ข่าว

ข้าวตรา“ประสงค์ดี” ไม่ต้องขายบนห้างก็สร้างอาชีพได้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การขายข้าวอาจไม่ได้ผลกำไรมากมาย แต่เป็นอาชีพที่มีผู้ค้าขายจำนวนมาก ขณะเดียวกันกลายเป็นอาชีพเสริมให้อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยคนนี้ “ประสงค์ พันธุ์สวัสดิ์” 

                  “ข้าว” คืออาหารหลักของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณกาล จวบจนปัจจุบันทุกคนยังบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก นอกจากนั้นประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก

                  ด้วยเหตุนี้ทำให้ประเทศไทยมีข้าวรับประทานตลอดทั้งปี และมีการค้าขายข้าวเป็นอีกหนึ่งอาชีพด้วย

                  การขายข้าวอาจไม่ได้ผลกำไรมากมาย แต่เป็นอาชีพที่มีผู้ค้าขายจำนวนมาก ขณะเดียวกันกลายเป็นอาชีพเสริมให้อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยคนนี้!!!

                  “ประสงค์ พันธุ์สวัสดิ์” แชมป์เดาะบอล-อดีตทีมชาติ

                  ย้อนกลับไปเมื่อปี 2525 ประสงค์ พันธุ์สวัสดิ์ เด็กหนุ่มจาก อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ได้โอกาสมาศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ในชั้นม.1 จากนั้นถูกส่งเข้าแข่งขันเดาะบอลชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ในโครงการ “โก ฟอร์ โกล” ของบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด หรือ “โค้ก” เมื่อปี 2525 ก่อนคว้าแชมป์ระดับประเทศมาครอง นอกจากนั้นในปี 2526 ยังได้เดาะบอลต่อหน้า เควิน คีแกน อดีตนักฟุตบอลชื่อก้องโลกและกัปตันทีมชาติอังกฤษสมัยนั้น ซึ่งเดินทางมาแข่งขันที่ จ.ลพบุรี ในนามสโมสรนิวคาสเซิล โดย คีแกน ประทับใจการเดาะบอลของ ประสงค์ จึงได้ขอแลกเสื้อเป็นที่ระลึก

                  ขณะเดียวกัน ประสงค์ ได้รับเชิญให้ไปออกรายการ “สุขสันต์วันเสาร์” ซึ่งมี ดำรง พุฒตาล เป็นพิธีกร จากนั้นก็ติดทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก ในรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี และไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี, นักเรียนไทย 18 ปี, ทีมชาติไทย ชุดเมอร์เดกาคัพ กระทั่งติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ อยู่หลายนัดด้วยกัน

                  ส่วนในระดับสโมสร ประสงค์ เล่นให้สโมสรตำรวจ, สโมสรศาสน, สโมสรโอสถสภา ก่อนยุติเส้นทางสายลูกหนังในวัย 38 ปี แต่กลับมาเล่นลีกอาชีพอีกครั้งในระดับดิวิชั่น 1 และ 2 กับสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด, แคช ทูเดย์ จันทบุรี, โกลเบล็ก ทีดับบลิวดี เอฟซี แต่เป็นการกลับมาเล่นตามคำขอของคนสนิทเท่านั้น เนื่องจากเจ้าตัวมีอาชีพหลักคือรับราชการตำรวจ

ข้าวตรา“ประสงค์ดี” ไม่ต้องขายบนห้างก็สร้างอาชีพได้

เข้าสู่วงการข้าวไทยด้วยการจับโจร

                  ประสงค์ รับราชการตำรวจ เมื่อปี 2536 สังกัดสถาบันพัฒนาข้าราชตำรวจ กองบัญชาการศึกษาและมีการโยกย้ายไปประจำหน่วยต่างๆ หลายที่ ก่อนจะย้ายมาอยู่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กระทั่งวันหนึ่งได้เข้ามาอยู่ในชุดเฉพาะกิจชื่อว่า “ศูนย์การโจรกรรมสินค้าขนส่งทางน้ำ” ซึ่งมี พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ เป็นผู้ช่วยศูนย์ โดยมีเป้าหมายหลักคือควบคุมดูแลพืชผลทางการเกษตรที่ส่งออกยังต่างประเทศ ไม่ให้เกิดการสูญหายหรือถูกโจรกรรม เช่น นำ้ตาล ข้าว

                  เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมามีกลุ่มมิจฉาชีพมาหลอกขายสินค้าพืชผลทางการเกษตร โดยมีรายงานว่าหลอกลวงมา 5 ปี ได้เงินไปมากกว่า 20 ล้านบาท ท่านผู้การทนัยได้สั่งการให้ผมและทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปสน.ตร.ไปดำเนินการสืบสวนจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้ ซึ่งปรากฏว่าสามารถจับกุมคนร้ายได้ครบทุกคน

                  จากนั้นผู้ต้องหารายหนึ่งมีคดีอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด จึงได้นำตัวไปส่ง ระหว่างทางตัวแทนจาก “สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย” จ.ร้อยเอ็ด ประสงค์ ได้โทรศัพท์หาผู้เสียหายแจ้งให้ทราบว่าอย่าหลงเชื่อบุคคลกลุ่มนี้ และอย่าได้โอนเงินให้กลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้อีกเนื่องจากเป็นแก๊งต้มตุ๋น ซึ่งสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย กำลังตกลงซื้อขายนำ้ตาลทรายจากกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้และหลงเชื่อขนาดได้โอนเงินให้ไปจำนวนหนึ่งแล้วและกำลังจะมีการโอนจ่ายเงินค่านำ้ตาลอีกจำนวนหนึ่งเป็นค่าซื้อน้ำตาล ทำให้สหกรณ์ไม่ต้องเสียเงิน จึงได้ชวนให้ ประสงค์ ไปดูงานของสหกรณ์ ซึ่งมี บุญเกิด ภานนท์ เป็นผู้จัดการสหกรณ์ พร้อมกับให้ข้าวสารมา 4-5 กระสอบ นำมาหุงรับประทาน ซึ่ง ประสงค์ เล่าว่าข้าวที่ได้รับมานั้นอร่อย หอม และนุ่มมาก จนรับประทานหมด

                  ต่อมา สหกรณ์ถูกหลอกซื้อข้าวอีกครั้ง จึงช่วยเหลือและจับกุมคนร้ายได้ ก่อนจะเกิดความเห็นใจที่ถูกโกงหลายครั้ง จึงมีความคิดซื้อข้าวจากสหกรณ์มาจำหน่ายเพื่อเป็นการช่วยเหลือ โดยขับรถไปรับข้าวถึงสหกรณ์ จ.ร้อยเอ็ด

                  “ผมซื้อข้าวมาขายครั้งแรกลงทุนไม่กี่พันบาท ได้ข้าวถุงละ 5 กก. มา 3 กระสอบ หรือ 30 ถุง โดยนำมาขายให้เพื่อน ญาติพี่น้อง ฯลฯ บ้างก็แจกให้คนรู้จัก ปรากฏว่าขายหมดใน 15 วัน และได้กำไรมาพอสมควร จากนั้นจึงตัดสินใจซื้อข้าวมาขายเยอะขึ้น ปรากฏว่าขายหมดเหมือนเดิมและได้รับคำชมจากเพื่อนๆ ว่าข้าวนั้นอร่อยจริง ทำให้คิดทำแบรนด์เป็นข้าวตัวเอง โดยไปปรึกษาพี่บุญเกิด ซึ่งแทนที่เขาจะคิดว่าเราเป็นคู่แข่ง แต่กลับให้ความกรุณาช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา ซึ่งระหว่างที่ให้เพื่อนๆ ช่วยออกแบบโลโก้และบรรจุภัณฑ์ก็ยังซื้อข้าวของสหกรณ์มาขายไปด้วย ปรากฏว่าขายได้เยอะขึ้นประมาณเดือนละ 1 ตัน (1,000 กก.)”

                  “ผมใช้เวลาดำเนินการเรื่องโลโก้และบรรจุภัณฑ์ประมาณ 1 เดือน ก็ได้ส่งถุงให้สหกรณ์บรรจุข้าวเพื่อนำมาจำหน่ายในชื่อตราว่า “ประสงค์ดี” โดยมีโลโก้ของ “สหกรณ์การเกษตร เกษตรวิสัย” และ ISO 9001:2008 ติดอยู่ด้วย เพื่อเป็นการรับประกันว่าข้าวได้มาตรฐาน ซึ่งผมคิดว่าบรรจุภัณฑ์หรือ “แพ็กเกจจิ้ง” มีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ ใส่ใจ แทนที่จะใส่ถุงพลาสติกธรรมดาและติดสติกเกอร์ แต่ดูไม่สวยงามเท่าไหร่ และปรากฏว่าเมื่อนำมาขายในรูปแบบของบรรจุภัณฑ์สามารถขายได้เพิ่มมาขึ้นจากเดือนละ 1 ตัน เป็น 2 ตันกว่า โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือเพื่อน ญาติพี่น้อง ฯลฯ จึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมของผม อีกทั้งยังให้คนรู้จักที่ไม่มีงานทำได้นำไปจำหน่ายในราคาส่งเพื่อเป็นการช่วยเหลือกันอีกด้วย”

ข้าวตรา“ประสงค์ดี” ไม่ต้องขายบนห้างก็สร้างอาชีพได้

ขายข้าวกำไรไม่มากแต่มีใช้ “พอเพียง”

                  แม้การขายข้าวจะเป็นอาชีพเสริม แต่การทำธุรกิจต้องมีกำไร ซึ่ง ประสงค์ กล่าวว่า กำไรจากการขายข้าวอาจไม่มากมาย แต่ถือว่าเพียงพอต่อการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

                  “ปัจจุบันผมจำหน่ายข้าว 4 แบบ คือ ข้าวหอมมะลิไรซ์เบอร์รี่, ข้าวหอมมะลิแดง, ข้าวกล้องหอมมะลิ และข้าวขาวหอมมะลิ พันธุ์ 105 โดยแบ่งขาย 2 แบบ คือ ข้าวหอมมะลิไรซ์เบอร์รี่, ข้าวหอมมะลิแดง, ข้าวกล้องหอมมะลิ ขายแบบละ 1 กก. ราคา 60-90 บาท และข้าวขาวหอมมะลิ พันธุ์ 105 ขาย 5 กก. ราคา 220 บาท ซึ่งทุกครั้งที่ซื้อมาก็ขายหมดทุกครั้ง จึงเกิดกำไรให้ตัวเองและครอบครัว”

                  “นอกจากนั้นบรรดาเพื่อนๆ ที่ซื้อข้าวไปขาย ก็นำไปจำหน่ายในราคาไม่เกินที่ผมกำหนด ซึ่งสาเหตุที่ขายในราคาดังกล่าวเนื่องจากได้ดูราคาข้าวทั่วไปแล้วพบว่าสูงพอสมควร ซึ่งประเทศไทยมีข้าวดีที่สุดในโลก แต่ที่เรากินทุกวันนี้เป็นข้าวเกรดบี ผมจึงอยากให้คนไทยได้กินข้าวเกรดพรีเมียมในราคาไม่สูงมาก”

ข้าวตรา“ประสงค์ดี” ไม่ต้องขายบนห้างก็สร้างอาชีพได้

ไม่มีหน้าร้าน-สนใจติดต่อได้พร้อมส่งถึงที่

                  ปัจจุบันข้าวตรา “ประสงค์ดี” ไม่มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป เพราะเจ้าตัวบอกว่าจุดประสงค์แรกคือต้องการช่วยเหลือสหกรณ์ และชาวนา ด้วยการซื้อข้าวมาขายให้คนใกล้ชิด อย่างไรก็ตามหากใครต้องการซื้อข้าว “ประสงค์ดี” สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 09-8268-9903

                  “สาเหตุที่ไม่วางขายตามห้าง เนื่องจากเราไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ เราทำแค่พอตัวตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีกทั้งเรามีอาชีพหลักคือข้าราชการตำรวจ ซึ่งขายข้าวคือรายได้เสริมที่ช่วยเหลือคนรอบข้าง โดยเฉพาะสมาชิกสหกรณ์ ที่มีชาวนาเป็นสมาชิกร่วม 8 พันครอบครัว ดังนั้นการซื้อข้าวของสหกรณ์มาขาย เหมือนเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ในการช่วยเหลือชาวนา”

                  “แม้จะไม่มีขายหน้าร้านอย่างเป็นทางการ แต่มีร้านกาแฟที่ชื่อว่า FX Coffee ตั้งอยู่แถวโรงแรมทาวน์อินทาวน์ รับไปขายที่ร้านกาแฟเหมือนกัน ซึ่งเหมือนเป็นหน้าร้านย่อมๆ และร้านอาหารที่ชื่อว่า THE ROYAL OAK ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 33/1 ใช้ข้าวของประสงค์ดีหุงเสิร์ฟให้ลูกค้าด้วย”

ข้าวตรา“ประสงค์ดี” ไม่ต้องขายบนห้างก็สร้างอาชีพได้

จุดเด่นของข้าว “ประสงค์ดี”

                  “ข้าวของสหกรณ์ จำหน่ายในชื่อตราทุ่งกุลาฟาร์ม, เกิดบุญ และประสงค์ดี ซึ่งมีจุดเด่นที่ความหอม รวมถึงความนุ่มและอร่อย” ประสงค์ กล่าว

                  “จริงๆ ข้าวทุกชนิดเป็นหอมมะลิหมด แต่จะแตกต่างกันที่แร่ธาติ เช่น ดิน น้ำ อากาศ ซึ่งแต่ละที่จะไม่เหมือนกัน โดยพื้นที่ปลูกข้าวของชาวนาที่นำมาให้สหกรณ์ เป็นพื้นที่แบบแอ่งกระทะ จึงมีผลผลิตที่ดี ดังนั้นข้าวจากที่อื่นก็มีดีเหมือนกัน เพียงแต่แข่งขันกันเรื่องของขั้นตอนการผลิตและดูแล ไม่ใช่ขั้นตอนการปลูกเพราะเหมือนกัน”

                  “ผมค่อนข้างโชคดีที่มีโอกาสได้เจอคนดีๆ ต้องขอขอบคุณพี่บุญเกิด และสหกรณ์ ที่รักษามาตรฐานการผลิตข้าวได้ดีมากๆ แถมยังส่งทีมงานมาดูแล ให้คำปรึกษาตลอด อีกทั้งยังได้พี่น้องในวงการต่างๆ อาทิ “เต๋า” สมชาย เข็มกลัด รุ่นน้องที่โรงแรมเทพศิรินทร์, “อั้ม” อธิชาติ ชุมนานนท์ ฯลฯ ในการโปรโมทสินค้าให้อีกด้วย”

ข้าวตรา“ประสงค์ดี” ไม่ต้องขายบนห้างก็สร้างอาชีพได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ