บันเทิง

'อ้อม' มองแง่ดี 'พ่อเปี๊ยก' จากไปอย่างสงบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อ้อม" พิยดา พร้อมด้วย พี่น้องเปิดใจทั้งน้ำตาสูญเสียคุณพ่อ "เปี๊ยก" พิศาล อัครเศรณี พร้อมเผยจะสานต่องานพ่อ

         ทีมบันเทิง  คมชัดลึก -  อีกครั้งที่วงการบันเทิงต้องสูญเสียบุคคลคุณภาพอย่าง นายพิศาล อัครเศรณี หรือ เปี๊ยก พระเอกระดับตำนาน เจ้าของฉายา พระเอกตบจูบ หลังเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 4 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ณ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ด้วยวัย 73 ปี  โดยก่อนหน้านี้ นายพิศาล ได้ป่วยเป็นหลอดเลือดหัวใจตีบ

        โดยกำหนดสวดอภิธรรม ณ ศาลากลางน้ำ  วัดเทพศิรินทราวาส ในวันที่ 4 ธันวาคม 2561 มีพิธีรดน้ำศพ เวลา 17.00 น. และสวดอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 6-11 ธันวาคม
       ก่อนพิธีสวดอภิธรรมในคืนนี้ (4 ธ.ค.) ลูกชาย-ลูกสาวของอาเปี๊ยก ได้แก่ "โอ" อัครพล  อัครเศรณี (ลูกชายคนโต) "อ้อม" พิยดา จุฑารัตนกุล "อ๋อ" ศิรดา อัครเศรณี เมเยอร์ และ "โอ๊ต" นนทพร อัครเศรณี ให้สัมภาษณ์ บริเวณด้านหน้า ศาลาริมน้ำ ที่วัด เทพศิรินทราวาส โดย "โอ" อัครพล อัครเศรณี ลูกคนโตกล่าวถึงอาการก่อนไปโรงพยาบาลว่า
" ท่านบอกว่าหายใจก็ไม่ออกทและก็เริ่มปวดบริเวณด้านหลัง ซึ่งตอนนั้นโอ๊ตเป็นคนที่อยู่กับคุณพ่อ กับการจาไปของคุณพ่อครอบครัวเราไม่ติดใจอะไรเลย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าทุกคนทำเต็มที่ คงไม่มีใครไม่หวังดีหรอก ทุกคนต่างก็หวังดีกันหมด ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านยังบอกให้น้องชายให้กลับมาพรุ่งนี้เช้าเลย ไม่ต้องนอนเฝ้าหรอก ไปเอาเสื้อผ้ามาก่อน คือปกติมากๆ (ใครที่ได้อยู่กับอาเปี๊ยกครั้งสุดท้าย) ผมเอง คือคุณพ่อมองหน้าแล้วบอกว่าพ่อหายใจไม่ออก ช่วยพ่อหน่อย แค่นั้นแหละ นี่คือประโยคสุดท้ายที่พ่อพูด (นอกจากหนังสือมีคำสั่งเสียอะไรที่พูดกับลูกๆไหม) คุณพ่อห่วงลูกทุกคน แต่ตอนนี้ลูกทุกคนก็อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว เขาก็สบายใจประมาณหนึ่ง คุณพ่อเป็นคนที่มีความอดทนสูง แต่ก็มีข้อดีและข้อเสียคือ ถ้าเขาไม่เจ็บจริงๆ ขนาดจะต้องเข้าโรงพยาบาลเขาจะไม่บ่น หรือไม่ปริปากเลย มีน้ำอกน้ำทนที่สูงมาก บางทีเลยทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปไม่ทัน ท่านเหมือนไม่มีห่วงแล้ว ช่วงหลังอาจจะเหงาๆหน่อย เพราะลูกๆ ก็กระจายกันทำงาน ไม่ค่อยได้รวมตัวกันเท่าไหร่ ตอนนี้ผมเริ่มเฟตมาทำธุรกิจส่วนตัว ก็อยากบอกพ่อ หลับให้สบายไม่ต้องห่วงพวกเรารักกัน จะดูแลกันและกันตลอดไป" โอกล่าว

 

 

'อ้อม' มองแง่ดี 'พ่อเปี๊ยก' จากไปอย่างสงบ 'อ้อม' มองแง่ดี 'พ่อเปี๊ยก' จากไปอย่างสงบ

 

ในขณะที่ "โอ๊ต" นนทพร กล่าวเสริมว่า "ก็คือพอคุณพ่อบอกว่าท่านมีอาการปวดมากขึ้น เราก็เลยเรียกรถพยาบาลมารับคุณพ่อที่บ้านเพื่อให้คุณหมอได้ทำการตรวจ จากนั้นพอไปถึงคุณหมอเขาก็ได้ให้ยาแก้ปวดเบื้องต้นและรอดูอาการ ส่วนทางเราเองก็ได้มีการติดต่อไปหาคุณหมอที่เคยทำบอลลูนให้กับคุณพ่อ แล้วจึงย้ายไปยังอีกโรงพยาบาล แต่อาการของคุณพ่อก็ไม่ดีขึ้นจากนั้นท่านก็ไปอย่างสงบ สุขภาพของคุณพ่อก่อนหน้านี้ก็คือคุณพ่อจะเป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งท่านจะเป็นอยู่ประมาณครึ่งเส้น เพราะคุณพ่อเคยได้ทำบอลลูนไปแล้วหนึ่งเส้น แต่มันเหลืออีกครึ่งเส้นที่คุณหมอบอกว่ายังไม่ต้องทำก็ได้ และให้ใช้วิธีการทานยาแทน ท่านก็เลยมีปัญหาแค่ตรงนี้แหละครับ ตรงที่คุณหมอให้ท่านคุมอาหารและรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณพ่อท่านจะไม่ค่อยได้คุมสักเท่าไหร่และอาจจะทานนู่นทานนี่บ้าง (คุณพ่อยังยกหูโทรศัพท์โทรหาคุณหมอเองเลยหรอ) น้าเวช ผู้ช่วยพ่อ เขามีเบอร์อยู่ แต่ตอนนั้นก็ดึกมากแล้ว และจริงๆ คุณหมอเจ้าของไข้ก็อยู่เมืองจีนพอดี เลยโทรไปเป็นผอ.เก่าของโรงพยาบาล ก็เลยบอกว่าให้ย้ายมาที่นี่ดีกว่า (ลูกๆตั้งรับกับความสูญเสียกระทันหันนี้อย่างไรบ้าง) ก็อยากไม่รู้จะตั้งรับอย่างไรเหมือนกัน คุณพ่อสอนให้มองคนที่ความดี ใครที่ดีกับเราก็ดีด้วย ไม่เกี่ยวว่าฐานะจะยากดีมีจน เราดูแลหมด"

 

'อ้อม' มองแง่ดี 'พ่อเปี๊ยก' จากไปอย่างสงบ 'อ้อม' มองแง่ดี 'พ่อเปี๊ยก' จากไปอย่างสงบ

เมื่อถามต่อว่า คุณหมอได้ชี้แจงไปว่าอาการทั้งหมดเกิดจากอะไร "อ้อม" พิยดา แจงว่า
"คือคุณหมอเข้ามาตอนที่อาการค่อนข้างที่จะแบบ...เหมือนอาการเริ่มต้นของคนที่เป็นโรคหัวใจวาย ก็คือแน่นหน้าอกหรือเจ็บหลัง ซึ่งพอตอนหลังหัวใจคุณพ่อท่านก็เหมือนมันช็อคไป แล้วคุณหมอก็มาช่วยปั๊มค่ะ ใช้เวลาปั๊มหัวใจอยู่นานมาก ปั๊มอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง เหมือนรอให้เกิดปฏิหาริย์ แต่ก็ไม่มีสัญญาณชีพเกิดขึ้นเลย ที่ผ่านมาสุขภาพท่านก็แข็งแรงดี แต่อาจจะมีเหนื่อยบ้าง เวลาทำงานในช่วงหลังท่านก็เหนื่อยบ่อย (ระหว่างที่นำตัวคุณพ่อส่งโรงพยาบาล คุณพ่อท่านได้พูดอะไรกับเราบ้างไหม) ไม่นะ คือไม่ทันตั้งตัวเลย ทุกอย่างมันเร็วมาก เนื่องจากอาการเริ่มต้นมันเป็นแค่อาการเจ็บหลัง เราก็เลยไม่ได้อะไร และคำพูดสุดท้ายที่เหมือนท่านพูดกับพี่ชายก็คือ 'โอ โอ พ่อหายใจไม่ออก' และจากนั้นท่านก็ไปเลย ท่านมีอาการลักษณะนี้เมื่อวานเลย ที่ผ่านมาก็ปกติดี (จากข่าวที่ออกมาเหมือนหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะการรักษาที่ไม่ถูกวิธี)  ไม่น่าจะเป็นการรักษาที่ไม่ถูกวิธีนะคะ คือมันน่าจะเป็นปกติทางการแพทย์นี่แหละค่ะ เพียงแต่การสั่งงานมันอาจจะขลุกขลักไปบ้าง เนื่องจากว่าช่วงที่เราไปถึงโรงพยาบาลมันดึกแล้ว และทีมแพทย์ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ให้ความช่วยเหลือกันเต็มที่เราเชื่อว่าทุกคนทำหน้าที่ด้วยความหวังดี คุณพ่อไปกระทันหันมาก เพราะเดินไปเนอะ เดินเข้าไปได้ปกติ (หนุ่ม กรรชัย บอกว่าถ้าเป็นหมอโรคหัวใจจริงๆ จะรู้ว่าการปวดข้างหลังมันมาจากโรคหัวใจ) ใช่ จริงๆ เราอาจจะไปเข้าโรงพยาบาลอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งอาจจะยังไม่ได้ทราบสาเหตุขนาดนั้น พอเขารู้แล้วก็เลยย้ายโรงพยาบาล พอดีคุณพ่อโทรไปปรึกษากับคุณหมอเจ้าของไข้ พอรู้เรื่องปุ๊บก็เลบรีบย้าย (เชื่อมั้ยว่าถ้าเจอหมอถูกโรคอาจจะไม่เป็นแบบนี้) จริงๆ แล้วอ้อมคิดว่าเป็นเวลาของคุณพ่อมากกว่า ซึ่งจริงๆ เราก็สูญเสียคุณพ่อไป เราก็อยากจะมองในด้านที่ดีมากกว่า เรียกว่าพ่อไปสบายที่สุดเลย เพราะไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ปวดอะไร เหมือนเบลอๆ แล้วบอกว่าพ่อหายใจไม่ถนัดนะ แล้วก็ไปเลยภายในแป๊บเดียว อ้อมเองก็ไปไม่ทันใช่มั้ย ไม่ทัน ไปถึงก็คือปั้มแล้ว หัวใจล้มเหลวไปแล้ว หัวใจหยุดการทำงาน หลอดเลือกมันช็อตน่ะค่ะ คุณหมอบอกว่าเหมือนหลอดเลือดมันตีบฉับพลัน ก็ทำให้ไม่จ่ายเลือดเข้าไปในหัวใจ แล้วหัวใจพ่อก็มีปัญหาอยู่แล้ว อย่างที่น้องชายบอกไปว่าเส้นเลือดตีบไปหนึ่งเส้น ซึ่งทำไปแล้ว เหลืออีกครึ่งเส้นซึ่งมันเป็นเอฟเฟคพ่อด้วยการที่อาจจะกินอาหารอะไรที่ถูกใจ แต่ว่าอาจจะไม่ถูกกับร่างกาย ก็ทำให้เกิดเอฟเฟคตรงนี้ (มีเปรยๆ สั่งเสียอะไรมั้ย) มีเนอะ ซึ่งเราตกใจมาก อย่างหนังสือที่เราจะแจกตอนเผาน่ะค่ะ พ่อก็ทำมานานแล้ว เป็นหนังสือประวัติเขาเอง (ตอนนั้นได้ถามมั้ยว่าทำไมรีบทำจัง) ตอนนั้นก็เหมือนเขาอายุเยอะแล้ว เขาก็อยากเขียนประวัติตัวเขาเองประมาณนั้น (ไม่ได้มีลางบอกเหตุอะไร) ไม่มีลางนะ เพราะมันนานแล้ว แกอยากเขียน อยากเก็บรวบรวมโปสเตอร์ เรื่องราวของเขา เรื่องลูก เรื่องชีวิตของเขา และพอทำเสร็จเขาก็บอกน้องเลขาที่สนิทว่า หรือจะเอาไว้แจกตอนงานศพเขา ซึ่งหนังสือเล่มนี้ทำไว้นานแล้วเป็นปีแล้วตั้งแต่ นาวาอายุ7 เดือน แต่รูปเล่มเพิ่งเสร็จตอน6 เดือนที่ผ่านมานี้เอง (ยังมีอะไรที่อาเปี๊ยกค้างคาแล้วต้องสานต่อไหม) เหมือนจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ มีโปรเจ็คที่คิดจะทำแต่ยังไม่ได้เริ่ม มีละครที่ยังไม่ได้ออนแอร์ แต่คุณพ่อก็พูดกับอ้อม นะว่าถ้าเหนื่อยก็อยู่สบายๆ ดีกว่า (คุณพ่อสอนอะไรหรือสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงไหม) สอนมาตลอดให้เราตรงเวลา และอดทน เขาไปเมื่อไม่ไหวจริงๆ เราถึงไม่โทษใคร แต่เขาก็เคยพูดกับอ้อมนะว่าไม่ต้องห่วงนะ ถ้าเวลาพ่อไปจะไม่ให้ลูกลำบาก พ่อจะตายไปเลยแบบนี้ (คุณพ่อยังมีห่วงอะไรบ้างไหม) ไม่น่ามีแล้วนะ ส่วนงานในวงการบันเทิงอ้อมก็ยังตามรอยอยู่ เดี๋ยวก็สานต่อไป ยังทำงานตรงนี้อยู่ เป็นผู้จัดอยู่ (ร้องไห้) ยังเป็นนักแสดงอยู่" เมื่อถามต่อว่ามีอะไรอยากบอกพ่อไหม อ้อม น้ำเสียงสั่นเครือว่า “พวกเราทุกคนจะเป็นเด็กดีอย่างที่พ่อสอนเรา หลังจากนี้น่าจะเผาเลย แต่คงดูอีกทีว่าจะยังไง เราคุยกันถึงแค่วันสวด ส่วนจะเผาวันไหนและจะแจ้งให้ทราบอีกที”

 

'อ้อม' มองแง่ดี 'พ่อเปี๊ยก' จากไปอย่างสงบ 'อ้อม' มองแง่ดี 'พ่อเปี๊ยก' จากไปอย่างสงบ

 

ส่วน "อ๋อ" ศิรดา กล่าถึงสิ่ที่ทำให้คิดถึงคุณพ่อเสมอเป็เพราะว่า "คุณพ่อสอนเสมอว่าให้เราเกิดมาแล้วอยู่บนดิน ให้คลุกดิน และให้ถ่อมเนื้อถ่อมตัว" อ๋อ กล่าวน้ำเสียงเครือๆ 

 

'อ้อม' มองแง่ดี 'พ่อเปี๊ยก' จากไปอย่างสงบ 'อ้อม' มองแง่ดี 'พ่อเปี๊ยก' จากไปอย่างสงบ

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ