สนั่นเวทีวัดโกรกกราก3โชว์ตัวแม่“ก้อง-เบิ้ล-บัว”

 

          วัดโกรกกราก เมืองสมุทรสาคร เป็นวัดที่มีการจัดงานประจำปียิ่งใหญ่ในช่วงกลางเดือนมกราคมมากว่า 40 ปีแล้ว กลายเป็นตำนานงานวัดในภาคกลางที่นักร้องลูกทุ่งทุกรุ่นต่างเคยผ่านเวทีวัดโกรกกรากมาแล้วทั้งสิ้น จนมีคำกล่าวในวงการว่า นักร้องลูกทุ่งคนใดที่ไม่เคยผ่านเวทีวัดโกรกกรากมาก่อน ถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จในด้านชื่อเสียงประมาณนั้นเลยทีเดียว

 

 

          นอกจากนี้ เวทีวัดโกรกกรากยังเป็นการสะท้อนภาพนักร้องลูกทุ่งยอดนิยมในแต่ละยุคได้อย่างชัดเจน โดยในวันนี้ วงดนตรีลูกทุ่งแท้ๆ ล้มหายตายจากไปมากมาย การแสดงบนเวทีเปลี่ยนรูปไปเป็นคอนเสิร์ตของนักร้องลูกทุ่งรุ่นใหม่ มีทั้งกึ่งแนวเพื่อชีวิต และลูกทุ่งอีสาน ที่ครองรวมนิยมอยู่ในวันนี้ ซึ่งวัดโกรกกรากก็ไม่พลาดที่จะจัดหามาให้ชมกันฟรี

          ค่ำคืนวันอังคารที่ผ่านมา เวทีวัดโกรกกรากได้มีคอนเสิร์ตของ 3 นักร้องที่มีงานคอนเสิร์ตชุกของวงการลูกทุ่งยามนี้ คือ ก้อง ห้วยไร่, เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม, บัว กมลทิพย์ ท็อปไลน์ ที่โคจรมาโชว์ลีลาแสดงต่อกันบนเวทีเดียวกันแบบสนุกสนาน

 

 

          บรรยากาศบนเวทีเปิดประเดิมความมันด้วยนักร้องอินดี้ร้อยล้านวิว ก้อง ห้วยไร่ ที่มีการปรับโชว์ใหม่ยกแผง ทั้งการนำเพลง “ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน” มาเร่งสปีคดนตรีให้มีการขยับแข็งขาเพิ่มเติมได้ผสมกับเพลงสตริงฮิตๆ ด้วย และความม่วนกับเพลงลูกทุ่งอีสานดังๆ ในอดีตให้แฟนเพลงได้เต้นกันตลอด 1 ชั่วโมงเศษ ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลงฮิต “คู่คอง” แต่เป็นเวอร์ชั่นพิเศษด้วยการฟีเจอริ่งกับสาวน้อยจอมเต้น บัว กมลทิพย์ ท็อปไลน์ เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับทั้ง 2 ฝ่ายจนเสียงแห้งไปตามๆ กันจากนั้น บัว กมลทิพย์ ก็โชว์ลีลาเพลงเต้นอย่าง “คารามาย” และโชว์พร้อมทีมงานใหม่เล่นเอาเต้นกันฝุ่นตลบไปเลย

 

 

          หลังจากนั้นมาถึงการส่งต่อให้ เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม ไอดอลบ้านนา 100 ล้านวิว อีกคนหนึ่ง ซึ่งมีงานโชว์ชุกชมไม่แพ้สองคนแรก งานนี้เบิ้ลขนทีมแบ็กอัพมาประชันแบบเต็มสูบเหมือนกัน พร้อมช่วงเพลงพิเศษเพลง “คนดีพี่มาง้อ” ที่ปกติหนุ่มเบิ้ลจะขับร้องกับ ธัญญ่า อาร์สยาม นักร้องคู่ขวัญ แต่งานนี้ เบิ้ล ร้องเพลงนี้คู่กับ บัว กมลทิพย์ ได้อย่างน่ารักสมวัยทั้งคู่

          รูปแบบการโชว์ของนักร้องในยุคโซเชียลมีเดียครองเมือง ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของนักร้องที่จะเรียกราคาและจำนวนคนดูได้นั้น จะอยู่ที่ความสามารถในการ “โชว์หน้าเวที” นับว่าเป็นหัวหอกสำคัญ โดยเฉพาะการ “ร้องแบบสด” ประกอบกับวงดนตรีแบ็กอัพแท้ๆ ที่ไม่ใช่ซาวนด์ดนตรีแบ็กกิ้งแทรก จะได้รับความนิยมมากกว่า และทำให้การโชว์มีมิติและสีสันที่น่าสนใจโดยนักร้องและวงรุ่นใหม่ๆ ต่างให้ความสำคัญในจุดนี้จึงจะได้รับการยอมรับจากคนดู

          ลักษณะการโชว์ตัวแบบสมัยก่อน ที่นักร้องนำหรือหัวหน้าวงมาทางหนึ่ง วงดนตรีแดนเซอร์มาอีกทางหนึ่ง และมาหยิบสดกันหน้าเวทีโดยไม่มีการซักซ้อมกันมาก่อนที่ทำกันมานานแล้วนั้น เห็นจะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดกันแล้ว