ข่าว

‘วิลาศ’เข้าเกียร์เอาผิด‘อมร-จุมพล’เอี่ยวทุจริตไฟ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“วิลาศ”เข้าเกียร์เอาผิด2รองผว.กทม.เพิ่ม“อมร-จุมพล”เอี่ยวทุจริตไฟ กทม.ยื่นหลักฐานทุจริตเพิ่มอีก2โครงการให้สตง.สอบอังคารหน้าแฉยิบซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดลากจูง-รถขัด

          วันที่ 8 พฤษภาคม 2559 นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ สตง.ชี้มูลความผิดโครงการประดับไฟ กทม.ว่ามีการทุจริตส่อว่ามีการฮั้วประมูลว่า ได้มีการประสานงานไปยัง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อเอาผิดกับ นายจุมพล สำเภาพล และ นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ซึ่งมีการทุจริตแน่นอน จึงควรมีการกล่าวหาเพิ่มเติม เนื่องจากบุคคลทั้งคู่มีส่วนดำเนินการโครงการนี้ด้วย โดยในส่วนของ นายจุมพล เป็นผู้เซ็นอนุมัติและนายอมรเป็นผู้ออกมารับรองว่าโครงการนี้มีความโปร่งใส จะยื่นหนังสือถึง สตง.ในวันอังคารที่ 10 พฤษภาคม นอกจากนี้จะยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเพิ่มเติมอีกสองประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเดียวกับที่ได้งานประดับไฟ กทม. กรณีการจัดอีเวนท์โฆษณาการท่องเที่ยว กทม.ในต่างประเทศ โดยมีเอกสารว่า สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจ้างบริษัทนี้ 9 ครั้ง ครั้งแรก ในปี 2553 ทำมาเรื่อยๆ จนถึงปี 2558 รวมงบประมาณ 36 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการในปีงบประมาณ 2558 มีการจัดซื้อเครื่องดนตรีไทย บริษัทนี้ก็ได้งานอีก ทั้งที่เพิ่งจดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์ในปี 2558
 
          นายวิลาศ กล่าวว่า จะยื่นเรื่องให้ตรวจสอบอีกสองเรื่อง คือ เครื่องสูบน้ำชนิดลากจูงซึ่งของยุโรปไม่เกินสี่แสนต่อเครื่อง แต่ กทม.ซื้อเครื่องจากจีนขายในราคากว่า 9 แสนบาท จำนวนสองร้อยเครื่องแต่กองไว้ไม่สามารถใช้งานได้ จนมีการวิจารณ์ว่ากรณีนี้ไม่โง่ก็โกง นอกจากนี้ยังมีกรณีการซื้อรถขัดพื้นคันละ 6 ล้านบาท มีการจัดซื้อไปแล้ว 20 คัน ซึ่งตามแผนจะจัดซื้อทั้งหมด 50 คันเหลืออีก 30 คัน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ถ้าคนมีสมองไม่ซื้อ โดยกรณีนี้เกี่ยวข้องกับนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯกทม. ที่รับผิดชอบสำนักรักษาความสะอาดและสำนักโยธาฯ ซึ่งมีการนัดเซ็นสัญญากันแล้ว ถ้าทันจะยื่นพร้อมกันในวันอังคาร จากนั้นยื่น ปปช.ต่อไป
 
          ส่วนกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่ายังไม่สามารถใช้มาตรา 44 ดำเนินการกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ได้ เพราะเพิ่งอยู่ในขั้นตอนที่ สตง.ตรวจสอบเท่านั้น นายวิษณุ กล่าวว่า หากนายวิษณุจะให้ความร่วมมือเกี่ยวกับการปราบทุจริตถ้าสงสัยก็ต้องจัดการ เมื่อ สตง.สอบแล้วก็ถือว่าเกินสงสัยไปแล้ว ซึ่งการใช้อำนาจมาตรา 44 ที่ผ่านมาก็มาจากการตรวจสอบของ สตง.เป็นส่วนใหญ่ คำพูดของนายวิษณุถือว่าแตกต่างจากแนวทางปฏิบัติเดิมตนจึงไม่ทราบว่ามีการลักไก่หรือไม่ หากทำเช่นนี้ตนคิดว่านายวิษณุขัดคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ต้องการปราบปรามการทุจริต เพราะ สตง.แถลงพร้อมเอกสารชัดเจนใครได้อ่านก็หลับตานึกภาพได้ว่าได้กันไปเท่าไหร่จากที่สำแดงราคานำเข้า 29 ล้าน แต่มาเช่าไฟในราคา 39.5 ล้านบาท โชว์แล้วต้องเก็บคืน นอกจากนี้ยังมีที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.ท่านหนึ่งโพสต์เฟสบุ๊กว่า กรณีนี้มีส่วนต่างเกิดขึ้นก็ยิ่งมีความชัดเจนว่าโครงการนี้มีปัญหา นอกจากนี้ขอฝากให้สอบเส้นทางการเงินของสุภาพสตรีคนหนึ่งที่เป็นข้าราชการระดับกลางในกทม. ถือกระเป๋าแบรนด์เนมทุกวันซึ่งอยู่ในเรื่องร้องเรียนด้วย หากมีการตรวจสอบจะพบโยงใยได้หมด เพราะตนมีพยานยืนยันว่ามีการผ่านเงินจากข้าราชการคนนี้ ซึ่งตนได้ประสานไปยัง ปปง.แล้วแต่ทาง ปปง.ยังต้องรอให้มีการตั้งเรื่องจาก สตง.หรือ ปปช. ทำให้ติดขัดอยู่จึงอยากให้นายวิษณุดำเนินการในส่วนนี้ด้วย
 
 
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ