(คลิปเด็ด) ท่องเที่ยวย้อนประวัติศาสตร์ประเทศอิตาลี ตอนที่ 5

ติดตาม เรื่องเล่าท่องเที่ยวย้อนประวัติศาสตร์ประเทศอิตาลี

ตอนที่ 1 ได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/hotclip/325620

ตอนที่ 2 ได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/hotclip/325746

ตอนที่ 3 ได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/hotclip/325928

ตอนที่ 4 ได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/hotclip/327270

.
เช้านี้แตกต่างจากทุกวัน ไม่มีเสียงปลุกจากนาฬิกา ไม่มีเสียงคลื่นที่ซัดชายฝั่ง มีแต่เสียงของความคึกคักใจกลางเมืองหลวง พร้อมกับรูปทรงของสถาปัตยกรรมทั้งสองฝั่งถนน ช่างมีความวิจิตรศิลป์ (Fine Arts) มากมาย การให้สีสันที่ลงตัวทำให้การเดินทางในวันนี้ตื่นเต้นตั้งแต่เริ่มต้น
.
เกริ่นมาทั้งหมดก็แค่จะบอกทุกๆคนว่า ตอนนี้เรามาอยู่ที่ เมืองปาแลร์โม (Palermo) เมืองหลวงบน เกาะซิซิลี (Sicily) มีอายุการก่อตั้งของเมืองมาแล้วกว่า 800 ปี และยังถูกเปลี่ยนการปกครองจากหลายชนชาติ ไม่ว่าจะเป็น ชนชาติกรีก โรมัน อาหรับ นอร์มัง เยอรมัน ฝรั่งเศส หรือแม้กระทั่งสเปน ด้วยภูมิศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น ป่าไม้ที่สมบรูณ์ หรือจะเป็นชายหาดและภูเขาไฟอีกทั้งยังติดกับ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) จึงเหมาะสมกับการทำธุรกิจการค้าและการต่างประเทศอย่างยิ่ง ฉนั้นไม่ต้องแปลกใจ ถ้าการเดินทางในวันนี้จะเป็นการศึกษาสถาปัตยกรรมและอารยธรรมที่ถูกผสมผสานจากหลากหลายชนเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติ
.

.
เสียงความคึกคักของพ่อค้าในตลาดผักและผลไม้สด Municipio บนถนน Montepellegrino ทำให้อดใจที่จะออกไปเก็บภาพบรรยากาศและสีสันของการค้าขายไม่ไหวแล้วสินะ ที่นี่เป็นตลาดการค้าส่งค้าขายพืชผลทางการเกษตร ที่นำไปทำวัตถุดิบในการปรุงอาหารเสียส่วนใหญ่
.

.
เดินเล่นๆชมบรรยากาศของตลาดเช้าไม่ทันไร ก็รีบกลับเข้าที่พักรับประทานอาหารเช้า หากาแฟซะแก้วพร้อมขนมปังทาเนยหอมกรุ่น หยิบกระเป๋าขึ้นรถยนต์แล้วออกเดินทาง

ที่ เมืองปาแลร์โม (Palermo) ก็ไม่ต่างอะไรกับเมืองหลวงทั่วๆไป จะเห็นชีวิตของคนเมืองเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ รถราไปมาเยอะแยะ แต่ที่นี่ก็ยังมีพื้นที่สีเขียวไว้ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ ตรง สวนสาธารณะ (GiardinoInglesa Park) บนถนนลิเบอต้า (Via dellla Libertà) ซึ่งสามารถออกกำลังตรงนี้ได้เช่นกัน หรือถ้าใครอยากจะหาของฝากแบรนด์เนมแนะนำว่าต้องไปที่ ถนนโรม่า (Via Roma) ความยาวของถนน ก็ประมาณ 2 ช่วงตึก หรือประมาณกิโลกว่าๆ ทั้งสองฝั่งถนนมีแต่ร้านขายสินค้าแบรนด์เนมเยอะไปหมด ให้ได้เลือกซื้อเลือกหาเอาไว้เป็นของฝากกัน หลงนั่งรถชมเมืองมาได้ 15 นาทีก็มาถึงสถานที่สำคัญของ เมืองปาแลร์โม (Palermo) 
.

.
พระราชวังโบสถ์ พาลาทิน่า (Cappella Palatina) หรือรู้จักกันในนาม พระราชวังนอร์มัน (Normans) เกิดขึ้นจากการยึดครองในสมัย ราชวงศ์นอร์มัน (Norman dynasty) ในปี ค.ศ.1072 พระราชวังนี้ ได้รับอารายธรรมการก่อสร้างแบบ อาหรับ (Arabic) ในยุคสมัยหนึ่ง ก่อนจะถูก ชาวนอร์มัน (Normans) ชนเผ่าที่มีเชื้อสายมาจากชนเผ่าไวกิง เข้ามาทำการยึดครองโบสถ์แห่งนี้ ในยุคของการไล่ล่าอาณานิคมบนเกาะซิซิลียุคสมัยหนึ่ง

.

.
และเมื่อ ค.ศ.1130-1154 ในรัชสมัยกษัตริย์โรเจอร์ที่ 2 แห่งอาณาจักรซิซิลี ได้สถาปนา เมืองซิซิลีขึ้น ต่อจากนั้น 2 ปีให้หลัง ค.ศ. 1132 กษัตริย์โรเจอร์ที่ 2 ได้ยึดครองโบสถ์แห่งนี้ไว้เป็นพระราชวังส่วนพระองค์ นั้นก็เป็นเรื่องราวเล็กๆน้อยๆก่อนที่เราจะเข้าชม พระราชวังโบสถ์ พาลาทิน่า (Cappella Palatina) แห่งนี้
.
การเข้าชมพระราชวังโบสถ์ พาลาทิน่า (Cappella Palatina) ที่นี่ จะต้องผ่านการตรวจสอบสิ่งของจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพียงแค่เดินเข้ามาถึงส่วนหน้าของโบสถ์ ก็อัศจรรย์ใจสถาปัตยกรรมแบบ ไบเซนไทน์ (Byzantine) ลวดลายของงานประติมากรรมแผ่นกระเบื้องโมเสคทองคำ ชิ้นส่วนเล็กๆของกระเบื้อง ที่ถูกนำมาประติดประต่อกัน จนเกิดเป็นภาพที่งดงามแฝงไปด้วยเรื่องราว ของศาสดาในศาสนาคริสต์อย่างพระเยซูและเรื่องราวของเทพพระเจ้าในยุคสมัยกรีก อย่างเช่น เทพเจ้าเฮอร์คิวลีส (Hercules) เทพเจ้าผู้ทรงพลัง และนอกจากนี้ พระราชวังโบสถ์ พาลาทิน่า (Cappella Palatina) ยังเป็นต้นแบบของ มหาวิหารมอนเรอาเล (Cattedrale di Monreale) ใน เมืองมอนเรอาเล (Monreale) โบสถ์ใหญ่สวยงาม ที่เราได้เล่าเรื่องไปในตอนที่ 4 ให้ได้รับชมกันไปแล้ว โดย มหาวิหารมอนเรอาเล (Cattedrale di Monreale) สร้างเสร็จภายหลังถึง 40 ปี
.

.
ประติมากรรมจากแผ่นกระเบื้องโมเสคทองคำที่วิจิตรงดงาม ถูกเล่าขานเรื่องราวของเทพเจ้า นักบวชและนักรบอัศวินที่มีชื่อเสียงหลากหลายท่าน ทั้งหมดเป็นผลงานประติมากรรมชิ้นเอก ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาและเก็บภาพของความสวยงามนี้ออกไป
.

.
ยิ่งมองเข้าไปใกล้ๆจะเห็นถึงชิ้นงานของแผ่นกระเบื้องโมเสคชิ้นเล็กๆที่ถูกบรรจงวางลงอย่างวิจิตรศิลป์ทีละชิ้นๆ ทำให้การได้เข้ามาศึกษาประวัติของ พระราชวังโบสถ์ พาลาทิน่า (Cappella Palatina) ในครั้งนี้ เป็นอะไรที่ถือว่าคุ้มค่ามากเสียจริง
.

.
ภาพของห้องโถงกลาง ที่ต้องมนต์สะกดทุกสายตาให้ตกอยู่ในภวังค์ ความงดงามที่ยากจะหางานประติมากรรมที่ไหนเทียบเคียง และความอัศจรรย์อีกหนึ่งเรื่องสำหรับที่นี่ก็คือ ภาพผนังที่เราได้เห็นทั้งหมด ใช้เวลาในการรังสรรค์อย่างวิจิตรบรรจงเพียง 8 ปีเท่านั้น
.
ในปี พ.ศ. 2489 จนถึงปัจจุบัน พระราชวังโบสถ์แห่งนี้ ถูกใช้ให้เป็นอาคารรัฐสภาของ เมืองซิซิลี (Sicily) หลังจากที่เราได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมที่ พระราชวังโบสถ์ พาลาทิน่า (Cappella Palatina) แล้ว เราเดินทางต่อประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง สำหรับการมุ่งหน้าสู่ แหล่งมรดกโลกอีกหนึ่งสถานที่ก็คือ คฤหาสน์ขุนนางโรมัน หรือ โรมันวิล่า เดล คาสเซล์ (Roman Villa Del Casale) ณ เมืองเปียซซาอาร์เมรินา (Piazza Armerina)
.

.
เมืองเปียซซาอาร์เมรินา (Piazza Armerina) - เมืองที่ถูกปกครองโดย ชาวนอร์มัน (Normans) ในช่วงศตวรรษที่ 11 บน เกาะซิซิลี (Sicily) ที่นี่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยยุคของ โรมัน (Roman) จะเห็นได้จาก ศิลปะของภาพโมเสคจากการใช้แผ่นกระเบื้องมาวางเรียงจนเกิดเป็นรูปภาพที่งดงามและเป็นสถาปัตยกรรม ในแบบ กอธิค (Gothic architecture) อีกด้วย
.

.
คฤหาสน์ขุนนางหรือ โรมันวิล่า เดล คาสเซล์ (Roman Villa Del Casale) เป็นสิ่งก่อสร้างในยุคโรมัน ที่ถือได้ว่ายังมีความสมบรูณ์หลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดในการแยกห้องอาบน้ำและห้องน้ำออกจากกันหรือการสร้างอนุสาวรีย์ ไว้ในพื้นที่ใกล้ๆเรือนรับรองนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีการสร้างโถงกลางขนาดใหญ่แสดงให้เห็นถึงอำนาจและบารมีของขุนนางโรมันในยุคสมัยนั้นๆ
.

.
ทุกพื้นที่ของคฤหาสน์นี้ ทุกตกแต่งลวดลายไม่เว้นแต่ช่องเดินบันไดที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก
.

.
ภาพของการวางเรียงกระเบื้องโมเสคที่ถือได้ว่า เป็นช่วงยุคสมัยที่ศิลปะในแขนงนี้เฟื่องฟู
.

.
ห้องโถงกลางใช้สำหรับรับรองแขกที่เข้ามาเยี่ยมเยือน ถูกแสดงให้เห็นถึงความมีบารมีด้วยความยิ่งใหญ่และกว้างขวาง
.

.
เสาโรมันหินอ่อนที่ถูกบรรจงขัดเกลาด้วยฝีมือของช่างในยุคโรมันยังมีให้คุณได้ชมอยู่ที่นี่
.
.

หลังจากเดินชม คฤหาสน์ขุนนางหรือ โรมันวิล่า เดล คาสเซล์ (Roman Villa Del Casale) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนกลับที่นี้ยังมีส่วนของพื้นที่บริการอาหารเครื่องดื่มและน้ำห้องไว้ให้ได้ใช้บริการอีกเช่นกัน สำหรับที่ เมืองเปียซซาอาร์เมรินา (Piazza Armerina) นี้จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวบนพื้นที่ในประเทศอิตาลีเป็นเมืองสุดท้าย 

.

.
เพราะในค่ำคืนนี้เราจะ เดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ที่ เมืองปอซซาโล (Pozzallo) แล่นผ่านผืนท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) สู่ท่าเรือในเมืองไวลเลตต้า (Valletta) บนแผ่นดิน สาธารณรัฐมอลต้า (Republic of Malta)
.

.
การเดินทางมาถึงท่าเรือในเมืองปอซซาโล (Pozzallo) ต้องเผื่อเวลาสำหรับการเช็คอินบริการเรือเดินสมุทรก่อนเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง และมีตารางเวลาการให้บริการเรือวันละ 2 รอบเท่านั้น โดยที่รอบเช้าจะเริ่มที่ประมาณเวลา 5.00 am และ รอบเย็นประมาณเวลาที่ 6.00 pm ใช้ระยะเวลาเดินทางบนเรืออยู่ 3 ชั่วโมง
.

.
บรรยากาศภายในเรือมีบริการอาหารและเครื่องดื่มรวมไปถึงส่วนกิจกรรมบันเทิงไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวให้ได้ใช้เวลาบนเรือได้อย่างคุ้มค่าตลอดการเดินทางบนเรือลำนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับบริการเรือข้ามสมุทรอยู่ที่ 61 ยูโร หรือคิดเป็นเงินสกุลไทยก็ประมาณ 2พันกว่าบาท บวกลบตามอัตราการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่อยูโรในช่วงเวลานั้นๆ
.

.
3 ชั่วโมงบนเรือเฟอร์รี่ ผ่านไปช่างรวดเร็ว เวลาขณะเป็นเวลา 5.00 pm หรือ 23.00น. เราก็เดินทางข้าม ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) มาถึงท่าเรือ เมืองหลวงวัลเลตตา (Valletta) ที่ประเทศ สาธารณรัฐมอลต้า (Republic of Malta) เรียบร้อยหลังจากนี้จะ นั่งรถยนต์ มุ่งหน้าสู่ที่หน้าและใช้เวลาเก็บแรงสำหรับการเดินทางใช้เช้าวันรุ่งขึ้นต่อไป
.
.
ขอขอบคุณ
Kuoni GTS Thailand Limited
TURKISH AIRLINES 
Express Holiday
สำหรับการเดินทางเก็บร่องรอยศิลปะอารายธรรมบนเส้นทาง
Republic of Malta/ Sicily/ Southern Italy

เนื้อเรื่อง/ภาพ/โดย AofTenSia

ติดตาม เรื่องเล่าท่องเที่ยวย้อนประวัติศาสตร์ประเทศอิตาลี

ตอนที่ 1 ได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/hotclip/325620

ตอนที่ 2 ได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/hotclip/325746

ตอนที่ 3 ได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/hotclip/325928

ตอนที่ 4 ได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/hotclip/327270