ครบรสเรื่องราวดีๆ ที่บุรีรัมย์

          หากพูดถึงการท่องเที่ยวของภูมิภาคอีสานใต้ ชั่วโมงนี้คงไม่มีจังหวัดไหนฮอตไปกว่า “บุรีรัมย์” แน่นอน ตอกย้ำความน่าสนใจให้เพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อ “นายกตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำทีมครม.สัญจรมาเยี่ยมเยือนเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ยิ่งทำให้บุรีรัมย์กลายเป็นเมืองที่หลายคนกล่าวขานถึงและกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เป็นแค่จังหวัดทางผ่าน และวันนี้เรามีโอกาสร่วมทริปกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินทางมาทำความรู้จักกับเมืองนี้อย่างเป็นทางการในหลากหลายแง่มุม

ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์

          บุรีรัมย์ชึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟที่มีมากถึง 6 ลูก มาเหยียบดินแดนภูเขาไฟก็ต้องไปชมให้สมราคาคุยกันหน่อย แต่ก่อนอื่นต้องแวะสักการะ ศาลหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อน โดยกรมศิลปากรช่วยออกแบบและสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2548 เป็นศิลปะขอมโบราณเลียนแบบปราสาทหินพนมรุ้ง เพื่อเป็นการบ่งบอกเอกลักษณ์และตัวตนของคนที่นี่ได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญเป็นการรักษาวัฒนธรรมอันดีงามไว้ในคนรุ่นหลังได้สืบทอดกันต่อไป 

วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง

     

พระสุภัทรบพิตร       

          ได้เวลาของการเยี่ยมชมภูเขาไฟลูกแรกที่ วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง เป็นปากปล่องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว มีอายุประมาณ 3 -9 แสนปี บนพื้นที่ 1,450 ไร่ปกคลุมด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าขนาดเล็ก นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังเป็นแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาที่สำคัญด้วย ส่วนนักท่องเที่ยวที่อยากมาชมการแสดงโชว์แสงสีเสียงจะจัดในช่วงปลายเดือนธันวาคมของทุกปี ที่สำคัญอย่าลืมขึ้นเขาไปสักการะ “พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่คู่บ้านคู่เมือง    

ปราสาทหินพนมรุ้ง 

          ภูเขาไฟลูกถัดมาเป็นที่ตั้งของ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ที่หลายคนบอกว่า มาบุรีรัมย์หากไม่ได้มาที่นี่ถือว่ายังมาไม่ถึง เราจึงไม่พลาดที่จะกลับไปเยี่ยมสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่านี้อีกครั้ง แม้ว่าวันนี้จะต้องผจญกับสายฝนที่เทลงมาอย่างหนักหน่วง แต่ก็ไม่ทำให้ความสวยงามของศาสนสถานฮินดู ลัทธิไศวะ ลดน้อยลงไปสักนิด และครั้งนี้เรายังได้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรพาชมพร้อมให้ข้อมูลคร่าวๆ ว่า ปราสาทหินพนมรุ้งสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 15-18 เพื่อถวายพระศิวะ องค์ปรางค์ประธานสูง 28 เมตรเปรียบดั่งเขาพระสุเมรุ นอกจากความสวยงามของลายจำหลักหินแล้วยังมีปรากฎการณ์สำคัญที่ดึงดูดผู้คนมากมาย นั่นคือดวงอาทิตย์จะขึ้นตรง 15 บานประตูในวันที่ 3-4-5 เมษายน และ 8-9-10 กันยายน และดวงอาทิตย์ตกตรง 15 บานประตูในวันที่ 5-6-7 มีนาคม และ 5-6-7 ตุลาคมของทุกปี

วัดเขาอังคาร

ผ้าภูอัคนีโดยฝีมือคนในชุมชนบ้านเจริญสุข

          ไปต่อกันที่ วัดเขาอังคาร ตั้งอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วัดนี้มีการผสมผสานของสถาปัตยกรรมหลายรูปแบบจุดเด่นอยู่ที่โบสถ์สามยอดไม่มีช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ยอดคล้ายพระปรางค์ ส่วนยอดสูงสุดทรงเจดีย์คว่ำแบบลังกาภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธประวัติฝีมือช่างชาวพม่า พร้อมคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ด้านนอกมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย 108 องค์ล้อมรอบเป็นกำแพงแก้ว ส่วนบริเวณโดยรอบเป็นป่าธรรมชาติกินพื้นที่กว่า 2,100 ไร่ เป็นแหล่งอาหารสำคัญของคนในชุมชน นอกจากนี้กลุ่มแม่บ้านที่บ้านเจริญสุขยังได้นำดินภูเขาไฟมาย้อมผ้าฝ้ายจะได้สีออกน้ำตาลอ่อน และน้ำตาลแดง เนื้อผ้านุ่มเบาใส่สบาย เรียกว่า “ผ้าภูอัคนี” เป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงสร้างรายได้แก่คนในชุมชนอย่างเป็นกอบเป็นกำทีเดียว

ชาวชุมชนบ้านสนวนนอกสาธิตการทอผ้าไหม

สาธิตการจักสานไม้ไผ่

​​​​​​​'กระสวยอวกาศ' พาหนะพาชมหมู่บ้านสนวนนอก

          ส่วนคนที่อยากเรียนรู้เรื่องผ้าทอลายสวยๆ ต้องไปที่ หมู่บ้านสนวนนอก อ.ห้วยราช ที่นี่เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้การทอผ้าไหมทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทั้งยังมีสาธิตการจักสานไม้ไผ่เป็นกระบุง กระด้ง บุ้งกี๋ฯลฯ จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว ที่เข้ามาเที่ยวชม เรียนรู้วิถีชีวิต รวมถึงผู้ที่มาพักแบบโฮมสเตย์ซึ่งเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ปี 2556      

ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

          และอีกหนึ่งความภูมิใจของชาวบุรีรัมย์ต้องยกให้ สนามฟุตบอล ช้างอารีน่า ของทีมสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือ ทีมปราสาทสายฟ้า โดยโครงสร้างถอดแบบจากสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ิ จุผู้เข้าชมได้มากถึง 32,600 ที่นั่ง และเป็นสนามฟุตบอลแห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทยที่ไม่มีลู่วิ่งข้างสนาม ทำให้แฟนบอลเกาะติดสนามใกล้ชิดนักกีฬามากยิ่งขึ้น ไม่ไกลกันนักเป็นที่ตั้งของสนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ จุผู้ชมได้สูงสุด ถึง 50,000 คน ซึ่งผู้เข้าชมสามารถมองเห็นทุกส่วนของเส้นทางการแข่งขันได้อย่างตื่นตาตื่นใจเท่าเทียมกัน แต่การมาเยี่ยมชมที่นี่คงต้องเตรียมความพร้อมกับเครื่องป้องกันเสียงกันซักหน่อย เพราะรถแต่ละคันโชว์เพาเวอร์กันเต็มที่แบบไม่มีใครยอมใครจริงๆ   

ดอกกระเจียวเบ่งบานที่อุทยานดอกไม้ เพ ลา เพลิน

          ก่อนโบกมือลากลับแนะนำให้แวะชมความสวยงามของดอกกระเจียวที่กำลังเบ่งบานรับหน้าฝน ภายใน อุทยานดอกไม้ เพ ลา เพลิน และวันนี้เรายังได้เรียนรู้การถักเชือกเป็นพวงกุญแจสวยๆ ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเป็นของที่ระลึกติดมือกลับมาด้วย