพาะบุคคลที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วเท่านั้น อย่างไรก็ตามข้อเสนอนี้หากวันที่ประชาธิปไตยเข้มแข็ง ควรกลับมาคิดและขยายฐานสู่บุคคลที่ไม่เป็นสมาชิกพรรค.