ข่าว

ย้อนรอยขอนแก่นโมเดลแผนร้ายที่ยังคงอยู่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ย้อนรอยขอนแก่นโมเดล แผนร้ายที่ยังคงอยู่ : ศูนย์ข่าวภาคอีสานรายงาน

           “ขอนแก่นโมเดล” คำเชิงลบที่หลอกหลอนชาวขอนแก่นมาตลอด 1 ปี กระแสความหวาดกลัวการก่อการร้าย เมื่อช่วงเหตุการณ์บ้านเมืองยังรุนแรง มีการแบ่งสีแบ่งฝ่ายชัดเจน วันนี้กลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีพบความเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงการจัดกิจกรรมปั่นเพื่อนพ่อในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และล่าสุดมีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว จ.ส.ต.ประทิน จันทร์เกศ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงขอนแก่นโมเดล อดีตพนักงานรักษาความปลอดภัย ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาขอนแก่น ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับการประกันตัวออกมาก่อนหน้านี้ไว้แล้ว

           จากขอนแก่นโมเดล เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 กับวันที่มีกระแสข่าวก่อนหน้าวันลอยกระทงปี  2558 และในอีกไม่กี่วันที่จะมีการจัดกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ รวมถึงวันปีใหม่ ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลอง มีคนหมู่มากมารวมตัวกัน เมื่อมีข่าวการจับกุมผู้ต้องหาขอนแก่นโมเดลตัวฉกาจ ทำให้ความรู้สึกหวาดกลัวกลับมาหลอกหลอนอย่างมาก

           ย้อนรอยขอนแก่นโมเดล คดีแห่งความรุนแรงเปิดเผยขึ้น  หลัง คสช.ยึดอำนาจเพียง 1 วัน ในช่วงเย็นวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ทหาร ตำรวจและพลเรือนกว่า 50 นาย บุกเข้าจับกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังประชุมกันอยู่ในอพาร์ตเมนต์หรู ริมบึงหนองโคตร บ้านกอก ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ. ขอนแก่น หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวเข้าออกผิดปกติของกลุ่มชายฉกรรจ์ เมื่อทราบจุดแน่ชัด เจ้าหน้าที่ได้จู่โจมไปที่ชั้น 4 ของอพาร์ตเมนต์แห่งนั้น  พบคน 2 กลุ่ม แยกห้องประชุมเป็น 2 ห้อง โดยห้องพักหมายเลข 406 มีคนประชุมอยู่ 10 คน ห้องหมายเลข 407 มีคนนั่งอยู่ 9 คน และจับกุมได้ในห้องพักอีก 2 คน ทั้งหมดรวม 21 คน เป็นชาย 20 คน  มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ตรวจค้นเบื้องต้นทั้งหมดไม่มีอาวุธสงครามพกติดตัว

           จากการตรวจสอบรถของผู้ต้องหาทั้ง 10 คัน  ที่จอดอยู่ลานจอดรถ โดยรถแต่ละคันบ่งบอกว่าแต่ละคนไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป แต่ถือว่าเป็นคนที่พอมีอันจะกิน ซึ่งมีทั้งรถเก๋งและรถกระบะ ป้ายทะเบียนทั้งจากกรุงเทพฯ ขอนแก่น นครราชสีมา และชัยภูมิ

           การค้นรถพบอาวุธสงครามหลายรายการ ทั้งกระสุนปืนและวัตถุระเบิด และที่น่าตกใจคือ มีเอกสารเกี่ยวกับอุปกรณ์ระเบิด เอกสารการฝึกของกลุ่ม อพปช. ผ้าพันคอของ อพปช.อีกจำนวนมาก บัตรสมาชิก นปช.และภาพถ่ายของผู้ต้องหาที่เคยถ่ายกับบุคคลสำคัญๆ เอาไว้อีกหลายแผ่น โดยเฉพาะภาพถ่ายกับ เสธ.แดง

           จากการตรวจสอบกระเป๋าสตางค์และกระเป๋าเดินทางของทั้งหมดพบว่า แต่ละใบพบว่ามีราคาค่อนข้างแพง ข้างในกระเป๋ามีบัตรเครดิตหลายใบ และโทรศัพท์ส่วนใหญ่เป็นเครื่องสมาร์ทโฟนที่ราคาหลายหมื่นบาทแทบทั้งสิ้น

           จากนั้นผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลาง ถูกนำตัวไปควบคุมที่ค่ายสีหราชเดโชไชย ซึ่งอยู่ติดกับสนามบินขอนแก่น เพื่อสอบปากคำ

           จากการสอบประวัติเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ทหารควบคุมตัวไว้ชื่อ มีชัย ม่วงมนตรี ชาว อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด แกนนำกองทัพปราบกบฏ ที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อีสานกลาง, จ.ส.ต.ประทิน จันทร์เกศ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีภาพถ่ายสมัยเข้าฝึกเป็นอาสาสมัครตำรวจและมีภาพถ่ายกับบุคคลสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย

           น่าสนใจคือ ชื่อของ จ.ส.ต.ประทิน กลับมาโผล่อีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวในฐานะมือโพสต์เตรียมป่วนงานปั่นเพื่อพ่อ ทำให้คดีทั้งสองจึงเชื่อมโยงเป็นรูปเป็นร่างขึ้น

           นอกจากนี้กลุ่มผู้จับกุมยังมีี เสนอ นันทน์ธนกุล ประธาน อพปช.นครราชสีมา อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญและเคลื่อนไหวในนามของ อพปช.มาตลอด และมีความใกล้ชิดกับ “แรมโบ้อีสาน” หรือสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ประธาน อพปช. ทั้งเคลื่อนไหวรับสมัคร อพปช. และเผาโลงศพประท้วงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อครั้งวินิจฉัยคดีจำนำข้าว

           เช้าวันที่ 24 พฤษภาคม มีข่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง จะมาสอบปากคำและตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเอง แต่ท้ายที่สุดได้ส่ง พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 และพล.ต.ศักดา เปรุนาวิน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารราบที่ 3 เป็นผู้มาตรวจสอบและเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า  ผู้ต้องหาสารภาพว่า จะนำอาวุธทั้งหมดไปก่อเหตุสร้างความวุ่นวายทางการเมือง ตามคำสั่งของแกนนำคนเสื้อแดง เพื่อหวังให้เป็น “ขอนแก่นโมเดล” เหมือนเมื่อครั้งที่มีกองกำลังคนเสื้อแดงบุกไปเผาสถานที่ราชการ เผาธนาคาร และสถานที่สำคัญๆ อีกหลายแห่ง เป็นการก่อเหตุปะทุเบื้องต้น แล้วให้อีกหลายจังหวัดบึ้มตาม

           ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม 2557 พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 แถลงข่าวว่า จับกุมกลุ่มผู้ไม่หวังดี 21 ราย ที่ชลพฤกษ์อพาร์ตเมนต์ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พร้อมอาวุธเตรียมก่อเหตุในหลายจุดของ จ.ขอนแก่น ส่วนใหญ่เป็นประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ และสุรินทร์ ล่าสุดจับเพิ่มได้อีก 5 ราย ที่ จ.สุรินทร์ พร้อมหลักฐานสำคัญที่เป็นแผนการเตรียมก่อเหตุจลาจล การจัดหาอาวุธสงครามใช้ก่อเหตุในเขต อ.เมือง จ.ขอนแก่น ปืนสั้นอีก 1 กระบอก ผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นคนใน จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ และสุรินทร์

           ขบวนการของกลุ่มขอนแก่นโมเดลมี “ผู้บงการใหญ่อยู่ต่างประเทศ” มีแกนนำระดับจังหวัด 7 คน คอยจัดหามวลชนจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) และกองทัพปราบกบฏ จากนั้นจะคัดเลือก ฝึกฝนการรบ ใช้อาวุธปืนและระเบิด โดยมีแกนนำ 2 คนจัดหาอาวุธ จากนั้นจะแบ่งกลุ่มปฏิบัติการเป็น 3 กลุ่ม คือ กองทัพปราบกบฏ กลุ่มเดินสายฝึกอาวุธ และกลุ่มหัวใจสิงห์ โดยนักการเมืองระดับประเทศให้การสนับสนุนเงิน

           จากการสอบสวนพบว่า กลุ่มบุคคลกลุ่มนี้เตรียมก่อวินาศกรรมต่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจและการเงิน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากนักการเมืองจำนวน 5 ล้านบาท ใช้ในการประชุมนัดหมายวางแผนก่อความไม่สงบ มีการเตรียมอาวุธสงครามจำนวนมาก จากการสอบสวนสาเหตุที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีรวมกลุ่มกัน เพื่อเตรียมการก่อเหตุในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ต้องการโครงสร้างขอนแก่นโมเดล มีผู้บงการใหญ่อยู่ต่างประเทศ ทำงานเป็นลำดับขั้นตอน และการจับกุมกลุ่มผู้ไม่หวังดี 23 คนแรก ยืนยันว่า มีเจ้าของโครงการสั่งการให้ทำ แต่ไม่กล้ายืนยันตัวบุคคล โดย 23 คนที่ถูกจับทำหน้าที่ในส่วนสนับสนุนและส่วนปฏิบัติการจัดหาอาวุธ ตามแผนการขอนแก่นโมเดล

           “แผนการลงมือขอนแก่นโมเดลนั้น แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ 1.ระดมมวลชนให้มากที่สุด 2.เจรจาปลดอาวุธเจ้าหน้าที่ 3.เจรจาเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร 4.ทำลายสถาบันการเงินและนำเงินมาแจกจ่ายให้ประชาชน (ปฏิบัติการโรบินฮู้ด) “ทั่วปฐพีหนี้เป็นศูนย์” ซึ่งหากกลุ่มผู้ไม่หวังดีก่อเหตุที่ จ.ขอนแก่น สำเร็จ อาจมีการก่อเหตุที่ภาคเหนือ การที่ทหารจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาได้ ทำให้แผนการก่อเหตุต่างๆ หยุดชะงัก” พล.ต.ธวัช กล่าวในคราวนั้น

           ที่น่าตกใจคือ ข้อมูลที่ว่า สถานที่ป่วนเมืองในปฏิบัติการขอนแก่นโมเดล เป็นสถานที่สำคัญทั้งสิ้น ทั้งห้างสรรพสินค้าดังใจกลางเมืองขอนแก่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งตั้งอยู่ย่านใจกลางธุรกิจของเมืองขอนแก่น และยังมีโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนอยู่ใกล้ๆ ที่นัดบึ้ม เผาพร้อมกันทุกจุดในวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม โชคดีที่ถูกจับกุมก่อนการป่วนครั้งใหญ่ไม่กี่ชั่วโมง มิเช่นนั้น จ.ขอนแก่น คงย่ำแย่และเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมากมาย

           หลังจากถูกจับกุม ในอีก 5 เดือนถัดมา วันที่ 21 ตุลาคม 2557 ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกนำตัวมาขึ้นศาลครั้งแรกที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น อัยการสั่งฟ้องใน 9 ข้อหาหนัก

           1.ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง

           2.ร่วมกันสะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือรู้ว่าจะมีผู้ก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้

           3.เป็นซ่องโจร

           4.มีและร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย

           5.มีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

           6.พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควร

           7.มีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาต

           8.มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

           9.มีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

           ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว

           แต่ต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม มีผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว 2 คน และถัดมาอีก  1 เดือน มีผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวอีก 5 คน รวมเป็น 7 คน  ซึ่งทั้ง 7 คนนี้ มีโรคร้ายแรง เช่น โรคเอดส์ โรคเบาหวาน โรคความดัน ศาลจึงอนุมัติให้ประกันตัวออกไป ส่วนที่เหลืออีก 19 คน ยังไม่ได้รับการประกันตัว

           ทั้งนี้การก่อตัวของขอนแก่นโมเดลมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความปั่นป่วนด้วยรูปแบบการจลาจลเพื่อหวังให้ชาติวุ่นวายย่อยยับ แม้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมกลุ่มผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี แต่คลื่นใต้น้ำขอนแก่นโมเดลยังคงอยู่

           ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ ปัจจุบันมีความพยายามนำ “ขอนแก่นโมเดล” กลับมาสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติอีกครั้ง...!

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ