บันเทิง

‘มิยาวิ’ เยือนไทยเยี่ยมผู้ลี้ภัยกับ ‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’ (คลิป)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“มิยาวิ” ทาคามาสะ อิชิฮาระ เผยถึงการเดินทางมาช่วยเหลือค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทยกับ “ยูเอ็นเอชซีอาร์” พร้อมบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้ไปเยือนค่ายผู้ลี้ภัยในเลบานอน

         สร้างความเซอร์ไพรส์กับการมาเยือนเมืองไทยของนักร้องชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น “มิยาวิ” หรือ ทาคามาสะ อิชิฮาระ โดยมาครั้งนี้เขามาเยือนค่ายผู้ลี้ภัยในไทย กับ “ยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR)” โดยมิยาวิกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเองพร้อมเผยว่า 

         “ดีใจมากที่ได้กลับมาที่ประเทศไทย มาไทยหลายครั้งแล้ว ช่วงนี้ทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชียหลายๆประเทศ ตอนแรกกะว่าจะมาทัวร์ที่กรุงเทพ แต่ก็ไม่ได้มาทัวร์คอนเสิร์ตที่นี่ ส่วนครั้งนี้มาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเยือนค่ายผู้ลี้ภัยในไทย เพราะได้เคยไปที่เลบานอนมา 2 ครั้งแล้ว เนื่องจากได้เคยเล่นหนังเรื่อง "Unbroken" ของ แองเจลินา โจลี เป็นทูตพิเศษของยูเอ็นที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี ซึ่งคุณโจลีได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผม ให้เริ่มต้นจากการทำมิวสิควิดีโอก่อน ซึ่งในมิวสิควิดีโอได้รวมภาพผู้ลี้ภัยในหลายๆประเทศ ทั้ง อัฟกานิสถาน เลบานอน มาลี จอร์แดน และประเทศไทย ผมอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในเอเชีย รวมทั้งการได้ไปพบกับผู้ลี้ภัยที่เคยเล่นในมิวสิควิดีโอ และตั้งใจว่าจะไปเล่นดนตรีในค่ายร่วมกับผู้ลี้ภัย 

 

‘มิยาวิ’ เยือนไทยเยี่ยมผู้ลี้ภัยกับ ‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’ (คลิป)

         ก่อนที่จะมาสิ่งที่คาดหวังว่าจะเห็น กับสิ่งที่ได้ฟัง ไม่เหมือนกันเลย เพราะว่าสิ่งที่เห็นที่เลบานอน ผู้ลี้ภัยเพิ่งหนีสงครามมาหมาดๆ จากทางซีเรีย ในขณะที่ประเทศไทย ได้ลองรับ ผู้ลี้ภัยในค่ายกว่า 30 ปีแล้ว ขอบคุณคนไทยที่ได้ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในเวลายาวนาน และข่าวดีคือว่าประเทศพม่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลายคนได้เดินทางกลับบ้านแล้ว ผ่านการช่วยเหลือของ UNHCR ตรงนี้ถือว่าเป็นข่าวดี ความรู้สึกของผมเวลาที่เจอผู้ลี้ภัย ครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะว่าได้ไปกับโจลี และคิดว่าคนอื่นคงไม่รู้จักผม แต่ปรากฎว่าพอไปถึงแล้ว ผู้ลี้ภัยไม่มีใครมีทีวีเลย เพราะฉะนั้นไม่รู้อยู่ดีว่าใครดังหรือไม่ดัง สิ่งที่สำคัญคือ เวลาที่ได้ไปสัมผัสกับผู้ลี้ภัยโดยเฉพาะเด็กจะได้เห็นความหวัง เห็นความสดใสของเด็กๆ โดยเฉพาะเวลาที่ผมเล่นกีต้าร์กับเด็กจะได้เห็นว่าเด็กๆมีความร่าเริงมาก มีความหวังอยู่ในสายตาเขา และที่สำคัญ หลังจากนั้น เด็กๆหลายคนบอกว่า อยากจะเป็นร็อกสตาร์ ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญต่อผมมาก ผมอาจจะเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่ดนตรีสามารถเปลี่ยนคนได้ แล้วคนก็เปลี่ยนทำให้โลกดีขึ้น ผมเห็นความสำคัญของเด็กๆ และการศึกษา ตัวผมเองก็เป็นพ่อที่มีลูกเล็กๆ 2 คน มีหน้าที่ในการที่จะทำให้โลกนี้มันดีขึ้น เพราะว่าผมจะต้องส่งต่อโลกใบนี้ให้กับลูกของผม ถ้าเกิดว่าผมจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรผ่านการใช้ดนตรีไปสู่แฟนคลับ ไปสู้ผู้ลี้ภัยก็จะทำให้โลกนี้ดีขึ้นสำหรับลูกๆของผมด้วย” มิยาวิตอบ 

          นอกจากนี้นักร้องชื่อดังเผยต่อว่า 

         “ตอนนี้ผมอยู่ที่อเมริกา แต่ทุกครั้งที่ได้กลับมาที่เอเชีย ผมรู้สึกถึงความมีน้ำใจ ความน่ารักของคน โดยเฉพาะคนไทย การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะเปลี่ยนโลกนี้ได้ สิ่งที่สำคัญสำหรับผมคือการที่จะต้องยอมรับความแตกต่าง และเคารพคนอื่น ซึ่งสิ่งนี้ ตอนนี้ในอเมริกาเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะขัดแย้งในตัวเองอยู่ ซึ่งผมคิดว่าจริงๆแล้ว เราต้องสร้างสะพานเพื่อที่จะไปหาคนอื่นมากกว่าการที่เราจะสร้างกำแพงต่อกันและกัน สิ่งที่ผมอยากจะย้ำคือผู้ลี้ภัยไม่ได้เป็นภาระ เขาเป็นคนเหมือนกับเรา แน่นอนว่ารัฐบาลหรือประเทศมีหน้าที่ดูแลคน แต่จริงๆแล้ว ต้องหาความสมดุลระหว่างการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยกับการที่เราจะต้องดูแลประเทศ หรือว่าในเรื่องของความมั่นคง สิ่งเหล่านี้ ถ้าเรามีความสมดุลแลัว เราสามารถที่จะพูดคุย เพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือกับผู้ลี้ภัยได้” มิยาวิตอบ 

‘มิยาวิ’ เยือนไทยเยี่ยมผู้ลี้ภัยกับ ‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’ (คลิป)

‘มิยาวิ’ เยือนไทยเยี่ยมผู้ลี้ภัยกับ ‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’ (คลิป)

 

          การที่ได้ไปเยือนเลบานอนถึง 2 ครั้ง มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง 

          ครั้งแรกที่ได้ไปเลบานอนในเดือนพฤษภาคมปี 2015 ที่เห็นคือเด็กๆไม่ได้ไปโรงเรียน เด็กๆต้องทำสวนสำปะหลัง ทำงานและไม่ได้ไปโรงเรียนทั้งๆที่พวกเขาอยากไปมาก หลังจากนั้น เมื่อ3เดือนที่แล้ว ได้มีโอกาสกลับไปอีกรอบหนึ่ง รู้สึกดีใจมากได้เห็นเด็กๆได้ไปโรงเรียน สายตาของเด็กสดใส มีความสุขมากที่ได้ไปโรงเรียน ขอชื่นชมผู้ลี้ภัย เป็นคนที่เข้มแข็งมาก ชื่นชมในความเข้มแข็ง ในความกล้าหาญที่พวกเขาพยายามที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น พวกเขาเข้มแข็งกว่าพวกเราด้วยซ้ำ

‘มิยาวิ’ เยือนไทยเยี่ยมผู้ลี้ภัยกับ ‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’ (คลิป)

          ตอนที่ได้ลงไปทำมิวสิควิดีโอกับค่ายผู้ลี้ภัยตามที่ต่างๆ รู้สึกอย่างไรบ้าง

          เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ในตัวมิวสิควิดีโอผมได้ทำงานกับ แองเจลินา โจลี ขึ้นมาเป็นคอนเซ็ปต์ ชื่อมิวสิควิดีโอ คือ “ดิ ออร์เตอร์ส (The others)” เพราะว่าโจลีบอกว่าผู้ลี้ภัยเป็นคน แต่คนมักจะเห็นว่าเป็นภาระ หรือว่าเป็นอย่างอื่นแทน ซึ่งจริงๆแล้วพวกเขามีรอยยิ้ม เขาสามารถที่จะเต้นรำเหมือนกับเราทั้งหมด ตัวมิวสิควิดีโอ ผมพยายามที่จะเก็บช่วงเวลาเหล่านั้นที่ผู้ลี้ภัยเขามีความสุข ซึ่งพวกเขาก็เป็นเหมือนกับเราทุกๆคน ดิ ออเตอร์ส” ก็หมายถึงว่า การยอมรับความแตกต่าง เราก็เป็นเหมือนกันทุกๆคน ผู้ลี้ภัยเองก็ไม่ได้ต่างกัน เราต้องยอมรับซึ่งกันและกัน

          คุณบอกว่า ดนตรี สามารถเปลี่ยนคนได้ และคนสามารถเปลี่ยนโลก 

          ในแง่ของการที่เป็นนักดนตรี เราคงไม่สามารถเอากีต้าร์ไปหยุดสงครามได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นพลังของเสียงดนตรี คือเราสามารถที่จะรวบรวมพลังของคนให้มาอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน และสร้างการเปลี่ยนแปลง เน้นการรวมคนในที่ต่างๆ อย่างในคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น จะมีคนที่มาทั้งจากญี่ปุ่นเอง และคนจากประเทศอื่นๆด้วย แต่ในช่วงเวลาที่เราอยู่ในดนตรีด้วยกัน เราสามารถที่จะเชื่อมโยงซึ่งกันและกันได้ นั่นคือสิ่งที่เป็นพลังของดนตรี 

‘มิยาวิ’ เยือนไทยเยี่ยมผู้ลี้ภัยกับ ‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’ (คลิป)

          มีแพลนที่จะทำกิจกรรมอะไรในประเทศไทยบ้าง นอกเหนือจากการเล่นดนตรี

          ผมเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์หลายๆแบรนด์ บางทีการได้ไปในค่ายผู้ลี้ภัย จะมีของที่สามารถเอามาได้จากแบรนด์ มีกีต้าร์ และฟุตบอลจากแบรนด์ที่สนับสนุน ตั้งใจว่าจะไปเล่นบอลกับเด็กๆถ้าสมมุติว่าทำได้ อย่างตอนที่ไปที่เลบานอน ผมเอาลูกบอลไปเหมือนกัน ปรากฎว่าเด็กตื่นเต้นมาก ได้ไปเล่นที่สนามที่หนึ่งที่ใหญ่เบ้อเริ่มอยู่ติดภูเขา ซึ่งเลยจากภูเขานั้นไปคือประเทศซีเรีย ผมประทับใจมาก แม้แต่สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ มันคือความสุขของเด็กที่เขาได้ไปเล่นบอลด้วย เพราะแค่ข้ามภูเขาไปมันก็คือสงคราม และชีวิตหดหู่ที่เขาจากมา ดังนั้นประสบการณ์เหล่านี้ ผมอยากจะเอาฟุตบอลไปเล่นที่แคมป์ที่ไทยด้วยเหมือนกัน แล้วถ้าเป็นไปได้ อยากจะแต่งเพลงและแจมกับทางผู้ลี้ภัยด้วย

‘มิยาวิ’ เยือนไทยเยี่ยมผู้ลี้ภัยกับ ‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’ (คลิป)

           มีอัลบั้มเพลงใหม่ มีเพลงไหนที่แต่งจากการได้แรงบันดาลใจจากทางผู้ลี้ภัยบ้าง 

          อัลบั้มที่จะออกในเดือนเมษายน จริงๆเหมือนเป็นการรวมเพลงเก่าๆที่เคยทำมา เป็นอัลบั้มครบรอบ 15 ปี แต่ว่ามีอัลบั้มหนึ่ง ชื่อ อัลบั้มว่า “Fire bird” ชื่อเพลงคือ “Long nights” เพลงนี้แต่งขึ้นหลังจากกลับมาจากเลบานอน เพราะได้ไปร้บรู้เรื่องราวของผู้ลี้ภัยที่ต้องหนีผ่านทางเรือ และเวลาขึ้นไปในเรือ น้ำก็ไม่มี อาหารก็ไม่มี และไม่รู้ด้วยว่าจะไปจบที่ตรงไหน ซึ่งเรือต้องเสียเงิน พอไปถึงที่ไหนก็ไม่รู้ก็อาจต้องเสียเงินอีก ถ้าไม่มีเงิน ชีวิตก็ไม่รู้จะต้องดำเนินต่อไปยังไง คืนวันนั้นจะเป็นคืนที่ยาวนานสำหรับผู้ลี้ภัยมาก เลยแต่งเพลงนั้นขึ้นมา แต่ที่แน่ๆทุกคนยังต้องดำเนินต่อไป ตราบใดที่ยังมีความหวัง นั่นคือสิ่งที่ผู้ลี้ภัยต้องการ คือความหวัง และการได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น เพื่อให้มีอนาคตที่ดีขึ้น คนในแวดวงดนตรีมักจะบอกว่า ถ้าเป็นนักดนตรีจะต้องแบ่งตัวเองจากเรื่องเพื่อสังคม หรือเรื่องหนักๆ แต่สำหรับผมต้องบอกว่า โลกเราทุกวันนี้ โดยเฉพาะเรื่องผู้ลี้ภัย กลายเป็นเรื่องวิกฤติระดับโลก เราไม่สามารถที่จะเลี่ยงมันได้ สิ่งที่ผมต้องการ คือ อยากทำแบบนี้ เป็นนักดนตรี เป็นร็อกสตาร์ และทำให้เรื่องเกี่ยวกับการทำงานเพื่อสังคม เป็นเรื่องเท่ๆ เรื่องคูล แล้วคนก็อยากจะเข้ามาช่วยในแบบคูลๆแบบนี้

          มีแพลนที่จะทำคอนเสิร์ตหรือการแสดงอะไรที่ให้แฟนๆรู้เกี่ยวกับผู้ลี้ภัยมากขึ้นมั้ย

          เป็นไอเดียที่ดี วัตถุประสงค์ของผมมี 2 ด้าน เวลาไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัย คือ 1.ไปใช้เวลากับเขา เล่นกีต้าร์กับเขา สำหรับผมอาจได้เล่นกีต้าร์ทุกคืน แต่สำหรับผู้ลี้ภัย ช่วงเวลานั้นที่ได้เล่นกีต้าร์มันสำคัญมาก ทุกครั้งที่ไปผมจะนำเอาของไปให้ 2.แฟนคลับทั่วโลกรับรู้อยู่แล้วว่าผมช่วยเหลือผู้ลี้ภัย แล้วก็สนับสนันเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น ถ้าสมมุติมีเรื่องราวอะไรต่างๆที่สร้างการรับรู้ก็จะสร้างการรับรู้ออกไป แล้วแฟนคลับก็ค่อนข้างตอบรับเป็นอย่างดี และสำหรับตัวผมเอง ผมก็ได้รับแรงบันดาลใจ เวลาที่ไปเจอผู้ลี้ภัยได้แรงบันดาลใจกลับมาในการใช้ชีวิต ได้ความรู้สิ่งใหม่เข้ามาในชีวิต สิ่งที่ผมรับรู้ เท่ากับแฟนคลับเรียนรู้ไปกับผมด้วยเหมือนกัน เหมือนกับครั้งนี้ได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศไทย ก็จะไปบอกแฟนคลับ แฟนคลับก็จะโตไปด้วยกันกับเขาเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย

‘มิยาวิ’ เยือนไทยเยี่ยมผู้ลี้ภัยกับ ‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’ (คลิป)

 

‘มิยาวิ’ เยือนไทยเยี่ยมผู้ลี้ภัยกับ ‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’ (คลิป)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ