ข่าว

พระสุเทพซาบซึ้งคำสอนท่าน‘พุทธทาส’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ซาบซึ้งคำสอนท่าน‘พุทธทาส’ ‘คนเราแพ้ได้...แต่อย่าละความเพียร’

                 "อันที่จริง อาตมาคิดอยู่ในใจนานแล้วเรื่องจะบวช แต่ว่าอาตมาเป็นคนที่ถ้าไม่ชัดเจน ก็ยังไม่พูด อีกอย่างระหว่างที่ยังนำการต่อสู้ ถ้าบอกว่าสู้เสร็จแล้วจะไปบวช ก็คงไม่ดีเท่าไหร่ เพราะอาจมีผลต่อการต่อสู้ ตอนนั้นต้องหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของการต่อสู้ของมวลมหาประชาชนให้ดี...

                 "...อาตมานำคนไปต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน แต่เมื่อมีผู้เสียชีวิต แน่นอนเราก็มีความทุกข์อยู่ในใจ เงินทองและความช่วยเหลือที่ให้ไป ไม่สามารถชดเชยชีวิตที่เสียไปได้ ภรรยาและลูกเขาที่ยังอยู่ ก็ต้องเผชิญกับความทุกข์ ทางด้านจิตใจ ดวงวิญญาณที่จากไปก็คงไม่คลายกังวล อาตมาจึงคิดจะบวชเพื่อบำเพ็ญธรรม อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้"

                 พระสุเทพ ปภากโร หรือ พระสุเทพ เทือกสุบรรณ ขณะจำวัดอยู่ที่วัดธารน้ำไหล หรือ สวนโมกขพลาราม ให้สัมภาษณ์ "นิตยสารลิปส์" ฉบับพิเศษ ปักษ์หลังเดือนกันยายน 2557 หลังตัดสินใจก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ในขณะที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจการปกครอง

                 ที่น่าสนใจ ท่ามกลาง กปปส.เตรียมจัดกิจกรรมครบรอบ 1 ปีของการชุมนุมที่ผ่านมา ก็คือ พระสุเทพ ได้อะไรจากการบวชครั้งนี้ ที่บอกเล่าผ่านนิตยสารลิปส์

                 "พระที่สวนโมกข์ฉันมื้อเดียวเท่านั้น ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ เมื่อก่อนนอนหลับยาก หรือถ้านอนน้อยในวันนั้นก็จะแย่ เดี๋ยวนี้นอน 5 ชั่วโมงได้ คือ นอน 4 ทุ่ม ตื่นตีสาม และเวลาจะนอนไม่ถึง 10 นาทีก็หลับสนิทแล้ว ล้มตัวลง ก็เริ่มพิจารณาลมหายใจตัวเอง บางทีแค่ 5 นาทีเอง แต่ก็ไม่ถึงกับหลับยาว อีกสิ่งหนึ่งคือ ไม่มีความกลุ้มใจใดๆ เมื่อก่อนกลุ้มหลายเรื่อง แต่ที่นี่ อาตมาไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ฟังวิทยุ ไม่ดูโทรทัศน์ พระที่นี่ไม่ดูโทรทัศน์กันอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรที่ทำให้เป็นห่วง กังวล หรือกลัดกลุ้ม...

                 "พระที่นี่ไม่มีการแจกเครื่องรางของขลัง สายสิญจน์ หรือผูกดวง สิ่งที่ท่านพุทธทาสทำคือ ท่านปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ของดีที่วัดนี้จะให้จึงเป็นธรรมะเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้ พระก็ทำวัตร สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ฉันข้าวมื้อเดียว ฉันข้าวในบาตร อาหารรวมกันทุกอย่าง ขณะฉันข้าวก็ต้องมีการพิจารณา ว่าเราได้พิจารณาโดยรอบคอบแล้ว ว่าอาหารที่เราฉันเข้าไปไม่ได้ฉันเพื่อความเอร็ดอร่อย แต่เพื่อให้ตั้งอยู่ได้แห่งกายนี้"

                 ขณะเดียวกัน ที่ถือว่าสำคัญก็คือ การได้เรียนรู้ธรรมะของท่านพุทธทาส โดยหลวงลุงสุเทพ เล่าว่า หมดกิจสงฆ์ในแต่ละวัน และว่างเว้นจากญาติโยมที่เดินทางมากราบเยี่ยมอยู่บ้าง ก็ใช้เวลาส่วนตัวหมดไปกับการอ่านหนังสือธรรมะของท่านพุทธทาส อันเป็นมรดกธรรมอันล้ำค่าแก่ผู้บวชเรียนและพุทธศาสนิกชนรุ่นหลัง

                 "อาตมาอ่านหนังสือที่ได้มาจากท่านอาจารย์โพธิ์ พระภาวนาโพธิคุณ ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดสวนโมกข์ เป็นพระผู้อาวุโสสูงสุดของวัดแห่งนี้และเป็นผู้ดูแลอาตมา ก็มอบหนังสือให้อ่านทีละเล่มๆ อาตมาเริ่มจาก 'หนังสือธรรมะเล่มน้อย' แต่ขนาดและความหนา 400 หน้า เป็นเล่มที่ท่านพุทธทาสเทศน์เอาไว้เกี่ยวกับภาพรวมและหัวใจของพุทธศาสนา ส่วนใหญ่ว่าด้วยเรื่องจิตของคน ตัวอย่างเช่น จิตของคนแต่เดิมนั้น เป็นจิตที่ประภัสสรผ่องแผ้ว แต่เพราะมามัวหมองเพราะมีกิเลสเข้าไปครอบงำ เพราะฉะนั้น หัวใจของพุทธศาสนา คือ ทำอย่างไรจึงจะฝึกจิตให้สามารถที่จะเป็นอิสระจากการครอบงำของกิเลสได้ และได้พูดถึงว่าทั้งหมดทั้งหลายในโลกนี้ ล้วนแต่เป็นทาสทางธรรมชาติทั้งหมดทั้งสิ้น อันมีความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน ไม่มีอะไรที่จะต้องไปยึดติด เพื่อไม่ให้มนุษย์ไปยึดถึอว่า นี่เป็นของเรา นี่เป็นตัวเรา ก็ไม่ถูกกิเลสครอบงำ...

                 "สิ่งที่ได้รับอีกอย่าง จากการได้มาสัมผัส ก็คือ ปณิธานของท่านอาจารย์พุทธทาส คือ ท่านอุทิศตัวเองศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าจริงจัง ท่านจึงสร้างสวนโมกข์ขึ้นมาอยู่กับธรรมชาติ มีต้นไม้ มีป่า อาตมา (พระสุเทพ) เคยอยู่กับคนเป็นล้านๆ คน วันนี้ก็มาอยู่กับต้นไม้เป็นล้านๆ ท่ามกลางความเงียบสงบ ก็สามารถพิจารณาธรรมะของพระพุทธเจ้าได้

                 เมื่อ 23 ปีก่อนที่อาตมามาบวชที่นี่ อาตมานั่งสมาธิได้ยาวกว่านี้ มาบวชคราวนี้ นิวรณ์มันมาก คิดนั่นคิดนี่ คิดถึงพี่น้องที่เคยต่อสู้ด้วยกัน คิดถึง กปปส.ด้วยกัน ก็ต้องใช้เวลา แต่ในการปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าสอนว่า ต้องมีความเพียร อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ และอย่าไปคิดว่าจะต้องสำเร็จวันนี้ ในการฝึกสมาธิ ฝึกวิปัสสนา เราหายใจเข้าก็ให้จิตมันติดกับลมหายใจ พอลงไปถึงท้อง เอ้า! จิตกลับไปที่อื่นแล้ว ไปกรุงเทพฯ แล้ว ไปอเมริกาแล้ว แต่ไม่เป็นไร เราพาจิตกลับมาใหม่ นับหนึ่งใหม่ ท่านพุทธทาสสอนไว้เลยว่า คนเราแพ้ได้ แพ้เป็นร้อยหนพันหนก็ได้ แต่อย่าละความเพียร อันที่จริงเรื่องใหญ่คือ เรื่องใจ คือต้องดูแลใจตัวเองไม่ให้วุ่นวาย"

                 การปฏิบัติธรรมของสวนโมกขพลาราม เป็นการทำสมาธิภาวนาแบบอานาปานัสสติ แบบเดียวกับที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติเมื่อตอนตรัสรู้ คือนั่งขัดสมาธิ และกำหนดให้รู้ตัวว่าเรากำลังหายใจเข้า หายใจออก เมื่อเราควบคุมจิตให้อยู่กับลมหายใจได้ เราก็จะเกิดสมาธิ พอมีสมาธิแล้วจะมีปัญญา และได้พิจารณาธรรมะของพระพุทธเจ้า

                 ส่วนถามว่าจะบวชนานแค่ไหน? ชีวิตหลังลาสิกขาจะพาตนเองไปอยู่ ณ จุดใด

                 "โยมก็ถามกันมามาก แต่ถามใจอาตมาก็คือ ยังไม่กำหนด แต่โยมถามกันมากเข้า อาตมาก็พอบอกให้เห็นภาพว่า อาตมานำคนต่อสู้มาได้ 204 วัน ถ้าอาตมาทำได้อาตมาก็อยากบำเพ็ญธรรมให้ครบ 204 วัน ถ้ามีเหตุที่ทำให้ใครต้องเสียอกเสียใจ ต้องสูญเสียเลือดเนื้อชีวิต อาตมาก็จะบำเพ็ญบุญให้ทุกวันๆ และถ้าครบ 204 วัน ก็จะประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แล้วถึงตอนนั้นค่อยนั่งพิจารณากันอีกที่ว่าชีวิตต่อไปของเราไปอยู่ที่ไหนถึงจะดี จะบวชต่อไป ทำประโยชน์ได้นั่นดีไหม หรือจะเป็นฆราวาสดี ถ้าในทางพระ คือ แล้วแต่เหตุ แล้วแต่ปัจจัย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ มีปัจจัยให้เกิดขึ้นทั้งนั้น ชีวิตของเราก็แล้วแต่เหตุ แล้วแต่ปัจจัยเช่นกัน"

 

...............................

(หมายเหตุ : ขอบคุณภาพจากนิตยสารลิปส์)
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ