ติดตาม เรื่องเล่าท่องเที่ยวย้อนประวัติศาสตร์ประเทศอิตาลี ตอนที่ 1 ได้ที่นี่ http://www.komchadluek.net/news/hotclip/325620
.
เมื่อสายลมกระทบร่างแสงแดดกระทบตา ทำให้ตื่นจากภวังค์ที่หลับใหล แสงอาทิตย์ยามเช้าอันสดใส บอกเวลาให้เราตื่นขึ้นพร้อมกับจัดกระเป๋า และหากาแฟรสชาติดีๆสักแก้วก่อนออกเดินทาง วันนี้เป็นวันที่ 2แล้ว ที่เราจะเดินทางบนเส้นทางสายประวัติศาสตร์ของประเทศอิตาลี
.
การเดินทางในครั้งนี้เราใช้เวลาเดินทางจาก เมืองบารี (Bari) ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง มุ่งสู่อีกหนึ่งเรื่องราวในประวัติศาสตร์ หลายพันปีกับที่นี่ เมืองมาเตรา (Matera) - เมืองนี้ตั้งอยู่บน แคว้น บาซีลีกาตา (Basilicata) ถูกสร้างโดยชาวโรมัน ในปี ค.ศ.664 และมีชื่อเดิมว่า มาเตโอรา (Matheola)
.
เมืองมาเตรา (Matera) เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของการต่อสู้ในยุคไบแซนไทน์ (Byzantine) ยุคแห่งการล่าอาณานิคม ร่องรอยของสถาปัตยกรรมและอารายธรรมที่ปรากฏให้เห็นจวบจนปัจจุบัน
.
.
ภาพบรรยากาศตรงหน้าของคุณคือความงดงามในการออกแบบ จัดเรียงบ้านเรือนอย่างลงตัวลดหลั่นไปตามเชิงเขา เพราะที่ เมืองมาเตรา (Matera) พื้นที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนหุบเขาและยังมีแม่น้ำสายเล็กๆไหลพาดผ่าน ทำให้ความสวยงามของเมืองมีความสมบรูณ์แบบอย่างลงตัว พื้นถนนในยุคสมัยก่อนถูกสร้างขึ้นโดยการใช้ก้อนหินหลากหลายรูปแบบและจัดวางอย่างมีศิลปะ สองข้างฝั่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เก่าแก่ ดั่งสมญานามที่เรียกขานกันว่าเป็น เมืองใต้ดินหรือเมืองมนุษย์ถ้ำ (la Città Sotterranea)นั่นเองครับ ที่นี่ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1993 หรือ พ.ศ.2536
.
.
ย่านซัสสิดิมาเทรา (Sassi di Matera) มีความหมายว่า ย่านเมืองเก่า (Old Towe) จากจุดนี้เราเดินเท้ามุ่งสู่ นครถ้ำโบราณ (Sassi di Matera) อารยธรรมเก่าแก่อายุมากกว่า 9พันปี เก็บภาพความประทับใจและเดินศึกษาร่องรอยแห่งอารยธรรมของประวัติศาสตร์ในยุคโรมัน และการก่อตั้งถิ่นฐานในยุคสมัยแรกเริ่มของประเทศอิตาลี
.
.
จากจุดนี้เรายังสามารถเยี่ยมชมศิลปะและสถาปัตยกรรมต่างๆได้อีกมากมาย หรือจะเก็บภาพความประทับใจด้วยการถ่ายรูป ก่อนจะเดินทางต่อไปในจุดอื่นของเมืองบนเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์
.
.
เดินชมสถานที่ต่างๆมาก็หลายชั่วโมงแล้ว คงไม่มีอะไรดีไปกว่าอาหารพื้นเมืองรสชาติแบบฉบับดั้งเดิม เราเลือกที่จะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านชื่อ il terrazzino ใน ย่านซัสสิดิมาเทรา (Sassi di Matera)
.
.
เรื่องราวของร้านอาหารแห่งนี้หากมองผิวเผินแล้ว คงไม่ต่างอะไรกับร้านอาหารอิตาลีทั่วไป แต่จุดเด่นของร้านอาหารแห่งนี้อยู่ที่ชั้นล่าง เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก ซึ่งรวบรวมเรื่องราวของการทำเครื่องดื่มชั้นเลิศของที่นี่นั้นก็คือ ไวน์ ห้องเล็กๆแต่แฝงไปด้วยสตอรี่ความเป็นมาในการทำไวน์ยุคเก่าแก่เครื่องไม้เครื่องมือทุกชิ้นถูกเก็บอยู่ในสภาพดีเยี่ยมพร้อมคำอธิบายไว้ให้ได้ศึกษาเช่นเคย
.
.
ถ้าว่าไปแล้ว คำหนึ่งคำที่ว่า "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลงมือทาน" เอ้ย"ทำ" คงจะใช้ได้จริงสำหรับอาหารมื้อนี้ เพราะรสชาติของอาหารพื้นเมืองที่วางอยู่ตรงหน้า มันช่างเย้ายวนด้วยกลิ่นหอมและสีสันที่ถูกรังสรรค์ส่งตรงจากห้องครัวของทางร้าน ถึงแม้อาจจะดูธรรมดาแต่อย่าลืมว่า ย้อนไป พันกว่าปีที่ผ่านมา การคิดค้นกรรมวิธีปรุงอาหารในยุคสมัยก่อนเป็นเรื่องยากที่จะหยั่งถึง แต่ขณะนี้เรากำลังจะได้สัมผัสและลิ้มลองรสชาติของการปรุงแต่งในแบบธรรมชาติที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาพรรณาให้มากความลงมือรับประทานอาหารมื้อนี้กันเลยดีกว่า
.
.
จากมื้ออาหารกลางวันที่พูดว่าได้ ซึมซับการปรุงแต่งอาหารแบบวิถีธรรมชาติ จากนั้นเราเดินทางสู่
เมืองโคเซนซา (Cosenza) - เมืองแห่งการศึกษาด้านปรัชญาและวรรณคดีแห่งแรกในอิตาลีและยุโรป ตั้งอยู่ที่ แคว้นคาลาเบรีย (Calabria) ใช้เวลาเดินทางจาก เมืองมาเตรา (Matera) ประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ถึงเวลาย่ำค่ำ ที่จะออมพลังเพื่อการเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นต่อไป
.
.
ที่เมืองโคเซนซา (Cosenza) ภาพรวมของเมืองส่วนใหญ่จะแบ่งส่วนออกอย่างชัดเจน ด้วยเมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่ถูกใช้เป็นเมืองผ่านสิ่งที่จะเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือ แฟลตพักอาศัย และรถยนต์ส่วนบุคคลที่มีจำนวนมากมาย แต่ก็ถือว่ายังมีความสะดวกสบายในการเลือกโรงแรมสำหรับการพักผ่อนอย่างสงบเพื่อเก็บกระเป๋าแล้วไปต่อในเช้าวันรุ่งขึ้น
.....
ขอขอบคุณ
Kuoni GTS Thailand Limited
TURKISH AIRLINES
สำหรับการเดินทางเก็บร่องรอยศิลปะอารายธรรมบนเส้นทาง
Republic of Malta/ Sicily/ Southern Italy
.
เรื่องราว/ภาพ/โดย AofTenSia
