Lifestyle

ชะลอความเสื่อมของร่างกายได้อย่างไร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทำอย่างไรจึงจะชะลอให้เสื่อมช้าลง ชะลอวัยชราให้ได้มากที่สุด

    สังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ความแก่ชราเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสรีระของร่างกายที่ไม่อาจย้อนกลับดุจดังสายน้ำไม่มีวันไหลกลับฉันนั้น คนเรามี เกิด เติบโต หนุ่มแน่น จากนั้นก็ค่อยๆ เสื่อม เข้าสู่วัยร่วงโรย และดับสูญตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติที่ไม่อาจมีใครฝืนได้ นี่คือสิ่งที่ธรรมชาติมอบความเหมือนด้วยความยุติธรรม ไม่ว่าจะชาติพันธุ์ไหน ยากดีมีจน ผู้ดีหรือยาจก วันอวสานของชีวิตล้วนเหมือนกันโดยไม่มียกเว้น เพียงแต่เร็วช้าต่างกันเท่านั้น

ชะลอความเสื่อมของร่างกายได้อย่างไร

    ปัญหาอยู่ที่ว่าทำอย่างไรจึงจะชะลอให้เสื่อมช้าลง ชะลอวัยชราให้ได้มากที่สุด อีกทั้งเป็นผู้สูงอายุที่แข็งแรง มีคุณภาพ มีคุณค่าต่อสังคม แบ่งเบาภาระแก่ลูกหลานและสังคม

     การจะเป็นสูงอายุให้แข็งแรง มีคุณภาพนั้น ไม่ใช่คิดและต้องการอย่างเดียวก็มีได้ ต้องทำเอง และต้องทำตั้งแต่อายุยังน้อยด้วย เพราะการดูแลร่างกายให้แข็งแรงตั้งแต่วัยเยาว์เป็นการปูพื้นฐานให้เข้าสู่วัยผู้สูงที่มีคุณภาพ ร่างกายแข็งแรง ช่วยตัวเองได้ ทั้งยังช่วยผู้อื่นได้ เพราะผู้สูงอายุผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตวันหนุ่มสาวมามาก ประสบการณ์ต่างๆ มีมากมาย ถ้าร่างกายยังแข็งแรง สมองยังทำงานได้ดี ก็สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้ความสามารถให้คนรุ่นหลังได้ เป็นการช่วยผู้อื่นและช่วยสังคมที่ดียิ่ง เป็นภาระแก่ลูกหลานและสังคมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

ชะลอความเสื่อมของร่างกายได้อย่างไร

   วิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน เป็นตัวเร่งให้ร่างกายเสื่อมเร็วขึ้น การทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างหักโหม พักผ่อนน้อย การใช้สมองกับธุรกิจ การงานในหน้าที่ ความมุ่งมั่นในการเลื่อนตำแหน่ง ชื่อเสียง เกียรติยศ ที่ต้องเคร่งเครียด กดดัน กังวล การงานการมุมานะเรียนอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่ยังเล็ก เรียนจบแล้วทำงานยังต้องแก่งแย่งแข่งขัน สร้างเนื้อสร้างตัว ต่อสู้ดิ้นรนอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาก็มีให้เห็นก็เยอะ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย เหล่านี้ได้สร้างปัญหาสุขภาพแก่ผู้คนในวงกว้าง ทั้งยังเป็นตัวเร่งให้ร่างกายเสื่อมเร็วโดยไม่รู้ตัว

     ความเจ็บป่วยเกิดจากการขาดความสมดุลในร่างกาย ถ้าสมดุลความเจ็บป่วยจะน้อย แล้วความสมดุลที่ว่านั้นเราจะรู้ได้อย่างไร ลองมาทำความเข้าใจกันดู

    ความสมดุลในแพทย์แผนจีนมีหลักใหญ่ๆ 2 อย่าง หนึ่งคือ สมดุลระหว่างคนกับธรรมชาติ คนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ การใช้ชีวิตต้องให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภาวะแวดล้อม ถิ่นที่อยู่ ภูมิอากาศ อาหารการกิน เช่นพืชผักผลไม้ต้องกินตามลักษณะท้องถิ่น เช่น ทางเหนือ อาการหนาวเย็น แต่แห้ง อาหารของชาวเหนือจึงมีข้าวเหนียวที่ให้พลังงานสูง กับข้าวจะมีเครื่องเทศ และค่อนข้างเป็นหลัก ส่วนภาคใต้ จะร้อนชื้น ฝนตกชุก อาหารจึงมีรสเผ็ดเพื่อไล่ความชื้น มีขมิ้นเพื่อดูแลระบบย่อยไม่ให้ความเผ็ดมาทำให้ปวดท้อง เป็นต้น สองคือ ความสมดุลของทุกส่วนในร่างกายคน ที่ประกอบด้วย ยินหยาง ชี่เลือด สารน้ำสารชีวิต อวัยวะ กายและจิต ทุกอย่างเป็นองค์รวมที่มีความต่าง ขณะเดียวกันก็พึ่งพาเกี่ยวข้องกันและกันอย่างแยกออกไม่ได้

     แต่ในความสมดุลในร่างกายทั้งหมด ความสมดุลของอวัยวะทั้ง 5 อันได้แก่ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด ไต สำคัญที่สุด เป็นแกนกลางที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรง แก่ช้าและมีอายุยืนยาว

       ด้วยเหตุนี้ การดูแลอวัยวะทั้ง 5 ให้สมดุลแข็งแรง จึงเป็นแกนกลางของการดูแลร่างกาย ชะลอความเสื่อม เหี่ยวย่นช้า แข็งแรงและมีอายุยืนยาว

    การเรียนรู้และทำความเข้าใจความเกี่ยวพันธ์ระหว่างอวัยวะภายในร่างกายกับโรคที่เกิดขึ้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการจะดูแลรักษาร่างกายอย่างถูกต้อง พร้อมกันนั้นยังต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจความเป็นองค์รวมในการดูแลสุขภาพร่างกาย ซึ่งก็คือ มีทั้งจากอาหารการกิน การออกกำลังกาย การทำจิตให้ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงความเครียด กังวล ความกดดัน สบายอกสบายใจ ร่าเริงเบิกบาน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้องเสริมด้วยยาบ้าง

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ