ข่าว

สนช.เตรียมถกงบ 2.9 ล้านล้านบาท 8 มิ.ย.นี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สนช.เตรียมถกงบ 2.9 ล้านล้านบาท 8 มิ.ย.นี้ รัฐบาลมั่นใจเศรษฐกิจไทยโต 4.3%  พร้อมวาง  6  ยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ เผย ศธ. ยังครองแชมป์รับงบเยอะสุด 5 แสนล้านบาท


 

          6 มิ.ย. 60 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 8 มิ.ย.มีวาระการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2561 วงเงิน 2.9 ล้านล้านบาท  ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยมีสาระสำคัญดังนี้ ภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัว 3.3-3.8% ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัว 3.2%ในปี 2559 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกตามการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและราคาสินค้าในตลาดโลก การขยายตัวของการลงทุนภาครัฐที่อยู่ในระดับสูงและเร่งขึ้น ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3.3-4.3% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2560 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและบริการตามภาวะเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
          ในปีงบประมาณพ.ศ.2561 ได้กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายจำนวน 2.9 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 18 %ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นมีงบประมาณรายจ่ายเพียงพอในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 2.1 ล้านล้านบาท รายจ่ายลงทุนจำนวน 6.5 แสนล้านบาท และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 8.6 หมื่นล้านบาท โดยลดลงจากปีงบประมาณพ.ศ.2560จำนวน 23,000 ล้านบาทหรือลดลง 0.8% ทั้งนี้ มีการประมาณการรายได้สุทธิจำนวน 2.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 15.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และกำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 4.5 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งการขาดดุลงบประมาณดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อวินัยและฐานะการคลังของประเทศในระยะยาว
          สำหรับยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณมีด้วยกัน 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1.ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง จำนวน 273,954 ล้านบาท เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารรถในการแข่งขันของประเทศ จำนวน 476,596 ล้านบาท เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก พัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ 3.ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน จำนวน 575,709 ล้านบาท เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต พัฒนาด้านสาธารณสุขและสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุก รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาศาสนา ศิลปะ และ วัฒนธรรม
          4.ยุทธศาสตร์ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างการเติบโตจากภายใน จำนวน 332,584 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง พัฒนาระบบประกันสุขภาพ สร้างความเสมอภาคเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ส่งเสริมการดำเนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งส่งเสริมสร้างสวัสดิการสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิต5.ยุทธศาสตร์ด้านการจัดการน้ำและสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จำนวน 125,459 ล้านบาท เพื่อจัดการปัญหาที่ทำกินให้กับผู้ยากไร้ บริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศและภัยพิบัติ
          6.ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ จำนวน 784,210 ล้านบาท เพื่อลดปัญหาการทุจริตในสังคมไทย โดยปลูกจิตสำนึกและสร้างค่านิยมให้ทุกภาคส่วนตระหนักรู้ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกด้านการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ได้รับการบริการสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนปรับปรุงโครงสร้างอัตราภาษีและระบบการจัดเก็บภาษีอย่างเป็นธรรม
          นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดสรรงบประมาณไว้ในรายการค่าดำเนินการภาครัฐจำนวน 331,485 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการรองรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมายสำหรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ แบ่งเป็นแผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำนวน 70,666 ล้านบาท และ แผนงานบริหารจัดการหนี้ภาครัฐจำนวน 260,819 ล้านบาท
          ขณะที่ สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.กระทรวงศึกษาธิการ 510,961 ล้านบาท 2.กระทรวงมหาดไทย 355,995 ล้านบาท 3.กระทรวงการคลัง 238,356 ล้านบาท 4.กระทรวงกลาโหม 222,436 ล้านบาท และ 5.กระทรวงคมนาคม 172,876 ล้านบาท.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ