Lifestyle

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กิจกรรม “เอ็กซ์ตร้าออดินารี่ เอเวอร์เรสต์ กับ ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์” ตะลอนทัวร์ลาวใต้

    ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

       จำไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เอาร่างของตัวเองออกไปเที่ยวตะลุยในรูปแบบแอดแวนเจอร์ พอได้รับเทียบเชิญจาก “ฟอร์ด ประเทศไทย” ให้ร่วมเดินทางไปกับกิจกรรม “เอ็กซ์ตร้าออดินารี่ เอเวอร์เรสต์ กับ ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์” ตะลอนทัวร์ลาวใต้ โดยทริปสุดตื่นเต้นครั้งนี้ นำทีมโดย ศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์การ ฟอร์ด ประเทศไทย...ทันทีที่ล้อเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์สนามบินนานาชาติจังหวัดอุบลราชธานี คาราวานรถยนต์ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์กว่า 20 คัน ก็ขับเคลื่อนตามกันผ่านแดนช่องเม็กเพื่อเข้าสู่ “เมืองปากเซ” สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และแน่นอนว่าพิกัดแรกที่กำหนดไว้คือ “น้ำตกแซปอง ไล” น้ำตกขนาดมหึมาถูกจัดอันดับให้เป็นอันซีนแห่งใหม่ในเขตเมืองสนามชัย แขวงอัตตะปือ...

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

     “ช้างเผือกต้องอยู่ในป่าลึกฉันใดก็ฉันนั้น” กว่าชาวคณะจะได้ชื่นชมน้ำตกที่รายล้อมไปด้วยป่าไม้ซ่อนตัวอย่างเงียบๆ ่ในป่าลึก เราต้องแลกด้วยการเดินทางบุกป่าฝ่าข้ามลำห้วยถึง 3 แห่งด้วยกัน นี่ยังไม่นับมวลฝุ่นก้อนโตลูกแล้วลูกเล่าที่ต้องฝ่าไปอย่างไม่มีวันหมดสิ้น เพราะเส้นทางสายนี้ยังมีสภาพเป็นถนนดินแดง ครั้นจะหลบฝุ่นด้วยการเดินทางในช่วงฤดูฝนก็ต้องเสี่ยงกับการเผชิญหน้ากับดินโคลนและกระแสน้ำในลำธารก็จะยากลำบากไปอีกแบบ จึงจำเป็นต้องศึกษาให้ดีทั้งสภาพภูมิประเทศรวมถึงเครื่องยนต์กลไกซึ่งถือว่าสำคัญมาก 

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

มวลฝุ่นก็จะทำให้นวลๆ หน่อย

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

      แน่นอนว่ารถยนต์ที่เหมาะในการนำพาเราเข้าสู่จุดหมายปลายได้ ต้องมีสมรรถนะเฉพาะตัว เช่น ขับเคลื่อนสี่ล้อ มีไฟตัดหมอก (แต่สำหรับที่นี่เราไว้ใช้ตัดฝุ่น) สำหรับทริปนี้เราได้รถยนต์ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่มากับเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบ ซึ่งให้กำลังสูงสุดถึง 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 470 นิวตันเมตร ผนวกด้วยระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ อัจฉริยะ Terrain Management สามารถปรับโหมดการขับให้เหมาะสมกับสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับลุยโคลน ลุยน้ำ ประกอบกับความสูงจากพื้นรถถึง 225 มิลลิเมตร ถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์ระดับเดียวกัน จึงสามรถลุยน้ำที่มีความลึกสูงสุดที่ 800 มิลลิเมตร เป็นหาพนะในครั้งนี้ทำให้สามารถนั่งสวยๆ ได้ตั้งแต่ต้นสายไปจนถึงจุดหมายปลายทาง

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

น้ำตกแซพระ...ไม่พลาดแชะภาพที่ระลึก

 และอย่างที่เล่ามาแล้วในเบื้องต้นว่าการเดินทางในทริปนี้เจ้าภาพหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอันจะเกิดจากธรรมชาติใดๆ ก็ตาม ดังนั้นจึงเคาะวันเดินทางในช่วงปลายเดือนธันวาคม ภาพกระแสน้ำตกแซปองไลเบื้องหน้าจึงไม่อลังการงานสร้างอย่างที่เราคาดหวังว่าจะได้เห็นเหมือนเช่นในเว็บไซต์นำเที่ยวต่างๆ กระนั้นก็ยอมรับว่าทำให้เราตื่นตาตื่นใจได้มากพอควร และก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลาลับเหลี่ยมเขาจนมองไม่เห็นสองข้างทาง คณะคาราวานของเรารีบเคลื่อนตัวอีกครั้งโดยมุ่งหน้าพื้นที่เรียบ่ริมลำธารที่ไหลลงมาจาก “น้ำตกแซพระ” เพื่อตั้งแคมป์กินนอนสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ภายใต้อุณหภูมิเพียง 10 องศานิดๆ หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อค่ำแบบเรียบง่ายในสไตล์ปิ้งย่าง บางคนที่ยังรู้สึกว่าร่างกายไม่เหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลจนเกินไป จึงเลือกนั่งล้อมวงสนทนารอบกองไฟตราบจนสิ้นราตรี ขณะที่บางคนร่างกายไม่สามารถทานทนกับความหนาวเย็นได้เท่าใดนัก ก็เลือกหลบหลีกสายลมหนาวด้วยการปีนเข้าเต้นท์ที่ติดมาบนหลังคารถแล้วนอนนับดาวระยิบระยับเพลินๆ จนกว่าจะเข้าสู่โหมดนิทราในที่สุด

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

น้ำตกแซปอง ไล...ในวันน้ำน้อย

      รุ่งเช้าวันใหม่ ไก่ป่าทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกให้คณะคาราวานเริ่มขยับตัวอีกครั้ง โดยหมุดหมายแรกของวันนี้เริ่มต้นไม่ไกลจากที่เราพักแรมเมื่อคืนที่ผ่านมานั่นคือ “น้ำตกแซพระ” ลักษณะของน้ำตกแทบแยกไม่ออกจาก “น้ำตกแซปองไล” จะต่างกันที่มีขนาดต่างนิดหน่อยเท่านั้น

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

ศุภรางศุ์ อนุชปรีดา มอบฟุตบอลให้น้อง

   เมื่อดื่มด่ำและเก็บภาพความประทับใจของธรรมชาติและทิวทัศน์จนจุใจแล้ว เราออกเดินทางฝ่าฝุ่นเพื่อไปยัง “โรงเรียนสมบูนไชย ดอนโขง” เพื่อนำสิ่งของได้แก่ อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และขนม นม เนย ไปมอบให้กับเด็กนักเรียนในท้องถิ่น เสร็จสรรพเราโบกมือลาเด็กน้อยเพื่อมุ่งหน้าสู่น้ำตกอันเลื่องชื่ออีกแห่งในลาวใต้ นั่นคือ “น้ำตกตาดฟาน” 

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

สายน้ำตกตาดฟาน...ไหลขนานกับหน้าผาสูงชัน

     และแน่นอนที่สุดว่า กว่าจะได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่อลังการของสายน้ำตกที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของลาว เราต้องฝ่ามวลฝุ่นก้อนแล้วก้อนเล่าไปในเส้นทางอันคดเคี้ยวสลับระหว่างบ้านเรือนและป่าไม้นานนับชั่วโมง แต่เมื่อได้เห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแล้วยอมรับว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งกับสายน้ำสองเส้นที่ไหลขนานลงสู่หน้าผาสูงกว่า 100 เมตร ยิ่งได้สัมผัสประสบการณ์วัดใจกับการเล่นผจญภัยในแบบเอ็กซ์ตรีม “ซิปไลน์” ชมความงดงามของน้ำตกและป่าไม้ที่ระดับความสูงเกือบๆ 500 เมตร ในระยะทางกว่า 400 เมตรต่อ 1 เส้นทาง ซึ่งมีทั้งหมดทั้งสิ้น 3 เส้นสลิงด้วยกัน ยิ่งมีผลให้เลือดลมสูบฉีดดียิ่งขึ้น แม้จะต้องเหนื่อยล้ากับการปีนบันไดสูงชั้นในระหว่างเปลี่ยนฐานบ้างแต่ก็ถือว่าสุดคุ้มสำหรับครั้งหนึ่งในชีวิต คุยได้เต็มปากว่าเราพิชิตมาแล้วนะคุ้ณณณณ!!!

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

ค่ำนี้เรานอนชิลกันแบบนี้นะ

      สัมผัสธรรมชาติไปถึง 3 น้ำตกแล้ว ก่อนเข้าสู่ที่พักที่ “อิตู้ รีสอร์ท” คณะคาราวานของพวกเราแวะจอดรถชมวิถีชีวิตชนเผ่า “ตะโอย” ซึ่งอาศัยอยู่อย่างเรียบง่ายบริเวณใกล้ชิดเชิงเขา ดำเนินชีวิตด้วยจารีตประเพณีการบูชาเจ้าอย่างเคร่งครัดและวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขณะที่การดำรงชีพชนเผ่าตะโอยประกอบสัมมาอาชีพด้วยการปลูกไม้อุตสาหกรรม ไม้ผล กาแฟ และเลี้ยงสัตว์ใหญ่ รวมถึงหัตถกรรมงานผ้า ว่ากันว่างานผ้าจากชนเผ่านี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาดเวียงจันทน์...แอบเสียดายนิดๆ เราไม่มีโอกาสได้เห็นว่าจะสวยละเอียดเหมือนงานหัตถกรรมบ้านเราหรือไม่

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

ปราสาทหินวัดพู ความรุ่งเรืองเมื่อพันกว่าปีที่ผ่านมา

     สปป.ลาว ได้ชื่อว่าเป็นเมืองวัฒนธรรมเข้มแข็งอีกแห่งหนึ่งไม่แพ้ชนชาติไทยของเรา ดังนั้นกิจกรรมสุดท้ายก่อนโบกมือกลับบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล ชาวคณะคาราวานของฟอร์ด เอเวอร์เรส จึงแวะเยี่ยมชมและสักการะโบราณสถานสำคัญได้แก่ “ปราสาทหินวัดพู” หรือที่ชาวลาวนิยมเรียกกันว่า “ภูเกล้า” ที่่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์กรยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกในปี 2544 โดยปราสาทแห่งนี้มีอายุมากกว่าพันปี อีกทั้งยังมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเขมร สร้างขึ้นจากหินทรายและอิฐ รวมถึงยังเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณยาวนานถึง 3 สมัยด้วยกัน ได้แก่ อาณาจักรเจนละ อาณาจักรขอม และอาณาจักรล้านช้าง

ฝ่าฝุ่นลุยห้วยชมน้ำตกสวยที่ลาวใต้ในวันหนาว

ผ่านวิถีชาวบ้านลาว

      ...แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 2 คืน 3 วัน ทว่าพูดได้เต็มปากว่ารถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” พาเราทะยานพุ่งไปสัมผัสกับธรรมชาติและวัฒนธรรมได้อย่างอิ่มเอม และความประทับใจนี้จะไม่สมบูรณ์แบบได้เลย ถ้าขาดเพื่อนร่วมทางที่ร่วมสร้างสีสันให้มีรอยยิ้มได้ตลอดเวลา ทริปจบแต่ “มิตรภาพใหม่”เพิ่งเริ่มต้น...

เรื่อง...กอบแก้ว แผนสท้าน

ภาพ...ฟอร์ด เอเวอเรสต์, นิรดา จุลโลบล, สิริศักดิ์ เศรษฐพัฒนชัย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ