(คลิป) 'แทค' ขอเป็นเสือจำศีลเพราะพ่อตา-พี่เขยดุ

 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก - ทำเอาใครหลายคนฮือฮาหลัง “แทค” ภรัณยู ลงภาพแต่งงานกับไฮโซสาว “เบลล์” ณัฐพร เองตระกูล งานนี้มีเพื่อนๆ มาร่วมแสดงความยินดีมากมาย ล่าสุดนักแสดงหนุ่มขอเปิดใจถึงเรื่องกับกับสื่อมวลชน ที่สตูดิโอ จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ถึงเรื่องราวครั้งนี้ว่า
 

    เรื่องราวเป็นอย่างไร? 
    "ก็อย่างที่เป็นข่าวออกไป ไม่มีอะไรมาก เราคบมา 2-3 ปีใช่แล้ว กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น วันนั้นเรียกว่าทำบุญเฉยๆ ดีกว่า ไม่ได้จัดงานแต่งงานอะไรมากมาย ก็แค่ให้คุณพ่อคุณแม่เจอกัน ทำบุญกัน  บรรยากาศวันนั้นมันก็ปกติธรรมดา ซึ่งผมก็เคยพูดอยู่แล้วว่า ถ้าจะมีครอบครัวก็คือมีน้องเลยตอนอายุ 35 ซึ่งปีนี้ผมก็ 35 แล้ว ก็ทำบุญปกติ ตอนแรกกะว่าจะไม่จัด แต่ว่าเราต้องให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่ของฝ่ายน้องเขาด้วยก็จัดพิธีเล็กๆ ประมาณ 6 โมงเช้า ถึงประมาณเที่ยงแล้วหลังจากนั้น ผมก็ไปถ่ายละครต่อ ไม่ได้หยุด ฝ่ายหญิงให้ผมเป็นคนตัดสินใจอยู่แล้ว แต่ก็ต้องให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่เขาด้วยเราเลยจัดพิธีเล็กๆ อบอุ่นแค่นั้นพอ (ทำไมถึงเลือกวิธีทางศาสนา) เพราะผมนับถือศาสนาพุทธ ผมก็ต้องทำพิธีพุทธ ที่สำคัญก็คือได้มีโอกาสเจอพระสังฆราชด้วย เลยรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมาก แค่นี้ผมก็แฮปปี้มากแล้ว

    ก่อนหน้านี้ได้ไปสู่ขอน้องอย่างเป็นทางการมั้ย

    เป็นขั้นเป็นตอนปกติแต่ผมไม่ได้เปิดเผยเฉยๆ ผมเข้าตามตรอกออกตามประตู ผมทำตามประเพณีทุกอย่าง (คนมองแต่งฟ้าแล่บ) มันไม่ได้ฟ้าแล่บนะ ผมก็ใช้ชีวิตปกติของผม ผมวางแผนของผมเรียบร้อยแล้วว่าจะเป็นอย่างไรมันก็ออกมาตามสเต็ปตามที่ผมทำ (หลายคนสงสัยเรื่องแฟนสาว คบมา 3 ปีไม่มีข่าวเลย) เราอยากจะลองศึกษากันไปว่าไลฟ์สไตล์เป็นแบบนี้ เขาจะรับในสิ่งที่ผมเป็นได้มั้ย ศึกษากันแบบเงียบๆ ไม่ต้องเอิกเกริกมาก ถ้ามันใช่ก็จัดเลย คือเราไปเจอกันในงานอีเว้นท์ จากนั้นก็พูดคุยกัน สนิทกัน และคุยกันมาเรื่อยๆ ถามว่าเขาเข้าใจสถานะ ที่คุยกันแต่ไม่เปิดเผยไหม เขาเข้าใจนะ เราก็ศึกษากันไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเขาเป็นคนพิเศษคนหนึ่งที่เข้ามาคุยกัน เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันผมก็ไปปกติเลย มันไม่ต้องปิด ต้องเปิดอะไร ในชีวิตผมมันก็ธรรมดาชิล ชิล 2-3 ปี ที่คบกันคุณพ่อคุณแม่ก็รู้ ไม่ได้ปิดกั้นอะไร

     อะไรที่ตัดสินใจให้เขาเป็นคนพิเศษ

     เขาไปมาหาสู่คุณพ่อคุณแม่ของเรา แล้วเราก็ไปมาหาสู่คุณแม่ของเขา มันก็เริ่มเป็นการผูกพันธ์ และเกิดความรักขึ้นมา ในเมื่อความรักมันมาถึงจุดที่พร้อมแล้ว ก็มีน้องได้เลย เพราะว่าเราก็อายุ 35 แล้ว ถ้าจะมีลูกตอนอายุ 40 ก็ไม่ไหว วิ่งตามลูกไม่ทัน มันก็มีน้องเลยดีกว่า”

 

 

 

    เมื่อถามต่อว่าการมีน้องเป็นการวางแผนของเราสองคนหรือความบังเอิญ ซึ่งนักแสดงหนุ่มแจงว่า
    “เราวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาผมเคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้าจะแต่งงานคือผมจะมีลูกเลยนะ 
    ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เราบอกว่าโสด และก็มีข่าวกับสาวๆมาเรื่อยๆ

    มันคือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องของปัจจุบัน ผมมีครอบครัวแล้ว แน่นอนว่าครอบครัวต้องมาก่อน ลูกต้องมาก่อน (แต่ก่อนที่เราจะแต่งงาน เราก็คบกับ ตาล นางแบบสาว) กับตาลผมรู้จักมานานแล้ว เขาทำงานเกี่ยวกับวงการหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ เราก็มีเฟซบุ๊คกัน พอเขาพิมพ์อะไร ผมก็เข้าไปพิมพ์กวนเท่านั้นเอง มันก็เลยมีเรื่องมีราวขึ้น ไม่ได้เจอกันมาปีกว่าแล้ว 
    (เขาช็อกกับสิ่งที่เราเซอร์ไพร์ส)

    เขาช็อก ผมก็ไม่รู้ว่าเขาช็อคอะไร ถามว่าเขามีความหวังในตัวเราหรือเปล่า โอ้โห มีความหวังในตัวผมเลยเหรอ ถามว่าผมเห็นข้อความที่ผมลงแล้วใช่ไหมคือผมเห็นแล้ว ผมบอกเลยว่า ผมไลน์ไปถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าไม่มีอะไร เขาก็เม้มท์ไปตามปกติของเขา แล้วผมก็เม้มท์ไปแค่นั้นเอง ที่บอกว่าก็ไปสิ ก็เป็นคำสั่นๆแค่นั้นเองไม่ได้มีนัยยะอะไรเลย ผมจะไปมีนัยยะอะไรกับใครล่ะ 
    (เรียกว่าเราไม่ได้คบซ้อน) ไม่ได้คบซ้อน ถ้าเขาจะออกมาพูดถึงความสัมพันธ์กับผมเป็นหนังคนละม้วน ผมว่าไม่มีหรอก ไลน์ไปถามเลย คือก่อนหน้านี้ผมไลน์ไปถามเขา ว่ามัน เกิดอะไรขึ้น มีประเด็นอะไรขึ้น แล้วเราก็แค่อยากรู้คำตอบ ว่าเขาระบายอะไรหรือเปล่า เขาก็บอกว่าระบายเรื่องปกติของเขา แล้วผมเข้าไปเม้นท์ปกติ ผมชอบเม้นท์แซวเขาอยู่แล้ว เบลล์ เขาก็รู้แต่เราก็ไม่มีอะไรมาก คือเราก็ให้ความมั่นใจกับเขารัดับหนึ่ง และเขาก็คงเข้าใจสไตล์ผมด้วย ว่าเป็นคนแบบนี้ เรื่องเพลย์บอยผมบอกเลยว่าเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ตอนนี้คือปัจจุบัน ผมมีครอบครัวผมมีลูกแล้ว ตอนนี้คำว่าอบดบอยเปลี่ยนเป็นแฟมิลี่แมนดีกว่า จบนะ แล้วที่ถามว่าเป็นเสือถอดเขี้ยวเล็บไหม คือพี่ครับ เสืออย่างไรก็เป็นเสือเว้นแต่ว่ามันจะจำศีลอยู่หรือเปล่า 

 

 

    (ตอนนี้จำศีลหรือเปล่า) ก็ต้องจำศีลสิ อย่าลืมนะ ว่าพ่อตาผมเป็นตำรวจ และที่สำคัญผมมีพี่เขยโหดนะ (หัวเราะ) ผมก็ต้องจำศีลสิ 
    (เราให้ความมั่นใจครอบครัวเขาอย่างไร) เอาใจล้วนๆเลย เอาใจไปเลย ผมไม่มีอะไรผมพูดเลย" 
    เมื่อถามต่อว่าตอนนี้มีลูกแล้วรู้สึกอย่างไร แทคกล่าวว่า
    "แน่นอนว่าความรู้สึกแรกคือต้องวิ้งก่อน วิ้งว่ามันต้องทำอะไรต่อ มีท้องแล้วเราต้องไปสเต็ปไหน ต้องทำตัวอย่างไร และมันจะคิดไปต่างๆ นาๆว่า เกิดม่เขาจะสมบูรณ์ไหม เขาจะเป็นอะไรไหม มันคิดตลอดเวลา 
    (ตอนนี้ภรรยาเราท้องกี่เดือนแล้ว) ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว ตอนนี้ทราบเพศแล้ว ลูกผมเพศชาย ส่วนเรื่องชื่อนั้น ตอนนี้ผมก็เรียกเขาว่าภรัณ เพราะผมชื่อภรัญยู     (ภรรยามีอาการแพ้ท้องไหม) ผมแพ้ ทุกวันไม่เคยอยากกินกระท้อนก็อยากกิน ไม่เคยจะกินมะขามก็กิน แล้วก็เป็นผื่นกุหลาบ ซึ่งมันจะมีแค่คนท้องที่เป็น ผมก็เป็น อยากกินอุทัยทิพย์ แปลกมาก ไม่เคยเจอเลย (หัวเราะ) ก็แพ้ท้องแทนเขา ถามว่าไลฟสไตล์จะต้องเปลี่ยนไปไหม คือมันก็เปลี่ยนในระดับหนึ่ง แต่ว่าเราก็เป็นลุคปกติ อาจจะมีลุคแฟมิลี่แมนเข้ามาบ้าง แล้วไลฟสไตล์เรา คือประมาณ 2-3 ปีที่เราคบกันมา เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นแบบไหน เขาก็โอเพ่น เราก็โอเพ่น ก็ชิลๆ ง่ายๆ สบายๆ     
    (แล้วเรื่องสัก จะหยุดไหม) ไม่หยุด ก็ไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เส้นที่สักหน้าลูกเรียบร้อยวางแผนข้างหลังไว้แล้ว ว่าจะสักอะไร (เตรียมตัวเป็นคุณพ่ออย่างไรบ้าง) จะบอกว่าช่วงเวลาที่ผมรู้ว่าตัวเองมีลูก คนแรกที่รู้ จำไว้เลยนะ คือพี่มิค บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ ซึ่งเขามีลูกอยู่แล้ว แล้วเขาเป็นคนที่แนะนำที่ฝากท้อง เขารู้แต่เขาก็ปิดให้ผม (หัวเราะ) คือคนในวงการที่สนิทจะรู้อยู่แล้ว แล้วเวลาที่ผมเจอใครที่เขามีลูก ก็จะถามว่าเวลาเลี้ยงลูกเลี้ยงยังไง เขาก็รู้แล้ว ผมก็บอกไปตรงๆ ไม่ได้ปิด ตอนนี้ก็พาภรรยาไปฝากครรภ์เรียบร้อยหมดแล้วปกติทุกอย่าง ไม่ได้แอบอะไรเลยครับ แค่ไม่มีใครถาม ไม่มาอะไรเฉยๆ 

 

 

    (เพื่อนสนิทตกใจไหม) เขาไม่ได้ตกใจ เขายินดีกับเราด้วยซ้ำ อย่าลืม 35 แล้วนะ อายุปูนนี้แล้ว ควรมีลูกได้แล้ว ส่วนพ่อผมก็แฮปปี้อย่าลืมนะ ทุกครั้งที่สัมภาษณ์พ่อก็จะบอกเมื่อไหร่จะมีหลาน ตอนนี้พอมีหลานให้ ก็ปกติ 
    ถามต่อว่าหลังจากนี้จะอยู่ที่ไหน กรุงเทพหือต่างจังหวัด ซึ่งนักแสดงหนุ่มกล่าวว่า 
    "หลังจากนี้ก็คงอยู่ที่กรุงเทพ ทางพ่อตาก็เตรียมที่ให้เราเข้าไปอยู่เรียบร้อยแล้ว คือต้องบอกว่าพ่อตาดีมาก ตั้งแต่รู้ว่าจะจัดงานเขาเตรียมหมดเลย ตั้งแต่วัดอยู่ตรงไหน ประสานงานพระสังฆราช ประสานงานนู่นนี่ แล้วก็ให้เข้ามาอยู่กับพ่อแม่ เดี๋ยวช่วยดูแลหลานให้ ต้องบอกตรงๆว่าผมอยู่กรุงเทพคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว เขาก็เหมือนเมตตาผมให้ผมมาอยู่กับครอบครัวเขาได้เลย จะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้รอพ่อตากำลังทำห้องให้อยู่ ยังไม่ได้ย้ายเข้าไป ส่วนงานฉลองมงคลสมรสมรสนั้น คงไม่มี แต่ว่าสิ้นเดือนนี้ได้ยินว่า พี่เป๊ก (สัญชัย เองตระกูล) ชวนไปกินข้าวที่บ้าน แค่นั้นพอแล้ว ถามว่าต้องแต่งตัวเรียบร้อยไหม ผมก็จะแต่งตัวปกติธรรมดา 
    (วางแผนมีลูกกี่คน) ขอมีคนเดียวก่อน ขอลองเลี้ยงดูว่าเขาเป็นอะไรยังไง เพราะอย่าลืมว่าการเลี้ยงลูกมันไม่เหมือนการเล่นละครหรือทำพิธีกรนะครับ เพราะอันนี้เรารู้แล้วว่าต้องทำยังไง แต่ว่าอันนี้คือเลี้ยงลูก เราต้องศึกษาการเลี้ยงดูเขา คือตอนนี้มันคิดหมดเลยวางแผนว่าต้องซื้ออะไรบ้าง แต่ว่าตนที่มีลูกมาก่อนบอกว่ายังไม่ต้องซื้อนะ รอให้มีก่อนแล้วเดี๋ยวจะรู้ว่ามันต้องซื้ออะไรบ้าง ส่วนกำหนดคลอดประมาณเดือน พ.ค.-มิ.ย. 
    (กังวลกับความเป็นคุณพ่อมือใหม่มั้ย) กังวลตลอดว่าเราจะเป็นพ่อที่ดีให้เขาได้หรือเปล่า เพราะผมก็ไม่ใช่คนดีอะไรมาก ก็กังวลว่าจะเลี้ยงลูกได้ดีหรือเปล่า แต่ในเมื่อเขามาผมก็จะพยายาม”

 

 

    เมื่อถามต่อว่ามีครอบครัวแบบนี้ต้องทำงานในวงการหนักกว่าเดิมมั้ย ซึ่งแทคแตจงว่า
    “ทำปกติ ผมทำงานได้ตลอด ขนาดแต่งงานผมยังไปถ่ายละครเลย (ตอนกลับไปถ่ายละครเพื่อนๆในกองแสดงความยินดีด้วยมั้ย) เขายังไม่รู้กันว่าผมมีครอบครัว ผมแต่งงาน ผมไม่ได้บอกใคร ผมบอกแล้วว่าถ้าผมมีก็มีไปเลย ไม่ต้องประกาศให้ใครรู้ 
    (ในส่วนของเบลล์ เขาทำธุรกิจอะไร) ครอบครัวเขามีธุรกิจของเขาอยู่แล้ว ตอนนี้เขาก็ทำงานเกี่ยวกับการจัดงานอีเวนท์ เราก็ต่างคนต่างทำงาน ถ้าวันไหนเขาใกล้จะคลอดเขาก็กลับมาทำที่บ้านของเขา 
    (รีสอร์ตของเราเขามีหุ้นมั้ย) ไม่มี รีสอร์ตเป็นของผมกับคุณพ่อผม (ถ้าหลังจากนี้มีสาวๆออกมาแฉ มาแสดงความเป็นเจ้าของเราอีกจะยังไง) ก็บอกเขาไปเลยว่าผมมีครอบครัวแล้วผมมีลูกแล้ว รู้ว่าควรจะทำยังไง 
    (หลังจากนี้เบลล์จะใช้นามสกุลไหน) เราตกลงกันแล้วว่าใช้นามสกุลใครนามสกุลมัน แต่ของลูกกำลังคิดอยู่ว่าจะใช้นามสกุลผมหรือนามสกุลแม่เขา หรือจะจดพร้อมกันเลยก็ได้ กำลังดูอยู่ ส่วนเรื่องการจดทะเบียนสมรส เรายังไม่ได้คิดกันถึงเรื่องนั้น คิดแค่เรื่องลูก ถ้าเกิดลูกต้องใช้นามสกุลฝั่งภรรยาผมก็ไม่ติดขัดอะไร 
    (ณ ตอนนี้มีความสุขแค่ไหนหลังจากที่เราตั้งความหวังว่าอยากจะมีลูกให้พ่อ) เรียกว่าสิ่งที่ผมวางแผนไว้สำเร็จเกือบครบถ้วนแล้ว ตอนนี้เหลือวางให้เขาโตมาแล้วใช้ชีวิตในสังคม เลี้ยงเขาให้ดี ว่ากันไปตามถูกผิด ถ้าเขาทำถูกก็ว่าถูก ถ้าเขาทำผิดก็ว่าผิด" แทคกล่าวปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม