ข่าว

ชาวนครปฐมแห่กู้เงิน‘ธอส.’ขอสินเชื่อโครงการ‘บ้านประชารัฐ’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชาวนครปฐมแห่กู้เงินธนาคารอาคารสงเคราะห์หลังรัฐบาลหนุนงบกว่า 2 หมื่นล้านเปิดสินเชื่อโครงการบ้านประชารัฐ เพื่อให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้มีบ้านพักอาศัย

 
          วันที่ 1 เม.ย.59 ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ อ.เมือง จ.นครปฐม นายวิทยา แสนภักดี รักษาการ รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานสาขาภูมิภาค ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมการดำเนินการปล่อยสินเชื่อโครงการบ้านประชารัฐ ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณอุดหนุนจำนวน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้รับโอกาสในการซื้อบ้านอยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าปกติ โดยพบว่า ที่สาขานครปฐมมีประชาชนเดินทางมายื่นเรื่องขอสินเชื่อเป็นจำนวนมากกว่า 30 ราย ซึ่งในเช้าวันนี้ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขานครปฐม ได้มีการอนุมัติปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 7 ราย ซึ่งนายวิทยา แสนภักดี ได้เป็นตัวแทนธนาคารฯมอบของที่ระลึกให้กับผู้ยื่นกู้ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อชุดแรก โดยเชื่อว่าโครงการบ้านประชารัฐ จะตอบสนองความต้องการให้กับประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรกได้เป็นอย่างดี
  
          นายวิทยา แสนภักดี รักษาการ รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานสาขาภูมิภาค ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า โครงการบ้านประชารัฐเกิดจากนโยบายของรัฐบาล ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของการให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้มีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยมอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นหน่วยงานหลัก และมีพันธมิตรร่วม อย่างธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทย ซึ่งในส่วนของธนาคารอาคารสงเคราะห์ในสาขาต่างจังหวัดก็พบว่าบรรยากาศคึกคัก ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีประชาชนทยอยมายื่นกู้เงินอยู่ตลอดทุกวัน ตนคิดว่าเป็นโอกาสดีของประชาชนคนไทยในรอบหลายๆปีที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการมีที่อยู่อาศัยเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตโดยเฉพาะพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
 
          สำหรับผู้ที่ ยื่นขอกู้ในโครงการบ้านประชารัฐ จะต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อนและจะทำการซื้อบ้านหลังแรกเท่านั้นและมียอดเงินกู้ได้เกิน 1.5 ล้านบาท หรือ จะกู้ซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างก่อได้หรือมีที่ดินอยู่แล้วกู้ปลูกสร้างบ้านใหม่ก็ได้ หรือกู้เพื่อซ่อมแซมต่อเติมบ้านก็ได้เช่นกัน ส่วนความแตกต่างของการกู้สินเชื่อปกติกับกู้สินเชื่อในโครงการบ้านประชารัฐ จะเห็นได้ถึงความแตกต่างในเรื่องการผ่อนปรน คืออัตราการผ่อนชำระหรือ DSR ซึ่งจากลูกค้าปกติทั่วไปเราจะคิดจากรายได้ 33% มาผ่อน แต่โครงการบ้านประชารัฐ จะคิดให้จากรายได้สุทธิที่ 50% ทำให้พี่น้องประชาชนทีโอกาสที่ได้รับวงเงินการกู้ที่สูงขึ้น และ อัตราดอกเบี้ยจะถูกกว่าปกติ ส่วนการพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระนั้น ทางธนาคารยังคงต้องพิจารณาตามเกณฑ์ปกติ เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องมาแบกหนี้เป็นภาระ แต่ทางธนาคารนั้นต้องการให้ประชาชนมีบ้านจริงๆมากกว่า
 
          นายสมชาย วันดี เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรวันดีแลนด์ บอกว่า ต้องขอขอบคุณทางธนาคารฯที่สนองนโยบายรัฐบาล เพราะลูกค้าของเราส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าระดับล่าง มีรายได้น้อย แต่มีการประกอบอาชีพจริง แต่จะไม่เข้าใจถึงเรื่องการเดินบัญชี พอมีโครงการบ้านประชารัฐเข้ามาก็ทำให้การกู้ซื้อบ้านง่ายมากขึ้น เป็นการช่วยเหลือคนจนจริงๆ
 
          นางอัจฉรา มั่นเสม อายุ 39 ปี บอกว่า ตนเดินทางมายื่นขอกู้เงินเพื่อซื้อบ้านครั้งนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ธนาคารเป็นอย่างดี และเราสามารถผ่อนได้ยาวสูงสุดถึง 30ปี ดอกเบี้ยก็ถูกกว่า และสามารถผ่อนได้ในราคาที่ไม่สูงมาก และบ้านที่ตนซื้อก็เป็นทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งตนขอวงเงินกู้ประมาณ 9 แสนบาทเศษ ผ่อนเดือนละ 4,500 บาท รวมประกันเรียบร้อย ซึ่งการขอสินเชื่อโครงการบ้านรัฐประชา ก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ