"อุ๊" หฤทัย ม่วงบุญศรี เผยเตรียมส่งภาพวาดต้นไม้ เขียนด้วยสีน้ำมันพิสูจน์ หาเป็นของ "วินเซนต์ แวนโก๊ะ" จิตรกรชื่อดังระดับโลกจริง พร้อมส่งให้พิพิธภัณฑ์
เป็นเรื่องฮือฮา เมื่อ "อุ๊" หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดังได้มีการเปิดเผยว่าเธอมีภาพวาดต้นไม้ เขียนด้วยสีน้ำมันไว้ในการครอบครอง ซึ่งได้พิสูจน์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และพบว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพเก่าอายุนับร้อยปี ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าเป็นภาพวาดของ "วินเซนต์ แวนโก๊ะ" จิตรกรชื่อก้องโลก โดยมีการประเมินราคาว่าถ้ามีการซื้อขายจะตกที่ 3 พันล้านบาทกันเลยทีเดียว
โดยในงานหนึ่งทศวรรษ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) ที่โรงแรมเซ็นทารา เซ็นทรัล ลาดพร้าว "อุ๊" เผยเรื่องราวของภาพนี้ว่า
"เมื่อปี 1884 เป็นรุ่นพี่ของ วินเซนต์ แวนโก๊ะ ที่เรียนสถาบันเดียวกันที่รอยัล อคาเดมี ไปได้มาอีกภาพหนึ่ง คือกรอบถูกขายไปมูลค่าหลายแสนบาท แต่ว่าภาพไม่มีใครเอา เราเลยไปซื้อมาเพราะว่าเขาขายในราคาไม่แพง แล้วมันเป็นงานเลลิซึ่ม ซึ่งวาดในปี 1884 ลายเซ็นต์มันก็เลือนแล้ว ผลงานนี้มันเป็นสติลไลด์ หรือว่าหุ่นนิ่งซึ่งมันจะเป็นแสงที่สอดมาในครัว แล้วมันจะมีกระต่ายที่พร้อมที่จะทำอาหาร คือคนที่เขาจะแขวนในบ้านเนี่ย เขากลัว คือมันดูไม่ค่อยดี ตามความเชื่อบางอย่างคนไทย แต่ว่าในเรื่องของศิลปะมันเป็นเลิศในเรื่องของภาพเรียลลิสซึ่ม เราเลยซื้อมา แต่ว่าในมูลค่ามันไม่ได้แพงหรอก เพราะว่างานที่เป็นเรียลลิสซึ่ม ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มันไม่ได้มีมูลค่ามากเนื่องจากว่ามันเอ้าท์แล้ว เพราะว่าปลายศตวรรษที่19 ในประวัติศาสตร์ศิลป์ก็คือว่ามันเป็นโมเดิร์นอาร์ตแล้ว แล้วชิ้นนี้เหมือนเป็นศิลปินที่ไกลปืนเที่ยงอยู่แต่ว่าคุณค่าของงานศิลปะหรือว่าคุณค่าทางประวัติศาสตร์ มีมากมายเหลือเกิน แล้วที่เราบอกว่ามันใช่ เพราะว่าเราเอาไปที่สถาบันนิวเคลียร์ ที่อ.องครักษ์ จ.นครนายก แล้วก็ตรวจสอบด้วยเครื่อง xrd ซึ่งเป็นการแยกธาตุประกอบแล้วก็ตรวจสอบโครงสร้าง ตรวจสอบโครงสร้างของธาตุมากกว่าการแยกธาตุ โครงสร้างนั้นมันขึ้นมาคือสีแดง ปรอท ธาตุประกอบของมันที่มีความหมายแปลว่าธาตุปรอท ที่สาบสูญไปจากโลกนี่แล้ว 118 ปี เพราะฉะนั้น ภาพๆ นี้เป็นของจริง แต่ว่ามูลค่ามันไม่ได้แพง แต่ว่ามันสำคัญที่คุณค่าทางศิลปะ ซื้อมาไม่แพง"
หลังจากนี้จะยังนำภาพไปพิสูจน์อีกไหม
"จริงๆ แล้วเราจะบอกว่า ระหว่างการเดินทางในการวิจัยเป็นเวลา 3 ปี เราได้รู้ว่า (เสียงสั่นเครือ) ความรู้และการศึกษาในสิ่งที่เรียนมาเป็นสิ่งที่มีค่า หมายความว่า เวลาที่เราเรียนหนังสือเวลาเราเรียนเราไม่เคยรู้หรอกว่า วันหนึ่งความรู้หรือการศึกษาที่เราได้เรียนมาหรือว่าติดตัวเรามาวันหนึ่งมันจะได้ใช้ประโยชน์แล้วมันอาจเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตก็ได้ ตอนที่เราวิจัยเวลาเราเขียนบันทึก ความทรงจำหรือว่ารายละเอียดในการวิจัย เพื่อใช้เป็นประโยชน์กับคนในอนาคต เพราะพี่ไม่รู้ว่าการเดินทางในการวิจัยของพี่มันจะสิ้นสุดเมื่อไร ตลอดระยะเวลาที่เราเขียนก็ คิดถึงช่วงเวลาที่เราเรียนและได้ความรู้พวกนี้มา มันก็ (สะอื้น) เป็นสิ่งที่มีค่ามาก"
ภาพนี้ถ้าพิสูจน์ว่าเป็นของวินแซนต์ แวนโก๊ะ จริงๆ เห็นว่าอุ๊ยินดีจะส่งกลับพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ แบบนี้ไม่เสียดายหรอ
"คือทางพิพิธภัณฑ์เขาต้องมารับไปทดสอบและตรวจสอบว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันถูกต้องหรือไม่เพราะว่าเขาต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งที่เราทำแต่ว่าขอให้ทุกคนมั่นใจว่านี่คือสถาบันทางวิทยาศาสตร์ ระดับประเทศ สิ่งที่เขาตรวจสอบทั้งหมดผลมันจะออกมาเหมือนกัน แล้วทางพิพิธภัณฑ์พอเขารู้ว่านี่คือสิ่งที่ปลดล็อคและไขความลับแล้ว ว่าภาพนี้เป็นคัลเลอร์ฟูล ทางพิพิธภัณฑ์ก็จะต้องยินดี กับโลกเราว่าได้ค้นพบงานของท่านแล้วอีกหนึ่งชิ้น ส่วนตัวเราเองอย่างที่บอกว่าเขาจะต้องเป็นสถาบันที่ทำการอนุรักษ์ภาพนี้ เพราะว่าภาพนี้มันเดินทางมาอย่างยาวนานแล้วก็บอบช้ำมามากแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นผู้ที่เหมาะสมแล้วก็อยู่ในสถานภาพที่จะต้องดูแล เราเองไม่มีศักยภาพพอในเรื่องการดูแลอนุรักษ์ดีเท่ากับสถาบันระดับโลก"
ภาพของ วินแซนต์ แวนโก๊ะ แวบแรกที่เห็รู้เลยไหม
"ไม่รู้ พี่ไม่รู้นะคะ แต่พี่รู้แต่ว่าภาพนี้เป็นภาพที่ทรงพลังมากแล้วมันก็กระทบกับความรู้สึกเนื่องจากตัวพี่เองเราเป็นนักร้อง เราจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์แล้วก็ความรุนแรงของฝีแปรงเนื่องจากว่าเราเคยเรียนวาดภาพ เราเคยเรียนศิลปะเราจะรู้ว่ารูปแบบการวาดแบบนี้มันมีความสลับซับซ้อนและมีหลักการหมายความว่าคนที่จะทำอะไรแบบนี้จะต้องมีความมั่นใจและไม่ลังเลในการลงฝีแปรงและต้องมีทักษะเป็นเริ่ดในการควบคุมสีในการขยี้สีในผ้าใบที่ไม่ได้รองพื้น คัดฟอร์มรูปทรงขึ้นมาเป็นประธานแล้วก็ให้น้ำหนักในคราเดียวกันทั้งบรรยากาศด้วย ในฝีแปรงแปรงเดียวมันเป็นเรื่องที่มันทำไม่ได้ แต่ว่าภาพภาพนี้ผู้ที่วาดทำได้ มันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก แต่พี่ก็ไม่คิดว่าเป็นงานของท่าน วินแซนต์ แวนโก๊ะ ไม่เคยเลยเพราะว่า พี่ไม่เคยเห็นงานของท่านจริงๆจนกระทั่งมีคำแนะนำของอาจารย์ท่านหนึ่งท่านบอกให้พี่ดูในอาร์ตโปรเจ็ค พี่ถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วรูปแบบ การวาดของท่าน มันเป็นแบบนี้นี่เอง"
น้อยใจไหมที่คนไม่เชื่อว่าเป็นของจริง
"ไม่น้อยใจเลย เพราะว่าพี่เข้าใจได้เพราะว่าสังคมสับสน แน่นอนว่าทุกคนไม่ได้เข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์ คนทุกคนไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ แล้วก็ทุกคนไม่ได้เคยเรียนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ แล้วคนทุกคนก็ไม่ได้เรียนวาดภาพ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ มันจึงมีการต้องการที่จะเข้าใจ รู้และเข้าใจให้เกิดความคิดและปัญญา ทีนี้ว่าการสื่อสารบางครั้งข่าวบางทีเขาไปเจอบางข่าวแค่นาทีเดียว แล้วก็ไปพูดถึงจิตวิญญาณ มันเลยกลายเป็นว่าเขาสับสนพี่ไม่โกรธทุกคนนะคะเพราะเขาไม่ได้ผิด เราเข้าใจเพราะว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น เพราะว่าเขาไม่ได้รับข้อมูลที่มันครบ เพราะการอธิบายรายละเอียดมันเยอะ อย่างเวลาพี่ถูกสัมภาษณ์พี่ก็ตอบอย่างละเอียดแต่เวลาเขาเอาไปออกอากาศต้องมีการตัดทอนบางทีทำให้ผู้ชมสับสนมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติแต่ว่าพี่ไม่อยากให้ทะเลาะและอยากขอความร่วมมือจากสื่อว่า ขอให้พยายามรายงานในเรื่องของสาระในการวิจัยให้มาก"
ซินโครตรอนเคยวิจัยภาพ วินเซนต์ แวนโก๊ะสำเร็จไปครั้งหนึ่ง
"อันนั้นของประเทศเบลเยี่ยมค่ะ แต่ว่าในประเทศไทยนี่เป็นครั้งแรก"
การวิจัยในประเทศไทยเชื่อถือได้
"ซินโครตรอนนี่คือสุดยอดแล้ว ดีที่สุดแล้วเพราะว่าสามารถที่จะตรวจ เราบอกไม่ได้อีก นี่ไม่ใช่พระเครื่องสมเด็จนะ (ยิ้ม) ใจเย็นนี่เป็นเรื่องสำคัญ เรื่องใหญ่ของโลกจะให้มาปุ๊ปปั๊บได้อย่างใจ ไม่ได้ เราใช้เวลาเดินทางมา 3 ปี พอมาวันนี้เห็นภาพเป็นสีส้มจะให้มารับรองมันเป็นไปไม่ได้ต้องให้เขามาตรวจสอบก่อนว่าเราเซ็ทอัพหรือเปล่า มันเป็นของจริงไหม ต้องตรวจเช็ค เป็นกระบวนการเราต้องเห็นใจเขาด้วย"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง