ข่าว

มติคณะทำงาน ไฟเขียว ยุบ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ - หันจับตาภาคใต้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประชุม คณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง เผยจากการจัดตั้ง "ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ" เมื่อ 4 ต.ค. ขณะนี้ภารกิจที่วางไว้ลุล่วง เห็นควรยุบหน่วยงาน ชี้จากนี้ไปภาคใต้น่าเป็นห่วง

ที่โครงการส่งน้ำและบํารุงรักษาบางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา  ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ครั้งที่ 40/2566 โดยมีนายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.)  สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และกรมประชาสัมพันธ์ เข้าร่วมประชุม  และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

 

 

 


ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)    กล่าาว่า ภายหลังการจัดตั้ง "ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง" เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา   โดยได้ดำเนินภารกิจหนึ่งเดือนเศษ  ทางคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง   ได้บูรณาการทำงาน ตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 และ 3 มาตรการเพิ่มเติม เพื่อรองรับสภาวะเอลนีโญอย่างเคร่งครัดและเป็นเอกภาพ มีการประชุมทุกวัน เพื่อติดตาม ประเมินสถานการณ์น้ำ และวางแผนบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนจัดจราจรทางน้ำ  เพื่อที่จะควบคุมการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้เกิน  1,800  ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที  จนสามารถบริหารจัดการมวลน้ำในพื้นที่ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี บรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตรกรรม  ตลอดจนแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้อย่างน่าพอใจ   

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังได้มีการลงพื้นที่ทำประชาคม รับฟังความเห็นในการรับน้ำเข้าไปกักเก็บไว้ในทุ่ง  ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรด้วยดี ทำให้สามารถบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่สำคัญๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันน้ำที่ปล่อยเข้าทุ่ง  ยังช่วยตัดวงจรการระบาดของแมลงศัตรูข้าว  ช่วยไล่หนู กำจัดวัชพืชและยังเป็นการเติมปุ๋ยธรรมชาติ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน รวมทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธ์ปลาอีกด้วย  โดยสามารถรับน้ำเข้าทุ่งบางระกำ จนถึงปัจจุบันมีปริมาณน้ำจำนวน 368.21 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) และ 10 ทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง มีปริมาณรวมกัน 326.50 ล้าน ลบ.ม.

 

 

 

 

 ขณะเดียวกันคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำฯ  ยังได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจและชี้จุด  กำจัดวัชพืชโดยเฉพาะผักตบชวาในพื้นที่คลองญี่ปุ่นเหนือ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี  โดยได้บูรณาการหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคประชาชน จัดกิจกรรม Big cleaning day ขึ้นมา เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ   ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธาน พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผล กระทบจากน้ำท่วม  

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังได้มีการจัดแถลงข่าว ดำเนินงานด้านประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้  เพื่อเผยแพร่ข่าวสารข้อมูลต่างๆ ตลอดจนสถานการณ์น้ำผ่านทางสื่อแขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ อย่างต่อเนื่อง  พร้อมกันนี้ยังได้นำรถ Mobile Truck สนับสนุนการให้ข้อมูลสถานการณ์น้ำแก่ประชาชนในพื้นที่เพื่อเข้าใจสถานการณ์น้ำและเตรียมความพร้อมรับมืออีกด้วย

 

 

มติคณะทำงาน ไฟเขียว  ยุบ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ - หันจับตาภาคใต้

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)

 

จากการประเมินสถานการณ์น้ำในขณะนี้ ตลอดจนปริมาณฝนตกในพื้นที่ลดลง ไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในพื้นที่  และระดับน้ำล้นตลิ่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มลดลง  รวมทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ก็มีปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน สามารถควบคุมและบริหารจัดการให้อยู่ในสภาวะปกติ  ในวันที้ที่ประชุมจึงมีมติขอยุติการดำเนินงานของ "ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง" ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.  เป็นต้นไป

 

 

โดย สทนช. จะนำข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่างๆในคณะทำงานฯ และความเห็นของประชาชนไปวางแผนปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น รวมถึงจะรายงานผลให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) รับทราบอย่างเป็นทางการ ซึ่งหลังจากนี้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการการสำรวจ ตรวจสอบความเสียหาย และฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็วต่อไป

 

 

 

 "สำหรับขณะนี้ได้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ฝนในพื้นที่ตอนบนเริ่มลดลง ในขณะที่ภาคใต้มีแนวโน้มฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันออก ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี ซึ่งจะมีการพิจารณาจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ที่ จ.ยะลา เพื่อให้บริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำในพื้นที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทันต่อสถานการณ์" เลขาธิการ สทนช.กล่าว

 

 

มติคณะทำงาน ไฟเขียว  ยุบ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ - หันจับตาภาคใต้

"ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง"  ซึ่งจัดตั้งเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา  โดยได้ดำเนินภารกิจบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ