'ดีเอสไอ' เร่งสางปมข้อกล่าวหาผู้บริหาร PTTOR และ GGC มีพฤติการณ์ส่อทุจริต

 

พนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนเพื่อเร่งรัดแสวงหาพยานหลักฐาน หลังจากนายสยามราช ผ่องสกุล ผู้ถือหุ้น ปตท., และ GGC ได้ทำหนังสือถึงประธานบอร์ด ปตท. และประธานบอร์ด PTTOR ให้ตั้งคณะกรรมการสอบผู้บริหารระดับสูงกลุ่มบริษัท ปตท. ว่า มีการครอบงำบริษัท มีการฮั้วราคาหรือสมยอมราคา ทำให้ราคาผิดไปจากสภาพปกติ และอาจมีการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งเป็นพฤติการณ์ส่อทุจริต

 

เจ้าหน้าที่ดีเอสไอระบุว่า จากการสอบสวนตามคำร้องของผู้เสียหายเบื้องต้นอาจมีมูลความผิดส่อไปในทางทุจริต และอาจนำไปสู่พฤติการณ์เข้าลักษณะฟอกเงินของบริษัทในเครือ ปตท.  ซึ่งดีเอสไอได้ส่งหนังสือไปยัง ปตท. เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อขอความร่วมมือในการสอบสวน รวมทั้งได้เข้าพบผู้บริหารระดับสูงของ ปตท. แล้วด้วย

 

เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้ขอให้ผู้บริหาร ปตท. ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ, ก.ล.ต.และ/หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในการสืบสวนสอบสวนผู้กระทำผิด ห้ามมิให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเข้าไปเกี่ยวข้องกับพยานหลักฐาน ห้ามเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในเรื่องที่ถูกกล่าวหา และขอดำเนินคดีกับผู้บริหาร PTTOR และ GGC

 

 

นอกจากนี้ ร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 , พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจเป็นพฤติการณ์ส่อทุจริต

 

 

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่  19 มิ.ย. 2566 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอได้เข้าพบนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น กรณีผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัท ปตท.ถูกกล่าวหาว่า มีการครอบงำบริษัท มีการฮั้วราคาหรือสมยอมราคา ทำให้ราคาผิดไปจากสภาพปกติ และอาจมีการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ใดผู้หนึ่ง 

 

 

อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนและแสวงหาพยานหลักฐานเบื้องต้นมาระยะหนึ่ง พบว่ามีมูลและอาจเข้าข่ายผิดปกติ แต่เจ้าหน้าที่ ปตท.และเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางรายอาจยังไม่ให้ความร่วมมือในการให้ถ้อยคำมากพอ อาจปกปิดการส่งมอบเอกสารสำคัญ สำหรับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. ได้ให้ความร่วมมือกับรองอธิบดีดีเอสไอที่ได้เข้าพบก่อนนี้อย่างดี

 

 

สำหรับประเด็นการแทรกแซงครอบงำองค์กร และเข้าข่ายการฮั้วหรือสมยอมราคากัน ผู้กล่าวหาให้ข้อมูลว่า ประมาณวันที่ 14 มี.ค. 2566 พบพฤติการณ์ของผู้บริหาร PTTOR สั่งการข้ามบริษัทถึงผู้บริหารของบริษัท GGC ที่มีอำนาจกำหนดราคาน้ำมัน B100 ให้บริษัท GGC ทำหนังสือถึงบริษัท PTTOR ว่า GGC ยินยอมลดราคาน้ำมัน B100 ให้กับบริษัท PTTOR ในอัตราลิตรละ 3 บาท 

 

 

นอกจากนี้ อาจเป็นการบังคับให้บริษัท GGC ขายน้ำมันน้ำมัน B100 ในราคาที่ต่ำและขาดทุน เป็นการกดดันผู้ค้ารายอื่นของบริษัท PTTOR ยินยอมขาย B100 ในราคาที่ต่ำและขาดทุน ทำให้บริษัท PTTOR ได้กำไรจากส่วนต่างเป็นเงินจำนวนมาก พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ของผู้บริหารบริษัท GGC และ PTTOR อาจเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิดเป็นขบวนการในการโอนกำไรขาดทุนระหว่างบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสองบริษัทของกลุ่ม ปตท. หรือเรียกว่า Transfer Pricing 

 

 

 

หากข้อกล่าวหานี้มีพยานหลักฐานจริง จะถือเป็นการกระทำความผิดกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ถือหุ้นเสียหาย และส่อมีโทษทางอาญา โดยเฉพาะบริษัท GGC ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

 

 

 

นอกจากนี้ยังพบว่า มีการนำหนังสือของบริษัท GGC ที่ลดราคาน้ำมัน B100 ไปกดดันหรือบีบบังคับคู่ค้าของบริษัท PTTOR หลายบริษัท ให้ลดราคาน้ำมัน B100 ให้ใกล้เคียง GGC โดยให้คำมั่นว่าจะไม่ลดปริมาณโควต้าในการรับซื้อน้ำมัน B100 ของแต่ละราย แต่หากไม่ลดราคาจะพิจารณาลดโควต้า ทำให้บริษัทผู้ผลิตไบโอดีเซลเกิดความกลัว จึงจำยอมลดราคาให้ แต่ท้ายที่สุดกลับมีการลดปริมาณและมีการจำกัดโควต้าของคู่ค้าด้วย โดยไปเพิ่มโควตาให้กับ GGC ในไตรมาสที่ 2 จำนวน 12 ล้านลิตร 

 

 

 

กรณีนี้ในข้อร้องเรียนระบุว่า ได้สร้างความไม่พอใจกับสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัทผู้ผลิตไบโอดีเซลมากกว่า 10 บริษัท เพราะทำให้แต่ละรายต้องขาดทุนทันที ซึ่งพนักงานสอบสวนของดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเร่งหาข้อสรุปตามข้อกล่าวหาทั้งหมดโดยเร็ว

 

 

 

ทั้งนี้ เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาว่า มีการจงใจปล่อยให้มีการขายขาดทุน, การยินยอมให้คนอื่นหรือองค์กรอื่นมาสั่งการข้ามบริษัท, มีการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่าง  GGC และ PTTOR หรือไม่, มีการดำเนินการผิดกฎหมายเรื่อง Transfer Pricing ระหว่าง GGC และ PTTOR หรือไม่ โดยในขณะนี้พนักงานสอบสวนยังอยู่ในระหว่างการแสวงหาข้อมูลเบื้องต้นตามข้อกล่าวหาเท่านั้น