กฟน.ยันจ่ายสินไหมทดแทน หนุ่มโดนหม้อแปลงระเบิด อยู่ระหว่างรอเอกสาร

กรณีเพจดังนำเรื่องราวขอองหนุ่มเคราะห์ร้าย ถูกหม้อแปลงระเบิดใส่จนกลายเป็นผู้พิการตลอดชีวิต สภาพเหมือนตายทั้งเป็น ไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ซึ่งเจ้าตัวโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวขอความเป็นธรรม หลักจาได้เงินชดเชยจากทาง การไฟฟ้านครหลวงเพียงหลักแสน ซึ่งเป็นจำนวนน้อยนิด เมื่อเทียบกับสิ่งที่ต้องสูญเสียไปตลอดชีวิต แม้ไม่ใช่ความผิดของตัวเอง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

• หนุ่มขับ 'รถ' โดนหม้อแปลงระเบิดใส่ พิการตลอดชีวิต โพสต์ขอความเป็นธรรม

ล่าสุด การไฟฟ้านครหลวงได้ออกมาชี้แจงถึงกรณี จ่ายสินไหมทดแทน ให้กับผู้เสียหายในครั้งนี้ โดยระบุว่า จากกรณีการนำเสนอข่าวผู้บาดเจ็บ ในเหตุการณ์ไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ที่บริเวณถนนวิทยุ เขตราชเทวี จนถึงปัจจุบัน โพสต์ขอความเป็นธรรมในเรื่องการชดเชยเยียวยาผ่านสื่อโซเชียลมีเดียนั้น MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ขอแสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ และครอบครัว โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MEA ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชีวิต และทรัพย์สินของผู้เสียหาย ซึ่ง MEA ได้ประสานงานกับผู้บาดเจ็บรายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยเหลือการรักษาพยาบาลเต็มจำนวน โดยให้เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจาก MEA โดยตรง

MEA ในฐานะที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ การพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจักต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์และพยานหลักฐานต่างๆ ที่ผู้เสียหายยื่นประกอบ ซึ่งการพิจารณาค่าสินไหมทดแทน จะพึงใช้สถานใด เพียงใดนั้น จักต้องมีกฎหมายเปิดช่องให้พิจารณา เช่น ในส่วนของค่าขาดประโยชน์แรงงาน ผู้เสียหายจักต้องแสดงเอกสารยืนยันรายได้, ค่ารักษาในอนาคต ผู้เสียหายจักต้องให้แพทย์ทำการประเมินว่า ลักษณะอาการปัจจุบัน ต้องทำการรักษาอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ พร้อมแนบเอกสารให้ MEA เป็นต้น โดยล่าสุด แพทย์มีกำหนดนัดประเมินในวันที่ 26 มีนาคม 2567 ทั้งนี้ ผู้เสียหายยังไม่เคยเจรจาค่าสินไหมทดแทนกับ MEA และ MEA ยังไม่ได้รับเอกสารการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้เสียหาย

ปัจจุบัน MEA ยังมีการประสานงานกับผู้เสียหายอย่างต่อเนื่อง และยังอยู่ในระหว่างการรอเอกสารต่าง ๆ จากผู้เสียหาย โดย MEA ยืนยันว่าการเจรจาค่าสินไหมทดแทนนี้ยังไม่ได้เริ่มต้น เนื่องจากผู้เสียหายพึ่งออกจากโรงพยาบาล และอยู่ระหว่างให้แพทย์เจ้าของไข้ทำการประเมินค่ารักษาในอนาคต  ซึ่งหาก MEA ได้รับเอกสารต่าง ๆ จากผู้เสียหายแล้ว MEA จะเร่งดำเนินการเจรจาค่าสินไหมทดแทนกับผู้เสียหายต่อไป