ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ Toyota ผลิตขึ้นมาจำหน่าย (ชมคลิป)
Toyota Sera ชื่อที่หลายๆ คนอาจะไม่รู้จักหรือคุ้นหู แต่ถ้าคนที่อายุสัก 30 ขึ้นไป แน่นอนต้องคุ้นเคยกับชื่อรถคันนี้แน่นอน กับหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของยนตกรรมยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่น กับรถยนต์ประตูเปิดแบบปีกนกนางนวลหรือ Gullwing ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ Toyota ได้ผลิตขึ้นมาจำหน่าย และราคาที่ขายในไทยช่วงนั้นสูงถึง 2 ล้านบาท ในขนาดนั้น Nissan Cefiro A31 ขายอยู่ที่ล้านต้นๆ เท่านั้น!!!
วันนี้เป็นอีกครั้งที่ทาง คมชัดลึกออโต้ ของเราได้รับเกียรติจากเหล่าสมาชิกจากทางกลุ่ม Toyota Sera Club Thailand ที่มาร่วมพูดคุย เล่าถึงเรื่องราวของยนตกรรม ที่มีผู้คนให้ความชื่นชอบและหลงใหลอย่างมากที่บอกได้เลยว่านี่คือความรักความชอบจากหนหลังที่ยืนยาวมาพบรักถึงปัจจุบัน จากฝันกลับเป็นความจริง (สามารถรับชมจากคลิปข่าว)
เรื่องราวของ Toyota Sera ที่ถูกถ่ายทอดจากทาง พี่ลอร์ด ในฐานะประธานของกลุ่ม เล่าว่า Toyota Sera นั้นใกล้จะมีอายุครบ 30 ปีในปี 2020 โดยทาง Toyota เวลาออกแบบรถสักรุ่นต้องออกแบบล่วงหน้านับสิบปี อย่างรุ่น Sera ทาง Toyota ตั้งทีมขึ้นมาออกแบบเพื่อออกแบบให้หนุ่มสาวคนญี่ปุ่นช่วงนั้นชื่นชอบมาตั้งแต่ช่วงปี 82 และรถที่ออกแบบนั้นยังสามารถบ่งบอกบุคคลิกคนขับเอง ครั้งแรกที่ออกแบบกลับไม่ถูกใจผู้บริหาร จนต้องมีการออกแบบใหม่และได้รับเสียงตอบรับในเชิงบวก จนผู้บริหารอนุมัติพัฒนาโครงการนี้ด้วยการออกแบบรถให้ไม่เหมือนใคร โดยนำรถ Mercedes-Benz 300 และ DMC DeLorean จากในหนัง Back to the Future เอามารวมกัน โดยออกมาชื่อว่า Y2 ในปี 1987 และเอามาออก Tokyo Motor Show 29 ตุลาคม 1987 และดึงดูดความสนใจอย่างมากและเป็นรถที่ไม่มีใครเคยทำประตูเปิดปีกนก และออกสู่ตลาดจริงภายในปี 1990 ที่เรียกชื่อว่า Y3 หรือว่า Sera นั่นเอง
รถ Toyota Sera เองมีขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น และถือว่าบ้านเราโชคดีที่มีผู้นำเข้ารถยนต์อิสระนำเข้ามาขายในประเทศไทยคร่าวๆ ประมาณ 50 คัน แต่ทางกลุ่มเองรวบรวมสมาชิกได้ประมาณ 20 กว่าท่าน แต่จำนวนรถในกลุ่มมีถึง 25 คัน และมีบางคันวิ่งถึงปัจจุบันไปเพียง 8,000 กว่ากิโลเอง และคันสีแดงที่ได้ไปนั่งกันนั้นวิ่งไปเพียง 12,000 กิโลเท่านั้น ถือว่าเป็นรถที่ยังสมบูรณ์มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นตัวถังภายนอกยังเป็นสีแดงเดิมๆ ตั้งแต่ออกจากโรงงานโดยยังไม่ผ่านการ RESTORE
และการที่เป็นรถแนวสปอร์ตสองประตู ถึงแม้เครื่องยนต์จะเป็นเพียงเครื่อง 1500 cc. แต่ก็เพียงพอของการวิ่งในเมืองและความแรงพอตัวที่สามารถวิ่งต่างจังหวัดได้ ภายในตัวรถก็ออกแบบมีความสปอร์ตพอควรถึงจะไม่ดุดัน แต่นี่คือแนวออกแบบของรถในช่วงยุค 90 โดยเบาะคู่หน้าจะมีทรงกึ่งบัคเก็ตซีทและมีพนักศีรษะแบบตายตัว และเป็นเบาะผ้าทั้งคู่หน้าคู่หลัง ถึงแม้จะเป็นเพียงรถสองประตูแต่ก็มีภายในที่กว้างขว้างทั้งเบาะคู่หน้าและคู่หลัง การเข้าออกก็พอไหวดูจากในคลิปในช่วงที่ทดลองขับกัน ส่วนด้านท้ายจะเปิดประจกขึ้นมาก็จะมีช่องเก็บของสามารถพอจะเก็บกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก และมีชุดเครื่องเสียงที่ผลิตมาเพื่อ Sera กับระบบ Super Live Sound System แต่จะมีเฉพาะตัวท๊อป
Toyota Sera ใช้เครื่องยนต์ รหัส 5EFHE 4 สูบ 1,496 ซี.ซี. DOHC 16V มีขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก เท่ากับ 74 x 87 มม ให้แรงม้าที่ 110 แรงม้า ที่ 7,200 รอบในเครื่องรุ่นแรก และ 7,900 ในเจนเนอเรชั่นที่สอง แรงบิดสูงสุด 140 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า มีทั้งเกียร์ออโต้ 4จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และที่สำคัญอะไหล่เองนั่นสามารถจะหาทดแทนกันได้จากรถ Toyota Starlet นั่นเอง
พี่ลอร์ด ยังทิ้งท้ายถึงจำนวนผลิต Toyota Sera เองมีเพียง 15,852 คัน และขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น และมีเศษ 89 คันที่กระจายไปทั่วโลก และเป็นพวงมาลัยขวาเท่านั้น และอยู่ในไทยไม่เกิน 50 คัน! อังกฤษเองยังมีเพียง 24 คันเท่านั้น
ถ้าทุกท่านได้ชมคลิป Toyota Sera จนจบ จะเห็นถึงเหตุและผลของจุดเริ่มต้นของการที่เราจะชื่นชอบรถสักคัน บางครั้งการจะเป็นเจ้าของได้ต้องใช้ทั้งเวลาและการอดทนรอที่จะได้มา นี่อาจจะคือบทพิสูทจ์รักแท้ที่มีอยู่จริง Toyota Sera เองปัจจุบันถือว่าเป็นรถสปอร์ตสุดคลาสสิกไปซะแล้ว!!! และคำว่ารถสปอร์ตมันไม่จำเป็นต้องเป็นรถที่ดุดันหรือมีแรงม้ามหาศาลอัตราเร่งเพียงไม่กี่วินาที แต่นี่คือหนึ่งในรถสปอรต์จิ๋วฝั่งเอเซียที่คงคุณค่าความเป็นอมตะไปซะแล้ว Sera.
ขอขอบคุณ
กลุ่ม Toyota Sera Club Thailand และสมาชิกทุกท่าน
เรื่อง ธวัชชัย พิชิตรณชัย
E-mail : [email protected]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง