สวทน. เปิดตัวเลขการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ปี 61 สูง 1.5 แสนล้านบาท
ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) กล่าวว่า ตัวเลขการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาทั้งภาครัฐ และเอกชน ในรอบปีสำรวจ 2561
การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มสูงถึง 155,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 จากรอบสำรวจปีก่อนหน้า หากเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี คิดเป็นร้อยละ 1 ของจีดีพี ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และแตะร้อยละ 1 ของจีดีพี เร็วกว่าที่คาดหนึ่งปี
ทั้งนี้ ตัวเลขการลงทุนดังกล่าวแบ่งเป็นการลงทุนของภาคเอกชน 123,942 ล้านบาท และการลงทุนของภาครัฐ 31,201 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนโดยประมาณร้อยละ 80 และร้อยละ 20 ตามลำดับ
สอดคล้องกับตัวเลขจำนวนบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศ (FTE) ที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 21.0 ต่อ ประชากร 10,000 คน และคาดว่าหากรัฐ และเอกชนยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้การลงทุนวิจัยและพัฒนาและกิจกรรมนวัตกรรมของภาคเอกชนเป็นไปตามเป้าหมายของประเทศที่วางไว้
คือ ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มเป็นร้อยละ 1.5 ต่อจีดีพี และบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา (FTE) จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 25.0 ต่อประชากร 10,000 คน ภายในสิ้นปี 2564
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐถือเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนตัวเลขการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาไปสู่เป้าหมาย การเข้ามาบริหารประเทศของรัฐบาลชุดต่อไป จึงต้องการเห็นการขับเคลื่อนนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ที่มีการเร่งเดินหน้าการใช้ วทน. เข้ามาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
โดยเร่งอัตราการเติบโตของการลงทุนวิจัยและพัฒนาให้ถึง 2% ของจีดีพี ภายใน 7 ปีข้างหน้า หรือราว 340,000 ล้านบาทต่อปี โดยภาครัฐควรมีสัดส่วนการลงทุน 30% หรือประมาณ 100,000 ล้านบาท ภาคเอกชน 70% หรือ 240,000 ล้านบาท
อีกหนึ่งงานสำคัญในอนาคตคือ การออกแบบระบบและการบริหารจัดการกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งจะจัดสรรงบประมาณในลักษณะ Block Grant และต่อเนื่อง (Multi–Year) โดยกองทุนนี้จะอยู่ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โดยทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจสำคัญในอนาคตอันใกล้ของ สวทน. ที่ล้วนมีเป้าหมายในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนการพัฒนาสังคมและคนไทย อันจะนำประเทศให้หลุดพ้นจากประเทศรายได้ปานกลางสู่ประเทศที่ มีรายได้สูง และก้าวสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง