ข่าว

"พีจีที"จัดงบ5พันล้านขยายธุรกิจ"นอนออย"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พีทีจี เอ็นเนอยี ลุยธุรกิจนอนออย หวังเพิ่มสัดส่วนกำไร 70% พร้อมกำเงินลงทุน 5-7 พันล้าน

 

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทวางงบประมาณเข้าซื้อกิจการในธุรกิจอาหารและกลุ่มบริการใน 5 ปีข้างหน้าประมาณ 5-7 พันล้านบาท เพื่อขยายสัดส่วนธุรกิจนอนออยให้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 60-70% ของกำไรสุทธิในปี 2560 จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 9%

“เราต้องการกระจายสัดส่วนกำไรให้มาจากนอนออยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้ระดับกำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีกว่าธุรกิจน้ำมันที่มีกำไรต่ำ” 

สำหรับนโยบายการเข้าซื้อกิจการเบื้องต้นวางงบลงทุนปีละ 1 - 1.5 พันล้านบาท โดยจะเข้าลงทุนปีละ 2-3 บริษัท คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 15% ต่อปี โดยจะเน้นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทได้ทันที ในปีนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าลงทุนเพิ่มเติมอีก 2 รายการ แบ่งเป็นไตรมาสที่ 3 จำนวน 1 รายการ และไตรมาสที่ 4 จำนวน 1 รายการ โดยหนึ่งในธุรกิจที่อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการหรือร่วมลงทุน เกี่ยวข้องกับแอลพีจีภาคครัวเรือน  

ล่าสุดบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด หรือ PUN บริษัทลูกที่บริษัทถือหุ้น 99.99% ใช้เงิน 40 ล้านบาท ซื้อหุ้นในบริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด สัดส่วน 70% ซึ่งบริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจอาหารมากกว่า 40 ปี โดยวางแผนจะใช้วงเงินในการขยายธุรกิจผ่านจิตรมาส ในระยะ 5 ปี ที่ 360 ล้านบาท และมีแผนจะขยายทั้งธุรกิจร้านอาหารทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถขยายสาขาร้านอาหารได้ประมาณ 30 สาขา ภายในปี 2562 และเพิ่มไม่ต่ำกว่า 150 สาขา ภายในปี 2565 

 

 

 

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปีนี้ มองว่าการเติบโตยังมีทิศทางที่ดี ปัจจุบันมีค่าการตลาดอยู่ที่ 1.7 -1.8 บาท ซึ่งอยู่ในระดับที่บริษัทสามารถทำกำไรได้ บริษัทมีแผนการขยายสาขายังมีต่อเนื่อง วางเป้าหมายมีจำนวนสาขาครบ 2,000 แห่งภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่ 1,720 สาขา 

ด้านนายรังสรรค์ พวงปรางผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเข้าซื้อกิจการนั้น บริษัทจะเน้นธุรกิจที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทได้ทันที โดยในเบื้องต้นระยะ 1-2 ปี บริษัทจะใช้รูปแบบการกู้เงิน  รวมถึงการพิจารณาออกตราสารหนี้ เพื่อช่วยในการซื้อกิจการ รวมถึงใช้กระแสเงินสดของบริษัทบางส่วน  โดยในปีนี้คาดว่าจะสร้างกระแสเงินสดได้ 3-3.5 พันล้านบาท ส่วนในระยะถัดไป 3-5 ปี คาดว่ากระแสเงินสดที่เข้ามาจากการซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมาน่าจะช่วยทำให้บริษัทมีเงินลงทุนและซื้อธุรกิจได้โดยไม่ต้องกู้เงิน ส่วนนโยบายการถือหุ้น บริษัทจะเข้าถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 40% และหากธุรกิจใดมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีหรือเสริมธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญจะเข้าถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 60%  

ที่มา:·กรุงเทพธุรกิจ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ