ข่าว

สมศักดิ์ การันตี เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก น้ำต้นทุนเพียงพอ บริหารจัดการ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รองนายกรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน ให้หลักประกัน พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก   "EEC" จะมีน้ำต้นทุนเพียงพอ ต่อการบริหารจัดการ รองรับอุปโภค - บริโภค และภาคอุตสาหกรรม ยกนิ้วให้ " สทนช." ที่บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนสามารถจัดการได้เบ็ดเสร็จ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก   (EEC)  ถือว่ารัฐบาลประสบผลสำเร็จ โดยจากการติดตามสถานการณ์ล่าสุดปริมาณน้ำต้นทุนเพียงพอกับความต้องการในทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตร และอุตสาหกรรม แม้ในช่วงที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในพื้นที่รับน้ำของอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี อันเนื่องมาจากสภาวะเอลนีโญ แต่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้โครงข่ายน้ำภาคตะวันออกในการสูบผันน้ำ  

 

 

 

 

 โดยเฉพาะการสูบผันน้ำจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำป่าสัก ผ่านทางคลองพระองค์ไชยานุชิตไปยังอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี ควบคู่ไปกับการลงพื้นที่สร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน ทำให้สามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน สร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับพื้นที่ EEC ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังได้วางแผนบริหารจัดการน้ำล่วงหน้าถึง 2 ปี   อีกด้วย 

 

 

สมศักดิ์ การันตี เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  น้ำต้นทุนเพียงพอ บริหารจัดการ

สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ   สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)  สทนช. กล่าวว่า การสูบผันน้ำจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำป่าสักผ่านทางคลองพระองค์ไชยานุชิตไปยังอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี  โดยใช้โครงข่ายน้ำภาคตะวันออกในปีนี้ สามารถสูบผันน้ำเต็มศักยภาพได้ปริมาณมากกว่าทุกปีที่่ผ่านมา เนื่องจากมีการบูรณาการร่วมกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพทั้ง สทนช. กรมชลประทาน การประปาส่วนภูมิภาค บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (อีสท์ วอเตอร์)  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

ภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก และคณะกรรมการลุ่มน้ำบางปะกง ให้ดำเนินการตามแผน ซึ่งตามแผนนั้นเริ่มผันน้ำตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. – 30 พ.ย.66 แต่ได้มีการลงพื้นที่สร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง สามารถขยายระยะเวลาการสูบผันน้ำมาสิ้นสุดในวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา

 

 


 สำหรับปริมาณน้ำที่สูบผันน้ำจากคลองพระองค์ไชยานุชิต มากักเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำบางพระในปี 2566 มีปริมาณทั้งหมด 64.69 ล้านลูกบากศก์เมตร (ลบ.ม.) แบ่งเป็นช่วงแรกตั้งแต่ที่ 8 ก.ค. – 30 พ.ย. ที่ผ่านมา จำนวน 58.25 ล้าน ลบ.ม. ที่เหลือเป็นปริมาณน้ำที่สูบผันน้ำในช่วงที่ขยายระยะเวลา ตั้งแต่วันที่ 1-15 ธ.ค.66 ตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการ CSR และประชาชนในพื้นที่คลองพระองค์ไชยานุชิต

 

 

 

 

กำหนดสูบผันน้ำในอัตราประมาณ 500,000 ลบ.ม. ต่อวัน และจะหยุดสูบเมื่อระดับน้ำหน้าสถานีสูบพระองค์ฯ อยู่ที่ +0.20 ม.รทก. ค่าความเค็ม ไม่เกิน 0.5 กรัมต่อลิตร และการบริหารจัดการน้ำผ่าน ปตร.บึงฝรั่ง ไม่น้อยกว่า 10 ลบ.ม. ต่อวินาที ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวขัองยังได้หารือร่วมกันเพื่อขยายกรอบเวลาการสูบผันน้ำเพิ่มเติมหากมีปริมาณน้ำเพียงพอ และอยู่ในเงื่อนไขไม่กระทบต่อการใช้น้ำของเกษตรกรต้นทาง

 

 

 

 

 

สมศักดิ์ การันตี เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  น้ำต้นทุนเพียงพอ บริหารจัดการ

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ   สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)  

.

ภาพรวมสถิติการสูบผันน้ำจากคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระ ที่ผ่านมา    ในปี 2558 สูบผันน้ำได้   26.68 ล้าน ลบ.ม. ปี 2559 สูบผันน้ำได้ 62.12 ล้าน ลบ.ม ปี 2560 สูบผันน้ำได้ 16.55 ล้าน ลบ.ม ปี 2561 สูบผันน้ำได้ 38.19  ล้าน ลบ.ม ปี 2562 สูบผันน้ำได้ 46.66 ล้าน ลบ.ม ปี 2563 สูบผันน้ำได้ 42.17 ล้าน ลบ.ม ปี 2564 สูบผันน้ำได้ 15.13  ล้าน ลบ.ม ปี 2565 สูบผันน้ำได้ 15.84 ล้าน ลบ.ม  และล่าสุด ปี 2566 สามารถสูบผันน้ำได้ถึง 64.69 ล้าน  ลบ.ม. มากที่สุด โดยไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อพื้นที่ต้นน้ำ

 

 

 


นอกจากการสูบผันน้ำจากคลองพระองค์ไชยานุชิต ยังได้มีการสูบผันน้ำแม่่น้ำบางปะกงมายังอ่างเก็บน้ำบางพระอีกด้วย ซึ่งในปี 2566 สามารถสูบน้ำได้รวม 24.85 ล้าน ลบ.ม. อย่างไรก็ตาม เมื่อสูบผันน้ำมาเก็บไว้แล้ว จะมีการจัดสรรน้ำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ควบคู่ไปด้วย ทำให้อ่างเก็บน้ำบางพระล่าสุด มีปริมาณน้ำ 88 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 75% เมื่อรวมกับอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ EEC เขตจังหวัดชลบุรีและระยอง ทั้งหมด 11 แห่ง มีปริมาณน้ำรวม 632.54 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 84.50 % ของความจุเพียงพอกับความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วน   โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมในช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 และช่วงต้นฤดูฝนปี 2567 อย่างแน่นอน

 

 

 

 


  "ที่ผ่านมาในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC สทนช. ได้มีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนรองรับสถานการณ์เอลนีโญ เพื่อสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำให้กับพื้นที่ EEC นอกจากจะมีการสูบผันน้ำจากคลองพระองค์ ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระ และการสูบผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกง-อ่างเก็บน้ำบางพระ ดังกล่าวแล้ว ยังได้มีการสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล การสูบน้ำจากสถานีสูบน้ำคลองสะพาน-อ่างเก็บน้ำประแสร์  การสูบผันน้ำจากคลองวังโตนด-อ่างเก็บน้ำประแสร์ และการสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่   ผ่านโครงข่ายน้ำภาคตะวันออกเพื่อเติมน้ำต้นทุนอย่างต่อเนื่องอีกด้วย พร้อมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องการดำเนินงานตาม 9 มาตรการรับมือฤดูแล้งอย่างเคร่งครัด "  ดร.สุรสีห์   ระบุ

 

 

สมศักดิ์ การันตี เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  น้ำต้นทุนเพียงพอ บริหารจัดการ

 

สมศักดิ์ การันตี เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  น้ำต้นทุนเพียงพอ บริหารจัดการ

สมศักดิ์ การันตี เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  น้ำต้นทุนเพียงพอ บริหารจัดการ
 

การบูรณาการร่วมกันระหว่าง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช. ) กรมชลประทาน การประปาส่วนภูมิภาค บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (อีสท์ วอเตอร์) ซึ่งทำให้ภาครัฐ มีความมั่นใจต่อการบริหารจัดการน้ำป้อนให้กับพื้นที่ภาคตะวันออก แม้ว่าจะมีตัวแปรจากภาวะฝนลดลง

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ